มหาวิทยาลัยศรีปทุม จัดพิธีประสาทปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2566 ณ บัวหลวงแกรนด์รูม ชั้น 5 อาคาร ดร.สุข พุคยาภรณ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม กทม. (บางเขน) ระหว่างวันที่ 21-23 ธันวาคม 2567 โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์ ราชบัณฑิต นายกสภามหาวิทยาลัยศรีปทุม เป็นประธานในพิธีและมอบปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา และ ดร.รัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน อธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความภาคภูมิใจของบัณฑิต คณาจารย์ คณะผู้บริหาร รวมถึงญาติของบัณฑิตที่มาร่วมแสดงความยินดีภายในงาน
ดร.รัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน อธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวให้โอวาทแก่บัณฑิตว่า ความสำเร็จในการศึกษาไม่ใช่เพียงจุดสิ้นสุดของการเรียนรู้ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะให้คุณมีความกล้าหาญ ด้วยความรู้ ความสามารถ และจิตใจ ที่พร้อมเผชิญทุกโอกาสและความท้าทาย เพื่อสร้างคุณค่า และเติมเต็มในก้าวต่อๆ ไปของความสำเร็จในชีวิต
“มหาวิทยาลัยศรีปทุม ภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางการเดินทางของพวกคุณ คณาจารย์ทุกท่านต่างเฝ้าดูแลและสนับสนุนทุกท่านอย่างใกล้ชิด เหมือนเช่นลูกหลานในครอบครัว ทุกความรู้และประสบการณ์ที่ท่านได้รับจากที่นี่ จะเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้ท่านเติบโตเป็นคนเก่ง คนดี และมีความสุขในชีวิต”
ดร.รัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน ยังกล่าวถึงโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสที่หลากหลาย โดยเฉพาะในยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและการดำเนินชีวิต โดยย้ำถึงความสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต การคิดสร้างสรรค์ และการปรับตัวอย่างต่อเนื่องคือหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ และสิ่งที่จะทำให้ความสำเร็จยั่งยืน และเปี่ยมด้วยคุณค่า คือความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ความกตัญญู และความรับผิดชอบต่อสังคม
รองศาสตราจารย์ ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์ ราชบัณฑิต นายกสภามหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้กล่าวแสดงความยินดีและชื่นชมแก่บัณฑิตทุกท่านในโอกาสที่สำเร็จการศึกษาตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่เริ่มเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย โดยแนะนำให้ตั้งเป้าหมายสำคัญในชีวิตต่อไป ซึ่งเรียกว่า “จตุสดมภ์ชีวิต” หรือหลักการสำคัญ 4 ประการที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ได้แก่ สุขภาพกาย สุขภาพใจ สุขภาพการงาน และ สุขภาพทางการเงิน
ในท้ายที่สุด นายกสภามหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้กล่าวอวยพรขอให้บัณฑิตทุกคนประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้ยั่งยืนต่อไป
