Alumni Talk “ศิษย์เก่า มาเล่าเรื่อง” โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
อยากให้ประเมินจุดแข็ง และมองหาจุดอ่อนของตัวเองให้เจอ เพราะถ้าเราไม่รู้สิ่งนี้ เราก็ยากที่จะพัฒนาตัวเองไปในทิศทางที่ถูกต้องได้
คุณสุรชัย แสงเมือง ศิษย์เก่า วิศวกรรมอุตสาหการ รหัสปี 45 จาก เด็กช่างเชื่อม ต่างจังหวัด มุ่งมั่น ก้าวสู่รั่วมหาวิทยาลัยศรีปทุม ในสาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ฝ่าฟันเกรด F และ D พัฒนาตนเองสู่วิศวกรเต็มตัว เป็นนักธุรกิจ เปิดบริษัททางวิศวกรรม เติบโตอย่างต่อเนื่องจาก ทั้งในไทยและต่างประเทศในภูมิภาคอาเชี่ยน มีมูลค่ามากกว่า 200 ล้าน
จุดเริ่มต้นของการเลือกเส้นทางอาชีพวิศวกร ของผมคือการที่ผมมองไปที่อนาคตแล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราจะอยู่แค่อาชีพช่างเชื่อมเพียงเท่านี้หรือ ผมบอกตัวเองเสมอว่าเรามีศักยภาพในตัวมากกว่านี้ และนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ชีวิตผมก้าวมาถึงทุกวันนี้
ผมจึงได้เข้าไปปรึกษากับอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งท่านก็ได้แนะแนวทางว่าให้ผมหาข้อมูล เกี่ยวกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม และเจาะจงให้ผมว่าควรจะเป็นวิศวกรรมศาสตร์ ด้านอุตสาหการ ด้วยความที่ท่านเห็นอุปนิสัยผมที่ แตกต่างจากเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ คิดอะไรที่ไม่เหมือนคนในห้อง ชอบวางแผน ชอบตั้งคำถามอะไรที่คนอื่นๆ ไม่สนใจ และมีความสนใจในเรื่องต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือจากที่หนังสือได้ถ่ายทอดไว้ ท่านอาจารย์ยังได้อธิบายว่า ลักษณะการเป็นคนช่างคิด ช่างวางแผน ช่างแก้ไขปัญหา นั้นเป็นลักษณะเด่นของคนที่สามารถที่จะทำงานทางสายวิศวกรรมอุตสาหการได้เป็นอย่างดี
เหตุผลอีกประการที่ท่านแนะนำให้มาเรียนที่ มหาวิทยาลัยศรีปทุมก็ เพราะผมเป็นคนที่เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ซึ่งหลักสูตรของที่ศรีปทุมนี้ ก็สามารถรองรับความต้องการในส่วนนี้ได้อย่างพอเหมาะพอดีลงตัว และอีกอย่างคือมหาวิทยาลัยศรีปทุมตั้งอยู่กลางเมืองของกรุงเทพด้านบน ทำให้สะดวกในการหางานทำได้อย่างไม่ยาก
สำหรับผมการเรียนสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการทำให้ ผมรู้ศาสตร์ของวิศวะทุกวิชาพื้นฐานสำคัญๆ จึงทำให้สามารถบริการจัดการงานทางด้านวิศวกรรมได้อย่างเหนือกว่านักบริหารธุรกิจที่ไม่มีพื้นฐานทางวิศวกร
ในรั้วมหาวิทยาลัยศรีปทุม ยังทำให้ผมมีโอกาสได้เรียนรู้ร่วมกับเพื่อนๆ จากหลากหลายสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็นในคณะวิศวะเอง หรือจากนอกคณะซึ่งก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจากคณะสถาปัต คณะบริหารธุรกิจ
ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผม เพราะผมเป็นเด็กจากต่างจังหวัด เข้ามาเรียนในกรุงเทพก็อยู่หอพัก ซึ่งผมเองก็ได้อาศัยพึ่งพาสิ่งอำนวยความสะดวกในมหาวิทยาลัยศรีปทุมได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นหอสมุด ห้องออกกำลังกาย รวมถึงบรรยากาศสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่นเพื่อนฝูง และเหล่าอาจารย์ที่เอาใจใส่และให้คำแนะนำตลอดโดยไม่เหน็ดเหนื่อย
หลังจากที่จบ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการของที่ ม.ศรีปทุมออกมา ผมก็ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นวิศวกรโรงงานที่สามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานในโรงงานได้อย่างดี จนต่อมาได้รับโอกาสสำคัญจากบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้เข้าร่วมทำงานในตำแหน่งวิศวกรฝ่ายขายโครงการ ซึ่งก็ได้มีโอกาสได้ทำงานหลากหลายและครอบคลุม ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
นอกจากนี้ผมยังได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับลูกค้าในต่างประเทศได้ติดต่อ ประสานงานกับชาวต่างชาติอยู่เรื่อยๆ ซึ่งในมุมมองผม เชื่อว่าเรื่องของภาษาต่างชาติเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราเติบโตและก้าวหน้าในอนาคต ซึ่งในส่วนนี้ผมก็ได้หาความรู้และฝึกฝนด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา และพอโอกาสเข้ามา ผมก็ไม่ลังเลที่จะคว้าเอาไว้
พอผ่านการทำงานมาสัก 5 ปี ผมเองก็มีความฝันและอยากทำอะไรที่เป็นแนวทางที่ผมสนใจและถนัดอย่างจริงจัง จึงได้เข้าไปคุยกับทางผู้บริหารของบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ว่าผมขอรับเป็นซัพพลายเออร์ รับทำงานให้กับทางบริษัท ซึ่งก็ได้รับโอกาสจากทางผู้บริหาร ผมจึงได้มีโอกาสได้เป็น บริษัท ของผมเอง ในปี 2557 ซึ่งก็มีลูกค้ารายสำคัญของทางบริษัท ซีพีเอฟ บริษัท ในเครือบริษัทที่ผมเคยร่วมงาน และบริษัทที่ผมสร้างก็ได้รับโอกาสมาเรื่อยๆ จากทางเครือเจริญโภคภัณฑ์
ซึ่งผมอยากฝากถึงน้องๆ ที่สนใจงานทางสายวิศวกร ว่า อยากให้ประเมินจุดแข็ง และมองหาจุดอ่อนของตัวเองให้เจอ เพราะถ้าเราไม่รู้สิ่งนี้ เราก็ยากที่จะพัฒนาตัวเองไปในทิศทางที่ถูกต้องได้ ในโลกปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ การที่เรามองหาจุดแข็งของเราเจอ จะทำให้เราใช้มันสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งอื่นๆ ได้ ไม่ยากและสำหรับจุดอ่อน เราก็สามารถที่จะเลือกมองหาพาร์ทเนอร์มาช่วยบริหารจัดการแทนได้
รับฟังเรื่องราว ความตั้งใจ แนวคิดความมุ่งมั่น ที่จะเป็นประโยชน์แก่น้องๆวิศวกรรุ่นใหม่ จากพี่โจ สุรชัย แสงเมือง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โปรเฟสชั่นนอล เมททอลเวิร์ค จำกัด โดยการชวนเล่าเรื่องโดย ผศ.ดร.ชลธิศ เอี่ยมวรวุฒิกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม