บรรษัทภิบาล: เข็มทิศนำทางธุรกิจสู่ความเชื่อมั่นและความยั่งยืนในตลาดทุนไทย
ในโลกของธุรกิจที่การแข่งขันสูงและเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง การสร้างความเติบโตที่ยั่งยืนไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขผลกำไรเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังรวมถึง “ความเชื่อมั่น” จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน พนักงาน ลูกค้า และสังคมโดยรวม ซึ่งหัวใจสำคัญที่นำไปสู่ความเชื่อมั่นนั้นก็คือ บรรษัทภิบาล (Corporate Governance: CG) หรือการกำกับดูแลกิจการที่ดี หลักการนี้จึงเป็นสิ่งที่นักศึกษา ปริญญาตรีบัญชี และผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อเป็นรากฐานในการสร้างองค์กรให้แข็งแกร่งและยั่งยืนในตลาดทุนไทย
1. ทำความรู้จัก บรรษัทภิบาล (Corporate Governance) คืออะไร?
บรรษัทภิบาล คือ ระบบและกระบวนการที่ใช้ในการบริหารจัดการและควบคุมองค์กร เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม เปรียบเสมือน “เข็มทิศ” ที่กำหนดทิศทางของธุรกิจให้เดินหน้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จรรยาบรรณ และคำนึงถึงผลประโยชน์ในระยะยาว หลักการสำคัญประกอบด้วย:
- ความโปร่งใส (Transparency): การเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และทันเวลา
- ความรับผิดชอบ (Accountability): คณะกรรมการและผู้บริหารมีความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจและการกระทำของตนเอง
- ความเป็นธรรม (Fairness): การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน
- จริยธรรมทางธุรกิจ (Business Ethics): การดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและมีคุณธรรม
2. บทบาทของนักบัญชีกับการขับเคลื่อนบรรษัทภิบาลในองค์กร
นักบัญชีคือผู้เล่นคนสำคัญในการวางรากฐานของบรรษัทภิบาลที่ดี เพราะข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องและเชื่อถือได้คือหัวใจของความโปร่งใส นักบัญชีมีหน้าที่จัดทำรายงานทางการเงินตามมาตรฐานสากล เพื่อสะท้อนภาพสถานะที่แท้จริงของกิจการ ทำให้นักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถใช้ข้อมูลในการตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ยังมีบทบาทในการวางระบบควบคุมภายใน เพื่อป้องกันการทุจริตและสร้างความรับผิดชอบให้เกิดขึ้นจริงในองค์กร
ดังนั้น หลักสูตร ปริญญาตรีบัญชี ที่ดีจึงต้องสอนมากกว่าแค่เทคนิคการลงบัญชี แต่ต้องปลูกฝังจรรยาบรรณวิชาชีพ ความเข้าใจในหลักบรรษัทภิบาล และทักษะการคิดวิเคราะห์ เพื่อผลิตบัณฑิตที่พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่องค์กรและตลาดทุน
3. CSR: มากกว่าการให้ คือส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบที่ยั่งยืน
CSR (Corporate Social Responsibility) หรือความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่แค่การบริจาคหรือการทำกิจกรรมเพื่อสังคมเป็นครั้งคราว แต่เป็นส่วนหนึ่งที่แยกไม่ออกจาก บรรษัทภิบาล CSR ในมิติของความยั่งยืนคือการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (ESG: Environmental, Social, and Governance) องค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง จะสามารถสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value) ทำให้ธุรกิจเติบโตควบคู่ไปกับคุณภาพชีวิตที่ดีของสังคม และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว
4. หลักสูตรปริญญาตรีบัญชี ม.ศรีปทุม (SPU): ปั้นนักบัญชียุคใหม่ใส่ใจบรรษัทภิบาล
ที่ คณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) เราเข้าใจถึงความสำคัญของการสร้างนักบัญชีมืออาชีพที่ไม่ได้เก่งแค่ตัวเลข แต่ยังเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและจรรยาบรรณ หลักสูตรปริญญาตรีบัญชีของเราจึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์โลกธุรกิจสมัยใหม่ โดยสอดแทรกความรู้ด้านบรรษัทภิบาล, CSR และการพัฒนาที่ยั่งยืนเข้าไปในทุกรายวิชา
นักศึกษาจะได้เรียนรู้ผ่านกรณีศึกษาจริงจากบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ฯ และฝึกฝนกับคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์ตรงจากวงการวิชาชีพ ทำให้บัณฑิตบัญชีจาก ม.ศรีปทุม มีความพร้อมที่จะก้าวสู่โลกการทำงาน เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยหลักบรรษัทภิบาล และสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจของประเทศ
องค์กรที่ยึดมั่นในหลักการบรรษัทภิบาลที่ดี ไม่เพียงแต่จะได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน แต่ยังเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เองก็ได้ส่งเสริมและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานของบริษัทจดทะเบียนไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ
5. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
บรรษัทภิบาล (Corporate Governance) แตกต่างจาก CSR อย่างไร?
บรรษัทภิบาล เป็นภาพใหญ่ คือ “วิธีการ” บริหารจัดการองค์กรให้โปร่งใสและมีความรับผิดชอบ ส่วน CSR เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ที่เน้น “การกระทำ” ที่แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม กล่าวคือ องค์กรที่มีบรรษัทภิบาลที่ดี ย่อมมีการดำเนินงานด้าน CSR ที่น่าเชื่อถือและเป็นรูปธรรม
ทำไมการเรียนหลักสูตรปริญญาตรีบัญชีจึงต้องให้ความสำคัญกับบรรษัทภิบาล?
เพราะนักบัญชีคือ “ผู้พิทักษ์ข้อมูล” ขององค์กร การเข้าใจหลักบรรษัทภิบาลจะช่วยให้นักบัญชีสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีจรรยาบรรณ จัดทำรายงานทางการเงินที่สะท้อนความจริง และเป็นที่ปรึกษาที่ช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นทักษะที่นายจ้างมองหาและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความก้าวหน้าในสายอาชีพ
บริษัทที่ไม่มีบรรษัทภิบาลที่ดีจะส่งผลเสียอย่างไร?
ผลเสียมีหลายด้าน ตั้งแต่การขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ทำให้ระดมทุนได้ยาก, ความเสี่ยงในการเกิดการทุจริตคอร์รัปชันภายในองค์กร, ภาพลักษณ์ธุรกิจเสียหาย, ลูกค้าและคู่ค้าไม่ไว้วางใจ และอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมาย ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการและความอยู่รอดขององค์กรในระยะยาว
บรรษัทภิบาลไม่ใช่เพียงกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตาม แต่เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ต้องสร้างขึ้นจากความรับผิดชอบและจริยธรรม ซึ่งเริ่มต้นจากการมีบุคลากรที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะสายงานบัญชีที่เป็นเสาหลักของความโปร่งใส การเลือกลงทุนกับการศึกษาในหลักสูตรที่ใช่ ปริญญาตรีบัญชี ที่ SPU จึงเป็นการวางรากฐานสู่การเป็นผู้นำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและสร้างความยั่งยืนให้สังคมไทยได้อย่างแท้จริง
สนใจความรู้ด้านบัญชีและศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง สามารถพบกันได้ที่ คณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม