Hyperautomation และ RPA: คู่หูสายเทค พลิกเกมวิเคราะห์งบการเงิน ลดเวลา ลดพลาด สไตล์คนรุ่นใหม่
สวัสดีเพื่อนๆ! เราเป็นนักศึกษาคณะบัญชีคนหนึ่งที่เคยคิดว่าชีวิตนี้คงหนีไม่พ้นการจ้องตัวเลขใน Excel จนตาแฉะ ทำงานซ้ำๆ เดิมๆ วนไป… บอกเลยว่ามันคือฝันร้ายชัดๆ! แต่โลกมันเปลี่ยนไปแล้วเพื่อนๆ วันนี้เราจะมาเล่าเรื่อง “คู่หูฮีโร่” ที่จะมาปลดแอกเราจากงานน่าเบื่อพวกนั้น นั่นก็คือ Hyperautomation และ RPA ที่จะมาเปลี่ยนการวิเคราะห์งบการเงินให้กลายเป็นเรื่องสนุก ท้าทาย และโคตรแม่นยำ!
ก่อนอื่นเลย… การวิเคราะห์งบการเงินมันน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ?
สำหรับเพื่อนๆ ที่อาจจะยังไม่เก็ท ฟีลลิ่งมันประมาณนี้… ลองนึกภาพว่าเราต้องเป็นนักสืบที่ต้องไปรวบรวมข้อมูลจากเอกสารเป็นร้อยๆ หน้า ทั้งไฟล์ PDF, Excel, บางทีมาเป็นรูปภาพ! แล้วต้องทำอะไรบ้าง?
- ดึงข้อมูล (Data Extraction): ก็อป-วาง ตัวเลขจากไฟล์หนึ่งไปอีกไฟล์หนึ่ง…วนไปค่ะ
- ทำความสะอาดข้อมูล (Data Cleansing): แก้ไขตัวสะกดผิด, จัด Format วันที่ให้เหมือนกัน, ลบข้อมูลที่ซ้ำซ้อน โอ้ย ปวดหัว!
- คำนวณอัตราส่วนทางการเงิน: นั่งกดสูตรใน Excel ทีละอันๆ ถ้ากดผิดช่องเดียวคือ…พัง!
- ทำรายงาน: เอาข้อมูลที่ได้มาทำกราฟ ทำตารางส่งอาจารย์หรือหัวหน้า
เห็นมั้ยว่างานส่วนใหญ่มันคือ “งาน Routine” ที่ซ้ำซากและเปิดโอกาสให้เกิด Human Error หรือความผิดพลาดจากคนได้ง่ายมาก แค่เราตาลายใส่เลขผิดไปตัวเดียว ความหมายของงบการเงินก็เปลี่ยนไปเลยนะ!
พระเอกคนแรกปรากฏตัว: RPA (Robotic Process Automation) คืออะไร?
อย่าเพิ่งนึกถึงหุ่นยนต์แบบในหนังนะ! RPA มันคือ “ซอฟต์แวร์บอท” (Software Bot) ที่เราสามารถ “สอน” ให้มันทำงานซ้ำๆ บนคอมพิวเตอร์แทนเราได้ คิดซะว่ามันเป็นผู้ช่วยดิจิทัลที่ขยันสุดๆ ไม่เคยบ่น ไม่เคยเหนื่อย และทำงานเป๊ะ 100%
RPA ทำอะไรได้บ้างในการวิเคราะห์งบการเงิน?
- ล็อกอินเข้าระบบ: บอทสามารถล็อกอินเข้าระบบบัญชีของบริษัท หรือเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อไปดาวน์โหลดงบการเงินประจำไตรมาสได้เองอัตโนมัติ
- ดึงข้อมูลจากเอกสาร: มันสามารถเปิดไฟล์ PDF หรือ Excel แล้วดึงข้อมูลเฉพาะตัวเลขที่เราต้องการ เช่น รายได้, กำไร, หนี้สิน ออกมาใส่ในไฟล์สรุปของเราได้เลย
- กรอกข้อมูลลงฟอร์ม: สามารถก็อปปี้ข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปวางใน Template รายงานของเราได้เป๊ะๆ ทุกช่อง
- ส่งอีเมลแจ้งเตือน: พอทำงานเสร็จปุ๊บ บอทก็ส่งอีเมลรายงานที่เสร็จแล้วมาให้เราได้ทันที
พูดง่ายๆ คือ RPA มาจัดการงานใช้แรงงานที่น่าเบื่อให้หมดไป ทำให้เรามีเวลาไปโฟกัสกับส่วนที่สำคัญกว่า นั่นคือ “การคิดวิเคราะห์” นั่นเอง
อัปเกรดสู่ร่างสุดยอด: Hyperautomation คืออะไร? ทำไมต้องไฮเปอร์?
ถ้า RPA คือพระเอก Hyperautomation ก็คือทีม Avengers เลยเพื่อนๆ!
Hyperautomation ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเดียว แต่มันคือการรวมพลังของเทคโนโลยีสุดล้ำหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้กระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติแบบครบวงจรและฉลาดขึ้นไปอีกขั้น โดยมี RPA เป็นเหมือน “แขนขา” ที่คอยทำงานตามคำสั่ง
มาดูสมาชิกในทีม Hyperautomation กัน:
1. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning (ML) – “สมองของทีม”
AI/ML ทำให้บอทไม่ได้แค่ทำงานตามที่สอนแบบทื่อๆ แต่ยัง “คิด” และ “เรียนรู้” ได้ด้วยตัวเอง ในการวิเคราะห์งบการเงิน AI สามารถ:
- พยากรณ์แนวโน้ม (Predictive Analytics): วิเคราะห์ข้อมูลในอดีตเพื่อคาดการณ์ยอดขายหรือกำไรในอนาคตได้
- ตรวจจับความผิดปกติ (Anomaly Detection): หากมีตัวเลขไหนในงบการเงินที่ดูแปลกไปจากปกติ AI จะแจ้งเตือนเราทันที อาจเป็นสัญญาณของการทุจริตก็ได้!
- เข้าใจภาษาคน (Natural Language Processing – NLP): AI สามารถอ่านและสรุป “หมายเหตุประกอบงบการเงิน” ที่เป็นตัวหนังสือยาวๆ ให้เราได้
2. Optical Character Recognition (OCR) – “ดวงตาของทีม”
เคยเจอเอกสารที่มาแบบสแกนเป็นไฟล์รูปภาพ (.jpg) หรือ PDF ที่ก็อปปี้ข้อความไม่ได้มั้ย? OCR คือเทคโนโลยีที่แปลงรูปภาพของตัวอักษร ให้กลายเป็นข้อมูล Text ที่คอมพิวเตอร์เอาไปใช้ต่อได้ เหมือนมีคนมานั่งพิมพ์เอกสารแผ่นนั้นให้เราใหม่เลย!
3. Process Mining – “นักสืบของทีม”
ก่อนที่เราจะสร้างบอท Process Mining จะเข้ามาช่วย “สืบ” ก่อนว่ากระบวนการทำงานปัจจุบันของเราเป็นยังไง มีขั้นตอนไหนที่ช้า หรือเป็นคอขวด เพื่อที่เราจะได้ออกแบบการทำงานอัตโนมัติที่ดีที่สุดได้
Before & After: เมื่อ Hyperautomation เข้ามาเปลี่ยนโลกการเงิน
เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ เรามาลองเปรียบเทียบการทำงานของ “นักวิเคราะห์สายดั้งเดิม” กับ “นักวิเคราะห์สายเทค” กัน
❌ Before: วิถีแมนนวล (ใช้เวลา 2-3 วัน)
- Day 1 (เช้า): เข้าเว็บ SET, โหลดงบการเงินของ 5 บริษัทคู่แข่ง (เป็น PDF)
- Day 1 (บ่าย): เปิดไฟล์ PDF ทีละไฟล์, นั่งพิมพ์ตัวเลขสำคัญลงใน Excel…ตาลายสุดๆ
- Day 2 (เช้า): ตรวจทานความถูกต้องของตัวเลขที่พิมพ์ไป (อาจมีผิด)
- Day 2 (บ่าย): เริ่มใส่สูตรคำนวณอัตราส่วนทางการเงินทีละตัว เช่น DE Ratio, ROA, ROE
- Day 3: นำตัวเลขไปสร้างกราฟใน PowerPoint และเริ่มเขียนบทสรุปวิเคราะห์
ความเสี่ยง: พิมพ์เลขผิด, ใส่สูตรพลาด, เสียเวลาไปกับงาน Routine, เหนื่อยจนไม่มีแรงคิดวิเคราะห์ลึกๆ
✅ After: วิถี Hyperautomation (ใช้เวลา 15 นาที)
- สั่งการ: นักวิเคราะห์เปิดโปรแกรมแล้วกด “Run” สั่งให้บอทเริ่มทำงานกับ 5 บริษัทเป้าหมาย
- (นาทีที่ 1-5) บอททำงาน:
- RPA ล็อกอินเข้าระบบและดาวน์โหลดไฟล์งบการเงินทั้งหมด
- OCR สแกนไฟล์ PDF แล้วแปลงเป็นข้อมูล Text
- AI (NLP) อ่านและดึงเฉพาะตัวเลขที่ต้องการออกมา
- (นาทีที่ 6-10) ระบบวิเคราะห์:
- ข้อมูลถูกส่งเข้าระบบกลาง ซึ่งคำนวณอัตราส่วนทางการเงินทุกตัวให้อัตโนมัติ
- AI (ML) เปรียบเทียบข้อมูลกับปีก่อนๆ และหาแนวโน้มที่น่าสนใจ พร้อมแจ้งเตือนจุดที่ผิดปกติ
- (นาทีที่ 11-15) สร้างรายงาน:
- ระบบสร้าง Dashboard สรุปผลแบบ Interactive พร้อมกราฟสวยงามให้อัตโนมัติ
- AI (NLG) อาจช่วยร่างบทสรุปเบื้องต้นให้ด้วย!
ผลลัพธ์: นักวิเคราะห์ได้รายงานเบื้องต้นภายใน 15 นาที! และใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดไปกับการ “ตีความข้อมูล” และ “วางกลยุทธ์” ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้สมองของมนุษย์จริงๆ
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา…วัยรุ่นวัยเรียน?
เรื่องนี้ใกล้ตัวกว่าที่คิดเยอะเลยนะเพื่อนๆ! โลกการทำงานในอนาคตที่เรารุ่นเรากำลังจะก้าวเข้าไป มันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
- ทักษะที่เปลี่ยนไป: บริษัทไม่ได้มองหาคนที่ทำงานซ้ำๆ ได้ดีอีกต่อไป แต่เค้ามองหาคนที่สามารถ “ใช้เทคโนโลยี” และ “วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก” ได้ คนที่สามารถตั้งคำถามที่ฉลาดๆ กับข้อมูลที่ AI สรุปมาให้ได้
- โอกาสในสายอาชีพใหม่ๆ: เกิดอาชีพใหม่ๆ เช่น RPA Developer, Automation Consultant หรือ Financial Data Scientist ที่เป็นลูกผสมระหว่างนักบัญชีกับโปรแกรมเมอร์ บอกเลยว่าเท่และเงินดีมาก!
- เรียนให้ตรงจุด: ถ้าเรารู้เทรนด์นี้ตั้งแต่ตอนนี้ เราจะสามารถเลือกเรียนเสริม หรือฝึกฝนทักษะที่จำเป็นได้ก่อนใคร เช่น ลองหัดใช้เครื่องมือ Business Intelligence (BI) อย่าง Power BI, Tableau หรือลองเรียนเขียนโค้ด Python เบื้องต้นสำหรับจัดการข้อมูล
การมาของ Hyperautomation ไม่ได้จะมา “แย่งงาน” แต่จะมา “เปลี่ยนรูปแบบของงาน” จากผู้ใช้แรงงานด้านข้อมูล มาเป็น “ผู้ควบคุมและนักกลยุทธ์” แทน
Q&A: ถามมา-ตอบไป สไตล์เด็กบัญชีสายเทค
Q1: แบบนี้หุ่นยนต์จะมาแย่งงานหนู/ผมในอนาคตรึเปล่า?
A: ไม่ใช่การแย่งงาน แต่เป็นการ “อัปเกรดงาน” ของเรามากกว่า! งานน่าเบื่อ ซ้ำซากจะถูกยกให้บอททำ ส่วนเราจะได้ไปทำงานที่ท้าทายและต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เช่น การวางแผนกลยุทธ์, การให้คำปรึกษาลูกค้า, การตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังทำแทนมนุษย์ไม่ได้ 100%
Q2: ต้องเขียนโค้ดเก่งมากๆ เลยมั้ย ถึงจะใช้ RPA ได้?
A: ข่าวดีคือ ไม่จำเป็นเสมอไป! ปัจจุบันมีแพลตฟอร์ม RPA หลายเจ้าที่เป็นแบบ Low-code/No-code คือใช้การลาก-วาง (Drag-and-Drop) เพื่อสร้างบอทได้เลย คนที่ไม่มีพื้นฐานเขียนโค้ดก็เรียนรู้ได้ไม่ยาก แต่ถ้าเขียนโค้ดเป็น (เช่น Python) ก็จะยิ่งช่วยให้เราสร้างบอทที่ซับซ้อนและเก่งขึ้นไปอีกได้
Q3: สรุปแล้ว Hyperautomation กับ AI มันต่างกันยังไง?
A: ให้คิดว่า Hyperautomation คือ “โครงการสร้างเมืองอัจฉริยะ” ส่วน AI คือ “เทคโนโลยีไฟฟ้า” ที่ทำให้เมืองนั้นทำงานได้จริง AI เป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่ง (ที่สำคัญมาก) ของภาพใหญ่ที่เรียกว่า Hyperautomation ซึ่งยังประกอบด้วย RPA, OCR และเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมาย
Q4: เทคโนโลยีแบบนี้มีใช้แค่ในบริษัทใหญ่ๆ หรือเปล่า?
A: เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว! ด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ ทำให้มีบริการ RPA และ Automation ต่างๆ ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้นมาก บริษัทขนาดกลางหรือแม้แต่ SME ก็เริ่มนำมาปรับใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันแล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ว่าจะเรียนคณะอะไร ให้พยายามมองหาโอกาสเรียนรู้ข้ามศาสตร์เสมอ เพราะโลกอนาคตต้องการคนที่ “รู้กว้างและรู้ลึก” ครับ!
บทสรุป: อนาคตอยู่ในมือของคนที่พร้อมจะเปลี่ยน
โลกหมุนเร็วมากนะเพื่อนๆ การวิเคราะห์งบการเงินที่เคยเป็นงานถึกๆ กำลังจะกลายเป็นสนามเด็กเล่นของเทคโนโลยีไปแล้ว Hyperautomation และ RPA ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่มันคือเครื่องมือทรงพลังที่จะกำหนดอนาคตของสายงานบัญชีและการเงิน คนที่ปรับตัวและเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากมันได้ก่อน ก็คือคนที่จะก้าวนำหน้าคนอื่นไปไกล
ดังนั้น อย่ากลัวที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ลองเปิดใจให้กับเทคโนโลยี แล้วเปลี่ยนตัวเองจากคนที่ต้อง “ทำงานตามกระบวนการ” ให้กลายเป็นคนที่ “ออกแบบกระบวนการ” ด้วยเทคโนโลยีกันเถอะ!
















