การบริหารความเสี่ยงและคุณภาพในสายงานบัญชี ยุคหลัง COVID-19

 

เจาะลึก การบริหารความเสี่ยงและคุณภาพในสายงานบัญชี ยุคหลัง COVID-19 ที่วัยรุ่นควรรู้

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Gen Z ทุกคน! พี่เป็นรุ่นพี่นักศึกษาคณะบัญชีนะ วันนี้อยากจะมาชวนคุยเรื่องที่อาจจะดูจริงจังนิดหน่อย แต่บอกเลยว่าโคตรสำคัญและน่าสนใจสุดๆ โดยเฉพาะสำหรับน้องๆ ที่กำลังเล็งๆ ว่าจะเรียนต่อสายบริหารธุรกิจหรือบัญชี เรื่องนั้นก็คือ “การบริหารความเสี่ยงและคุณภาพในสายงานบัญชี ยุคหลัง COVID-19” นั่นเอง ฟังดูอาจจะเหมือนชื่อวิชาเรียนยากๆ แต่เชื่อพี่เถอะว่ามันเกี่ยวข้องกับชีวิตเราและอนาคตการทำงานมากกว่าที่คิดเยอะเลย!

 

จำช่วงที่เราต้องเรียนออนไลน์ สั่งข้าวผ่านแอปฯ แล้วทุกอย่างย้ายไปอยู่บนโลกดิจิทัลกันได้มั้ย? โลกของพี่ๆ นักบัญชีก็เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือเหมือนกัน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้มันมาพร้อมกับ “ความเสี่ยง” ใหม่ๆ และทำให้ “คุณภาพ” ของงานบัญชีต้องถูกยกระดับไปอีกขั้น วันนี้เราจะมาแกะรอยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง และทำไมน้องๆ ถึงต้องรู้เรื่องนี้!

Chapter 1: บริหารความเสี่ยง กับ คุณภาพงานบัญชี มันคืออะไรกันแน่

ก่อนจะไปไกล เรามาปูพื้นฐานกันก่อน เอาแบบง่ายๆ ไม่ต้องใช้ศัพท์เทคนิคเยอะนะ

1. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

นึกภาพตามนะ… สมมติเราจะจัดทริปไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อน ความเสี่ยงคืออะไรบ้าง? ก็อาจจะเป็น… ฝนตก, ตั๋วเครื่องบินเต็ม, งบหมดก่อนกลับ, หรือเพื่อนเท! การบริหารความเสี่ยง ก็คือการที่เราคิดถึงปัญหาพวกนี้ไว้ล่วงหน้า แล้วเตรียมแผนสำรองไว้ไง

  • ฝนตก? -> เตรียมแพลนเที่ยวในร่มไว้
  • ตั๋วเต็ม? -> จองล่วงหน้านานๆ หรือดูทางเลือกอื่นเช่นรถทัวร์
  • งบหมด? -> ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของทริป แบ่งเงินสำรองไว้

ในโลกของบัญชี ความเสี่ยงมันจริงจังกว่านั้นเยอะ เช่น ข้อมูลทางการเงินรั่วไหล, การลงบัญชีผิดพลาด, การทุจริต (โกงเงินบริษัท), หรือระบบคอมพิวเตอร์ล่ม การบริหารความเสี่ยงของนักบัญชีก็คือการหาทางป้องกันปัญหาพวกนี้ และเตรียมแผนรับมือถ้ามันเกิดขึ้นมาจริงๆ เพื่อให้บริษัทไม่เจ๊งนั่นเอง

2. การบริหารคุณภาพ (Quality Management)

อันนี้ง่ายเลย มันคือการทำให้ “งาน” ของเราออกมาดีที่สุด ถูกต้องที่สุด และน่าเชื่อถือที่สุด เหมือนเวลาเราทำการบ้านส่งอาจารย์ เราก็อยากให้งานเราเรียบร้อย ถูกต้อง ไม่มีรอยลบใช่มั้ยล่ะ

งานของนักบัญชีคือ “งบการเงิน” ซึ่งเป็นเหมือนสมุดรายงานผลประกอบการของบริษัท ถ้าข้อมูลในนั้นผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว คนที่เอาไปใช้อย่างผู้บริหารหรือนักลงทุน ก็อาจจะตัดสินใจพลาดจนบริษัทเสียหายมหาศาลได้เลย คุณภาพงานบัญชี จึงหมายถึงความ ถูกต้อง, ครบถ้วน, ทันเวลา, และโปร่งใส ของข้อมูลทางการเงินทั้งหมด

Chapter 2: The New Normal สนามรบใหม่ของนักบัญชีหลัง COVID-19

เจ้าไวรัสตัวร้ายมันไม่ได้แค่เปลี่ยนให้เราใส่หน้ากาก แต่มันเปลี่ยนโลกการทำงานของนักบัญชีไปตลอดกาล ซึ่งก็ทำให้เกิดความเสี่ยงและมาตรฐานคุณภาพแบบใหม่ๆ ขึ้นมาด้วย

1. ทำงานได้จากทุกที่ (Work from Anywhere) = ความเสี่ยงด้าน Cybersecurity พุ่งปรี๊ด!

ยุคนี้พี่ๆ นักบัญชีไม่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวันแล้ว ทำงานจากที่บ้านหรือคาเฟ่ก็ได้ ฟังดูชิลล์ใช่มั้ย? แต่เบื้องหลังคือความเสี่ยงมหาศาลเลยนะ!

  • การเข้าถึงข้อมูลจากนอกบริษัท: การใช้ Wi-Fi สาธารณะ หรือคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่ไม่ปลอดภัย อาจเป็นช่องโหว่ให้แฮกเกอร์เข้ามาขโมยข้อมูลลับทางการเงินของบริษัทได้ง่ายๆ
  • การควบคุมที่หละหลวม: การทำงานที่บ้านอาจทำให้การตรวจสอบเอกสารหรือการอนุมัติรายการต่างๆ ทำได้ยากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาดหรือการทุจริตได้

สิ่งที่นักบัญชียุคใหม่ต้องทำ: ไม่ใช่แค่ทำบัญชีเป็น แต่ต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่อง Cybersecurity ด้วย รู้จักการใช้ VPN, การตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัย, และตระหนักถึงความเสี่ยงของการ Phishing (การหลอกลวงทางอีเมล) อยู่เสมอ

2. ทุกอย่างคือดิจิทัล (Digital Transformation) = ทักษะใหม่ที่ต้องมี

ลืมภาพนักบัญชีนั่งดีดลูกคิดหรือจมอยู่กับกองเอกสารกระดาษไปได้เลย! ตอนนี้ทุกอย่างอยู่บน Cloud, ใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์, มีการใช้ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และ Automation (ระบบอัตโนมัติ) มาช่วยทำงานที่ซ้ำๆ ซากๆ

  • ความเสี่ยงใหม่: ถ้าเราพึ่งพาระบบมากเกินไป แล้ววันหนึ่งระบบล่ม หรือข้อมูลในระบบผิดพลาดขึ้นมาจะทำยังไง? หรือถ้า AI คำนวณผิดโดยที่เราไม่รู้ตัวล่ะ?
  • คุณภาพที่เปลี่ยนไป: คุณภาพของงานไม่ได้วัดที่ว่า “คีย์ข้อมูลเร็วแค่ไหน” อีกต่อไป แต่วัดที่ว่า “เราสามารถใช้ข้อมูลจากระบบพวกนี้มาวิเคราะห์และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับธุรกิจได้ดีแค่ไหน”

สิ่งที่นักบัญชียุคใหม่ต้องทำ: ต้องเปิดใจเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ ต้องสามารถใช้โปรแกรมบัญชีต่างๆ ได้คล่อง, เข้าใจหลักการทำงานของ Automation, และที่สำคัญที่สุดคือต้องมี ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อเปลี่ยนตัวเลขดิบๆ ให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจให้ได้

3. เศรษฐกิจผันผวน กฎระเบียบเปลี่ยนไว

หลังยุคโควิด สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ธุรกิจต่างๆ ก็ต้องปรับตัวกันยกใหญ่ รัฐบาลเองก็มีมาตรการหรือกฎหมายใหม่ๆ ออกมาตลอด (เช่น กฎหมายเกี่ยวกับภาษี, e-Tax Invoice ในประเทศไทย)

  • ความเสี่ยง: ถ้าธุรกิจปรับตัวไม่ทัน หรือนักบัญชีตามกฎหมายใหม่ๆ ไม่ทัน ก็อาจทำให้บริษัทเสียประโยชน์หรือทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัวได้
  • คุณภาพที่ต้องการ: นักบัญชีต้องเป็นคนที่ กระตือรือร้น (Proactive) ต้องคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าได้ และให้คำแนะนำด้านการเงินและภาษีที่อัปเดตและเป็นประโยชน์กับบริษัทได้ทันท่วงที

สิ่งที่นักบัญชียุคใหม่ต้องทำ: ต้องเป็นคนชอบเรียนรู้และติดตามข่าวสารอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ข่าวบัญชีภาษี แต่รวมถึงข่าวเศรษฐกิจและเทรนด์ของธุรกิจต่างๆ ด้วย

Chapter 3: Level Up! สรุปสกิลที่นักบัญชี Gen Z ต้องมีเพื่อความอยู่รอด

อ่านมาถึงตรงนี้ น้องๆ คงเห็นแล้วว่านักบัญชียุคนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขอีกต่อไป แต่เป็นสายงานที่ท้าทายและต้องใช้ทักษะรอบด้านมากๆ ถ้าอยากจะรุ่งในสายนี้ นี่คือสกิลที่ต้องรีบปั้นตั้งแต่วันนี้เลย!

  1. Tech Savvy (เชี่ยวชาญเทคโนโลยี): ไม่ต้องถึงกับเขียนโค้ดได้ แต่ต้องใช้โปรแกรมบัญชี Cloud, โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูล (อย่างน้อย Excel ขั้นสูง หรือ Power BI, Tableau) และเข้าใจคอนเซปต์ของ AI, Automation, Blockchain ได้เป็นอย่างดี
  2. Data Analytics Skill (ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล): ความสามารถในการมองลึกเข้าไปในตัวเลขและบอกได้ว่า “มันกำลังเกิดอะไรขึ้น” และ “เราควรทำอะไรต่อไป” นี่คือสกิลที่ AI แย่งจากเราไม่ได้
  3. Critical Thinking & Problem Solving (การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา): เมื่อเจอปัญหาด้านบัญชีหรือความเสี่ยงต่างๆ ต้องสามารถวิเคราะห์หาสาเหตุและเสนอแนวทางแก้ไขได้อย่างเป็นระบบ
  4. Communication & Interpersonal Skill (การสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์): ต้องสามารถอธิบายเรื่องการเงินยากๆ ให้คนที่ไม่ใช่สายบัญชี (เช่น ฝ่ายการตลาด หรือ CEO) เข้าใจได้ง่ายๆ และทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดี
  5. Adaptability & Lifelong Learning (การปรับตัวและการเรียนรู้ตลอดชีวิต): โลกเปลี่ยนเร็วมาก! คนที่จะประสบความสำเร็จคือคนที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพร้อมปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงเสมอ

Q&A ถาม-ตอบ ข้อสงสัยยอดฮิตกับพี่นักบัญชี 

Q: เรียนบัญชีต้องเก่งคณิตศาสตร์มากๆ เลยมั้ย?

A: เป็นคำถามยอดฮิตเลย! คำตอบคือ ไม่จำเป็นต้องเป็น ‘เทพคณิต’ ขนาดนั้น แต่ต้องมี ‘ทักษะทางตรรกะ’ และความเข้าใจในตัวเลขที่ดี เพราะบัญชีจริงๆ แล้วใช้แค่บวก ลบ คูณ หาร เป็นหลัก แต่หัวใจสำคัญคือการ ‘ตีความ’ ตัวเลขเหล่านั้นให้เป็นข้อมูลทางธุรกิจมากกว่า สกิลการวิเคราะห์และแก้ปัญหาสำคัญกว่าการคำนวณสูตรยากๆ เยอะเลย

Q: นักบัญชีทำงานกับคอมพิวเตอร์และเอกสารอย่างเดียวเลยเหรอ?

A: สมัยก่อนอาจจะใช่ แต่ยุคนี้ไม่ใช่แล้ว! นักบัญชียุคใหม่เป็นเหมือน ‘ที่ปรึกษาทางธุรกิจ’ ที่ใช้ข้อมูลตัวเลขมาช่วยผู้บริหารตัดสินใจ เราต้องสื่อสารกับคนหลายฝ่ายมากๆ ทั้งฝ่ายขาย การตลาด ผู้บริหาร หรือแม้กระทั่งนักลงทุน ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill) เลยสำคัญสุดๆ ไปเลย

Q: ความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดของนักบัญชีคืออะไร?

A: ถ้าในทางเทคนิค ความเสี่ยงที่น่ากลัวคือ ‘การให้ข้อมูลที่ผิดพลาด’ ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดของบริษัทและสร้างความเสียหายมหาศาล แต่อีกความเสี่ยงที่น่ากลัวไม่แพ้กันในยุคนี้คือ ‘Cybersecurity’ หรือการถูกแฮกข้อมูลทางการเงินของบริษัท ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากๆ และเป็นสาเหตุที่นักบัญชีต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยีมากขึ้น

Q: อนาคตนักบัญชีจะโดน AI แย่งงานมั้ย?

A: ไม่เชิงว่า ‘แย่งงาน’ แต่จะเข้ามา ‘เปลี่ยนรูปแบบการทำงาน’ มากกว่า AI จะมาช่วยงาน Routine ที่น่าเบื่อและซ้ำซาก เช่น การคีย์ข้อมูล การกระทบยอดบัญชี ทำให้นักบัญชีมีเวลาไปทำงานที่ต้องใช้ ‘สมอง’ และ ‘วิจารณญาณ’ มากขึ้น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การวางแผนกลยุทธ์ภาษี การให้คำปรึกษาทางธุรกิจ คนที่จะอยู่รอดคือคนที่ใช้ AI เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่คนที่กลัว AI ครับ

บทสรุปส่งท้ายถึงน้องๆ

การบริหารความเสี่ยงและคุณภาพในงานบัญชียุคหลัง COVID-19 ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย แต่มันคือภาพจริงของโลกการทำงานที่น้องๆ กำลังจะก้าวเข้าไปเจอ สายงานบัญชีไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่ใครๆ คิด แต่มันคือสายงานของ “นักกลยุทธ์” ที่ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเป็นอาวุธในการขับเคลื่อนธุรกิจ

ถ้าเราเป็นคนช่างสังเกต ชอบแก้ปัญหา ชอบเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ และมองว่าตัวเลขไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นเรื่องราวของธุรกิจที่รอให้เราไปค้นหา… พี่บอกเลยว่า “สายงานบัญชียุคใหม่” ยินดีต้อนรับน้องๆ เสมอครับ! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาลุยในสนามจริงด้วยกันนะ

Most Popular

Categories