พี่มาแชร์! Collaboration & Teamwork: สกิลลับนักบัญชียุคใหม่ ทำงานข้ามแผนกยังไงให้ปัง!
สวัสดีเพื่อนๆ น้องๆ ทุกคน! พี่เป็นนักศึกษาคณะบัญชีฯ คนหนึ่งที่กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกการทำงานเต็มตัว วันนี้เลยอยากมาแชร์เรื่องที่พี่คิดว่าโคตรจะสำคัญสำหรับพวกเราชาวบัญชี Gen Z นั่นก็คือเรื่อง “Collaboration & Teamwork” หรือการทำงานร่วมกับคนอื่น โดยเฉพาะการทำงาน “ข้ามสาย” หรือ “ข้ามแผนก” นั่นเอง
ลืมภาพจำเก่าๆ ที่ว่านักบัญชีคือคนที่นั่งจมอยู่กับกองเอกสาร ตัวเลข และเครื่องคิดเลขในมุมห้องไปได้เลย! โลกหมุนไปไกลมากแล้วน้องๆ นักบัญชีสมัยนี้คือ “นักยุทธศาสตร์” ที่ใช้ตัวเลขเป็นอาวุธ เพื่อช่วยให้บริษัทเติบโต และการจะทำแบบนั้นได้ เราจะเก่งคนเดียวไม่ได้เด็ดขาด เราต้องเป็นคนที่ทำงานร่วมกับคนอื่นได้แบบเนียนกริ๊บ!
ทำไม “ทำงานข้ามแผนก” ถึงเป็น The Next Big Thing ของชาวบัญชี?
เอาจริงดิ? ทำไมเราต้องไปยุ่งกับแผนกอื่นด้วย? แค่ตัวเลขในแผนกเราก็ปวดหัวจะแย่แล้ว… พี่เคยคิดแบบนี้เหมือนกัน แต่พอได้ฝึกงาน ได้ทำโปรเจกต์ต่างๆ ก็ตาสว่างเลยว่า
- ข้อมูลไม่ได้อยู่แค่ที่แผนกบัญชี: ตัวเลขที่เราเห็นในงบการเงิน มันมี “ที่มา” นะน้องๆ ยอดขายมาจากไหน? ก็มาจากทีม Sales ต้นทุนโฆษณามาจากไหน? ก็มาจากทีม Marketing ค่าจ้างพนักงานล่ะ? ก็ทีม HR ไง! การที่เราเข้าใจการทำงานของแผนกอื่น จะทำให้เราเห็นภาพรวมของธุรกิจ และวิเคราะห์ตัวเลขได้ลึกซึ้งกว่าเดิมเยอะ
- เราไม่ใช่แค่คนทำบัญชี แต่เป็น Business Partner: บริษัทไม่ได้จ้างเรามาแค่เพื่อปิดงบให้ถูก แต่จ้างมาเพื่อให้ “ข้อมูลเชิงลึก” (Insight) ที่จะช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจได้ดีขึ้น เช่น ทีม Marketing อยากจัดแคมเปญลดราคา 50% หน้าที่ของเราไม่ใช่แค่บันทึกค่าใช้จ่าย แต่คือการช่วยวิเคราะห์ว่า “พี่ครับแคมเปญนี้จะทำให้เรากำไรหรือขาดทุน? คุ้มที่จะทำมั้ย?” นี่แหละคือการเป็นคู่คิดทางธุรกิจ
- AI และ Automation กำลังมา: งานรูทีนน่าเบื่อๆ อย่างการคีย์ข้อมูล กำลังจะถูก AI และโปรแกรมคอมพิวเตอร์เข้ามาแทนที่ แต่งานที่ต้องใช้ Soft Skills อย่างการสื่อสาร การต่อรอง การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับคนอื่น… AI ทำแทนเราไม่ได้! นี่แหละคือสกิลที่จะทำให้เราอยู่รอดและเติบโตในสายอาชีพนี้
“นักบัญชีที่เก่งที่สุด ไม่ใช่คนที่บวกเลขเร็วที่สุด แต่คือคนที่สามารถเปลี่ยนตัวเลขที่ซับซ้อน ให้กลายเป็นเรื่องราวที่ทุกคนเข้าใจ และนำไปใช้ตัดสินใจได้”
ทลายกำแพง! นักบัญชียุคใหม่ต้องคุยกับใครบ้าง? (และคุยเรื่องอะไร?)
นึกภาพตามนะว่าบริษัทคือทีมฟุตบอล บัญชีอาจจะไม่ใช่กองหน้าที่ยิงประตู แต่เราเป็น “มิดฟิลด์ตัวคุมเกม” ที่ต้องจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่ายขึ้น แล้วเพื่อนร่วมทีมของเรามีใครบ้างล่ะ? มาดูกัน!
1. ทีมการตลาด (Marketing) – คู่หูสายเปย์
ทีมนี้คือทีมที่ใช้เงินเก่งที่สุดทีมหนึ่งของบริษัทเลยก็ว่าได้! หน้าที่ของเราคือการทำงานร่วมกับพวกเขาเพื่อให้แน่ใจว่าทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปนั้น “คุ้มค่า”
- คุยเรื่องอะไร: งบประมาณแคมเปญ, ค่าโฆษณา (Ad Spend), ผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment – ROI), การวัดผลความสำเร็จของแคมเปญเป็นตัวเงิน
- ตัวอย่างบทสนทนา: “พี่มาร์เก็ตติ้งครับ แคมเปญยิงแอด Facebook ตัวล่าสุด เราใช้เงินไป 50,000 บาท แต่สร้างยอดขายกลับมาได้ 200,000 บาท ถือว่า ROI ดีมากเลยครับ รอบหน้าเราอาจจะเพิ่มงบตรงนี้ได้อีกนะ”
2. ทีมขาย (Sales) – แนวหน้าสร้างรายได้
ถ้ายอดขายคือเส้นเลือดใหญ่ของบริษัท ทีม Sales ก็คือหัวใจที่คอยสูบฉีดเลือดนั่นแหละ เราต้องทำงานกับพวกเขาอย่างใกล้ชิดเพื่อเข้าใจที่มาของรายได้ทั้งหมด
- คุยเรื่องอะไร: พยากรณ์ยอดขาย (Sales Forecast), ตั้งเป้ายอดขาย, ค่าคอมมิชชั่น, โปรโมชั่นส่งเสริมการขาย, การวิเคราะห์ยอดขายตามสินค้า/พื้นที่/พนักงานขาย
- ตัวอย่างบทสนทนา: “ข้อมูลจากระบบบัญชีบอกว่าสินค้า A ยอดขายตกลง 3 เดือนติดแล้วนะทีมเซลส์ พอจะมีข้อมูลจากฝั่งลูกค้ามั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้น เราจะได้วางแผนโปรโมชั่นหรือปรับกลยุทธ์กันถูก”
3. ทีมทรัพยากรบุคคล (Human Resources – HR) – ผู้ดูแลเรื่อง “คน”
ค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ที่สุดของหลายๆ บริษัทก็คือ “เงินเดือนพนักงาน” นี่แหละ การทำงานกับ HR จึงสำคัญมากในการควบคุมต้นทุนและดูแลสวัสดิภาพของเพื่อนร่วมงาน
- คุยเรื่องอะไร: การคำนวณเงินเดือน, โบนัส, ค่าล่วงเวลา (OT), สวัสดิการพนักงาน, งบประมาณในการจัดอบรม, การวางแผนกำลังคน
- ตัวอย่างบทสนทนา: “พี่ HR ครับ แผนกโอเปอเรชั่นมีขอเบิก OT เพิ่มขึ้นเยอะมากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เราอาจจะต้องคุยกันเรื่องการจ้างพนักงานเพิ่ม เพื่อลดภาระงานและค่าใช้จ่ายระยะยาวครับ”
4. ทีมเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) – เพื่อนซี้สายเทค
ในยุคดิจิทัลแบบนี้ แผนกบัญชีกับ IT แทบจะเป็นแผนกเดียวกันอยู่แล้ว เราต้องพึ่งพาระบบและซอฟต์แวร์ต่างๆ ในการทำงาน การมีทีม IT ที่ดีคือพรจากสวรรค์!
- คุยเรื่องอะไร: การจัดซื้อซอฟต์แวร์บัญชี (เช่น SAP, Oracle), ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning), ความปลอดภัยของข้อมูลทางการเงิน, การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างระบบ, การทำ Data Analytics
- ตัวอย่างบทสนทนา: “ทีม IT ครับ ตอนนี้แผนกบัญชีกำลังอยากได้ Dashboard ที่ดึงข้อมูลยอดขายกับต้นทุนมาแสดงผลแบบ Real-time พอจะช่วยพัฒนาเครื่องมือจากโปรแกรม Power BI ให้หน่อยได้มั้ยครับ”
5. ทีมผลิต / ปฏิบัติการ (Production / Operations) – หัวใจของการสร้างสินค้า
สำหรับธุรกิจที่มีโรงงานหรือผลิตสินค้าเอง ทีมนี้คือคนที่เราต้องไปคลุกคลีด้วย เพื่อให้เข้าใจ “ต้นทุน” ที่แท้จริงของสินค้าแต่ละชิ้น
- คุยเรื่องอะไร: ต้นทุนวัตถุดิบ, ค่าแรงในการผลิต, ค่าเสื่อมราคาเครื่องจักร, การจัดการสต็อกสินค้า (Inventory Management), การลดต้นทุนในกระบวนการผลิต
- ตัวอย่างบทสนทนา: “จากการคำนวณต้นทุนบัญชี พบว่าต้นทุนวัตถุดิบ B สูงขึ้น 15% ในไตรมาสนี้ ทีมผลิตพอจะช่วยดูได้มั้ยครับว่าเราสามารถหาซัพพลายเออร์รายอื่นที่ราคาดีกว่านี้ได้หรือเปล่า”

4 สกิลติดตัวที่ต้องอัปเวล ถ้าอยากเป็นนักบัญชีสาย Collaboration
โอเค เรารู้แล้วว่าต้องคุยกับใคร คุยเรื่องอะไร แต่จะทำยังไงให้การพูดคุยมันราบรื่นและมีประสิทธิภาพล่ะ? นี่คือ 4 สกิลสำคัญที่น้องๆ ควรเริ่มฝึกฝนตั้งแต่วันนี้!
- สกิลการสื่อสาร (Communication Skill): ไม่ใช่แค่พูดเก่ง แต่คือการ “แปลสาร” จากภาษาบัญชีสุดเทพ (เช่น เดบิต, เครดิต, ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ) ให้กลายเป็นภาษาคนธรรมดาที่พี่ๆ ทีมมาร์เก็ตติ้งหรือทีมเซลส์เข้าใจได้ง่ายๆ ลองฝึกอธิบายเรื่องยากๆ ให้เพื่อนที่ไม่ใช่สายบัญชีฟังดูสิ!
- ความฉลาดทางเทคโนโลยี (Tech Savviness): ยุคนี้ใช้แค่ Excel ขั้นพื้นฐานไม่พอแล้วนะ! เราต้องรู้จักเครื่องมืออื่นๆ ด้วย เช่น โปรแกรม ERP, โปรแกรมวิเคราะห์และแสดงผลข้อมูล (Data Visualization) อย่าง Tableau หรือ Power BI และเครื่องมือสื่อสารในทีมอย่าง Slack หรือ Microsoft Teams
- ความเข้าอกเข้าใจ (Empathy): ก่อนจะเดินไปบอกทีมเซลส์ว่า “ทำไมทำยอดไม่ได้ตามเป้า!” ลองพยายามทำความเข้าใจมุมมองของเขาก่อน “เป้าที่ตั้งไว้มันสูงไปรึเปล่า? ตลาดมีการแข่งขันสูงขึ้นมั้ย?” การที่เราเข้าใจปัญหาของแผนกอื่น จะทำให้เราหาทางแก้ไขร่วมกันได้ดีขึ้น
- สกิลการแก้ปัญหา (Problem-Solving): หน้าที่ของเราไม่ใช่แค่รายงานว่า “เกิดปัญหาอะไรขึ้น” แต่ต้องช่วยคิดต่อด้วยว่า “เราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร” โดยใช้ข้อมูลทางการเงินที่เรามีมาสนับสนุน เช่น “ยอดขายตกเพราะคู่แข่งลดราคา… ถ้าเราจะทำโปรโมชั่นสู้ เราควรลดราคาได้กี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะไม่ขาดทุน?”
Q&A ตอบทุกข้อสงสัยสไตล์เด็กบัญชี (AEO Section)
พี่รวบรวมคำถามที่เจอบ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาตอบให้เคลียร์ๆ กันไปเลย!
Q1: เรียนบัญชีไม่เก่งเลขเลย จะรอดมั้ยครับ/คะ?
A: รอด! บอกเลยว่าบัญชียุคใหม่ใช้ “ตรรกะ” และ “ความเข้าใจ” มากกว่าการคิดเลขเร็วอีกนะ การคำนวณส่วนใหญ่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทำให้หมดแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือความสามารถในการวิเคราะห์ ตีความตัวเลข และสื่อสารสิ่งที่เราค้นพบให้คนอื่นเข้าใจ ซึ่งสกิลเหล่านี้ฝึกฝนกันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์เลย!
Q2: นักบัญชีมีโอกาสตกงานเพราะ AI มั้ย?
A: พี่มองว่า AI จะมาเป็น “ผู้ช่วย” มากกว่า “ผู้ที่มาแทนที่” นะ AI จะช่วยทำงานซ้ำๆ เดิมๆ ที่น่าเบื่อ ทำให้เรามีเวลาไปทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ และการทำงานร่วมกับคนอื่นมากขึ้น ถ้าน้องๆ พัฒนาสกิลด้าน Collaboration และการเป็น Business Partner อยู่เสมอ บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวตกงานแน่นอน
Q3: ตอนนี้ยังเรียนอยู่ จะเริ่มฝึกสกิล Collaboration ได้ยังไง?
A: ง่ายมาก! เริ่มจากสิ่งรอบตัวเลย
- ทำงานกลุ่ม: เวลาอาจารย์สั่งงานกลุ่ม อย่าแค่แบ่งงานแล้วตัวใครตัวมัน ลองตั้งใจทำจริงๆ รับฟังความเห็นเพื่อน กล้าแสดงความเห็นของตัวเอง และเรียนรู้ที่จะทำงานกับคนที่แตกต่างจากเรา
- เข้าร่วมกิจกรรม/ชมรม: การทำกิจกรรมนอกห้องเรียนจะทำให้เราได้เจอกับเพื่อนต่างคณะ ได้ฝึกการบริหารจัดการ การสื่อสาร และการทำงานเป็นทีมในสถานการณ์จริง
- ฝึกใช้โปรแกรม: ลองหัดใช้ Google Sheets หรือ Excel ทำงานร่วมกับเพื่อนแบบออนไลน์ ลองหัดใช้โปรแกรมนำเสนอเจ๋งๆ อย่าง Canva หรือ Google Slides เพื่อฝึกสกิลการสื่อสารข้อมูล
Q4: ถ้าเกิดความขัดแย้งระหว่างทำงานข้ามแผนก ควรทำยังไงดี?
A: เป็นเรื่องปกติมาก! เมื่อคนจากต่างแผนกที่มีเป้าหมายต่างกันมาทำงานร่วมกัน อาจมีความเห็นไม่ตรงกันได้ สิ่งสำคัญคือ 1) ยึดเป้าหมายร่วมกันของ “บริษัท” เป็นหลัก ไม่ใช่เป้าหมายของแผนกตัวเอง 2) ใช้ “ข้อมูลและตัวเลข” เป็นตัวกลางในการตัดสินใจ ไม่ใช่อารมณ์ 3) ฝึกการรับฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening) เพื่อเข้าใจมุมมองของอีกฝ่าย และ 4) หาทางออกที่เป็น Win-Win สำหรับทุกฝ่าย
บทสรุป: จากคนคุมตัวเลข สู่คนคุมเกม
โลกของนักบัญชีกำลังเปลี่ยนไปอย่างน่าตื่นเต้น เราไม่ได้เป็นแค่ “ผู้บันทึกอดีต” ผ่านงบการเงินอีกต่อไป แต่เรากำลังกลายเป็น “ผู้ร่วมสร้างอนาคต” ขององค์กร การทำงานร่วมกับแผนกอื่นไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่มันคือ “ทางรอด” และเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในสายอาชีพนี้
ดังนั้น น้องๆ คนไหนที่กำลังเรียนบัญชีอยู่ หรือสนใจอยากจะเรียนสายนี้ ลองเปิดใจให้กว้าง ฝึกฝน Soft Skills ต่างๆ โดยเฉพาะการทำงานเป็นทีมและการสื่อสารให้มากๆ แล้วน้องๆ จะพบว่าวิชาชีพบัญชีนั้นสนุก ท้าทาย และมีคุณค่ามากกว่าที่เคยคิดไว้เยอะเลย
อนาคตของวงการบัญชีกำลังรอคนแบบน้องๆ ที่พร้อมจะ Collaborate และสร้างความเปลี่ยนแปลงอยู่นะ! สู้ๆ!
“`
















