บทบาทของบัญชีบริหารกับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในองค์กรปี 2025

พฤศจิกายน 12, 2025

ส่องเทรนด์ 2025 : บทบาทของบัญชีบริหารกับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในองค์กร

ในโลกธุรกิจที่หมุนเร็วยิ่งกว่า The Flash การตัดสินใจที่เฉียบคมและทันท่วงทีคือหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จ และใครจะไปคิดว่าเบื้องหลังกลยุทธ์สุดปังขององค์กรชั้นนำในปี 2025 จะมี “นักบัญชีบริหาร” เป็นฮีโร่คนสำคัญ! ใช่แล้ว…บทบาทของสายงาน บัญชี กำลังถูกปฏิวัติ จากคนที่ทำงานกับข้อมูลในอดีต (Historical Data) มาสู่การเป็น “นักวิเคราะห์อนาคต” ที่ใช้ข้อมูลมาสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

1. บัญชีบริหาร ไม่ใช่แค่คนคุมตัวเลข แต่เป็น Strategic Partner ตัวจริง!

ถ้าเปรียบการทำธุรกิจเหมือนการขับรถ นักบัญชีการเงิน (Financial Accountant) คือ กระจกมองหลังที่บอกว่าเราผ่านมาเจออะไรบ้าง ส่วน นักบัญชีบริหาร (Managerial Accountant) คือ GPS และแผงหน้าปัดสุดล้ำ ที่คอยบอกทิศทางข้างหน้า ประเมินความเสี่ยง และแนะนำเส้นทางที่ดีที่สุดเพื่อให้ถึงเป้าหมาย ในปี 2025 จะเน้นไปที่

การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Insightful Analysis) : ไม่ใช่แค่รายงานว่า “กำไรเท่าไหร่” แต่ต้องตอบให้ได้ว่า “ทำไมถึงกำไร/ขาดทุน” และ “จะทำอย่างไรให้กำไรมากขึ้นในอนาคต”
การวางแผนและพยากรณ์ (Planning & Forecasting) : ใช้ข้อมูลในมือผนวกกับเทรนด์ตลาด เพื่อสร้างแบบจำลองทางการเงินที่ช่วยให้ผู้บริหารเห็นภาพอนาคตและวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ
การวัดผลการดำเนินงาน (Performance Measurement) : ออกแบบ KPI ที่ไม่ใช่แค่วัดผลทางการเงิน แต่ยังเชื่อมโยงกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ขององค์กร เช่น ความพึงพอใจลูกค้า หรือนวัตกรรม

2. เจาะลึก! การใช้ “ต้นทุนเชิงกลยุทธ์” อาวุธลับนักบัญชียุคใหม่ 🎯

นี่คือหัวใจสำคัญที่ยกระดับงานบัญชีไปอีกขั้น! ต้นทุนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Cost Management) ไม่ใช่แค่การ “ตัดต้นทุน” ให้ต่ำที่สุด แต่เป็นการบริหารจัดการต้นทุนโดยมองภาพรวมของ “Value Chain” ทั้งหมด เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน

นักบัญชีบริหารจะใช้เทคนิคของ ต้นทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อช่วยผู้บริหารตอบคำถามสำคัญ เช่น

Activity-Based Costing (ABC) : สินค้าหรือบริการตัวไหนที่ทำกำไรให้เราจริงๆ? และกิจกรรมไหนคือต้นทุนที่ซ่อนอยู่ที่เรามองไม่เห็น?
Target Costing : เราควรตั้งราคาขายเท่าไหร่เพื่อให้สู้กับคู่แข่งได้? และเราต้องทำอย่างไรให้ต้นทุนการผลิตสอดคล้องกับราคาเป้าหมายนั้น?
Life-Cycle Costing : การมองต้นทุนตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การวิจัยพัฒนาไปจนถึงการบริการหลังการขาย ช่วยให้ตัดสินใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ได้เฉียบคมขึ้น

การเข้าใจเรื่อง ต้นทุนเชิงกลยุทธ์ อย่างลึกซึ้ง ถือเป็นสกิลที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่เรียนจบทั้งระดับ ปริญญาตรีบัญชี ไปจนถึง ปริญญาโท ที่ต้องการเติบโตในสายงานนี้

3. สกิลที่ต้องมี! อัปเลเวลจาก “ปริญญาตรีบัญชี” สู่มือโปรยุคดิจิทัล 💻

เพื่อจะก้าวขึ้นมาเป็น Strategic Partner ได้ ความรู้จากตำราอย่างเดียวอาจไม่พอ นักบัญชียุคใหม่ต้องติดอาวุธรอบด้าน การเรียนในระดับ ปริญญาตรีบัญชี เป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แต่การต่อยอดสู่ระดับ ปริญญาโท หรือ ปริญญาเอก จะช่วยเพิ่มความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและทักษะที่จำเป็นเหล่านี้

Tech Savvy & Data Analytics : ต้องใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง Power BI, Tableau หรือแม้กระทั่ง Python เพื่อแปลง Big Data ให้กลายเป็น Business Insight ที่มีค่า
Business Acumen : ต้องเข้าใจโมเดลธุรกิจ ตลาด และคู่แข่ง เพื่อให้คำแนะนำที่นำไปใช้ได้จริง ไม่ใช่แค่ตัวเลขลอยๆ
Communication & Storytelling : สกิลการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญมาก! ต้องสามารถนำเสนอข้อมูลทางการเงินที่ซับซ้อนให้ผู้บริหารฝ่ายอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีพื้นฐาน บัญชี เข้าใจได้ง่ายและเห็นภาพ

4. The SPU Edge : ปั้นนักบัญชีพันธุ์ใหม่พร้อมลุยทุกสนามรบธุรกิจ 🎓

การเลือกสถาบันการศึกษาที่เข้าใจเทรนด์ของโลกธุรกิจจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่างที่ SPU หรือมหาวิทยาลัยศรีปทุม เราไม่ได้สอนแค่ทฤษฎีในตำรา แต่เราสร้าง “นักบัญชีดิจิทัล” ตัวจริง! หลักสูตรของ คณะบัญชี SPU ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์โลกอนาคตโดยเฉพาะ

นักศึกษาจะได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์บัญชีชั้นนำ, ฝึกฝนทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน Case Study จริงจากภาคธุรกิจ และเรียนรู้จากตัวจริงในวงการ ทำให้บัณฑิตที่จบจาก SPU มีความพร้อมเต็มเปี่ยมที่จะก้าวเข้าไปเป็น Strategic Partner ในองค์กรชั้นนำได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นความรู้พื้นฐานจาก ปริญญาตรีบัญชี ที่เข้มข้น หรือความเชี่ยวชาญในระดับ ปริญญาโท