EN

สายอาชีพ Programmer กับโอกาสใหม่ในโลก Cloud Computing: แนวโน้ม อาชีพ และรายได้

สายอาชีพ Programmer กับโอกาสใหม่ในโลก Cloud Computing: แนวโน้ม อาชีพ และรายได้

สายอาชีพ Programmer กับโอกาสใหม่ในโลก Cloud Computing: แนวโน้ม อาชีพ และรายได้

เจาะลึกทุกมิติของ Cloud Computing ที่กำลังเปลี่ยนโฉม สายอาชีพ โปรแกรมเมอร์ ตั้งแต่เทรนด์ล่าสุด, ตำแหน่งงานที่น่าจับตา, ทักษะที่จำเป็น ไปจนถึงฐานรายได้ที่สูงลิ่ว พร้อมแผนที่นำทางสำหรับผู้ที่ต้องการก้าวสู่โลกแห่ง Cloud

1. Cloud Computing คืออะไร? ปฐมบทสู่โลกยุคใหม่

หากจะอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุด Cloud Computing คือ การให้บริการทรัพยากรคอมพิวเตอร์ผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเซิร์ฟเวอร์, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล, ฐานข้อมูล, ระบบเครือข่าย, ซอฟต์แวร์, หรือแม้กระทั่งพลังการประมวลผลสำหรับ AI โดยที่เราไม่ต้องลงทุนซื้อและดูแลรักษาฮาร์ดแวร์เหล่านั้นด้วยตัวเอง

ลองจินตนาการว่าแทนที่จะซื้อรถยนต์เป็นของตัวเอง คุณเลือกใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน คุณจ่ายเงินเฉพาะเท่าที่ใช้งาน ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าบำรุงรักษา, ค่าประกัน, หรือหาที่จอดรถ โลกของ Cloud ก็ทำงานในลักษณะเดียวกัน คือ “เช่าใช้” แทน “การซื้อขาด” ซึ่งให้ความยืดหยุ่นและประหยัดกว่ามากสำหรับธุรกิจและนักพัฒนา

โดยทั่วไป บริการ Cloud Computing แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก:

  • Infrastructure as a Service (IaaS): คือการเช่าโครงสร้างพื้นฐานเสมือน เช่น Virtual Machines (VMs), Storage, Networks เปรียบเสมือนการเช่าที่ดินเปล่าที่เราต้องสร้างบ้านและตกแต่งเองทั้งหมด ตัวอย่าง: Amazon EC2, Google Compute Engine
  • Platform as a Service (PaaS): คือการเช่าแพลตฟอร์มที่พร้อมสำหรับให้นักพัฒนา deploy แอปพลิเคชันได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่อง OS, Runtime หรือ Database เปรียบเสมือนการเช่าบ้านที่มีโครงสร้างและระบบน้ำไฟพร้อม เราแค่เข้าไปตกแต่งและอยู่อาศัย ตัวอย่าง: Heroku, Google App Engine, AWS Elastic Beanstalk
  • Software as a Service (SaaS): คือการใช้บริการซอฟต์แวร์สำเร็จรูปผ่านอินเทอร์เน็ต โดยจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือนหรือรายปี เปรียบเสมือนการเช่าโรงแรมที่พร้อมเข้าพักได้ทันที ตัวอย่าง: Google Workspace, Microsoft 365, Salesforce

2. ทำไม Cloud ถึงสำคัญต่อสายอาชีพ Programmer?

ในอดีต สายอาชีพ โปรแกรมเมอร์อาจจะจบลงที่การเขียนโค้ดบนเครื่องของตัวเอง แล้วส่งมอบโค้ดนั้นให้ทีม System Admin นำไป deploy บนเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท แต่ในยุค Cloud Computing เส้นแบ่งนี้ได้เลือนลางลง โปรแกรมเมอร์ยุคใหม่ไม่เพียงแค่เขียนโค้ด แต่ต้องเข้าใจว่าโค้ดของตนเองจะไปทำงานบนสถาปัตยกรรมแบบไหน และจะใช้ประโยชน์จาก Cloud ได้อย่างไร

นี่คือเหตุผลที่ Cloud Computing กลายเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้:

  • Scalability (การขยายระบบ): Cloud ช่วยให้แอปพลิเคชันสามารถรองรับผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลได้โดยอัตโนมัติ เช่น ในช่วงโปรโมชั่น 11.11 เว็บไซต์ E-commerce สามารถขยายเซิร์ฟเวอร์นับร้อยนับพันเครื่องในไม่กี่นาที และลดขนาดลงเมื่อหมดช่วงเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากในระบบ On-premise แบบดั้งเดิม
  • Agility & Speed (ความเร็วในการพัฒนา): นักพัฒนาสามารถสร้างและทดสอบสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ได้ในไม่กี่คลิก ลดเวลาที่เคยต้องรอทีมอื่นจัดหาเซิร์ฟเวอร์เป็นสัปดาห์ๆ ให้เหลือเพียงไม่กี่นาที ทำให้สามารถส่งมอบซอฟต์แวร์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  • Cost-Effectiveness (ความคุ้มค่า): เปลี่ยนจากรูปแบบการลงทุนก้อนใหญ่ (CAPEX) ไปสู่ค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง (OPEX) ทำให้สตาร์ทอัพเล็กๆ ก็สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับโลกได้โดยไม่ต้องมีเงินทุนมหาศาล
  • Access to Advanced Services (การเข้าถึงบริการขั้นสูง): ผู้ให้บริการ Cloud รายใหญ่อย่าง AWS, Azure, GCP ต่างแข่งขันกันพัฒนาบริการใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นบริการ AI/Machine Learning, Big Data Analytics, Internet of Things (IoT) ซึ่งโปรแกรมเมอร์สามารถเรียกใช้งานผ่าน API ได้ทันที โดยไม่ต้องสร้างเองจากศูนย์

ดังนั้น โปรแกรมเมอร์ที่เข้าใจ Cloud Computing จะสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย และขยายตัวได้ดีกว่า ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมหาศาล และนี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของ สายอาชีพ นี้

โลกของ Cloud ไม่เคยหยุดนิ่ง มีเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา การตามให้ทันเทรนด์เหล่านี้จะทำให้คุณกลายเป็นโปรแกรมเมอร์ที่เป็นที่ต้องการตัวมากยิ่งขึ้น

Serverless Computing & FaaS (Functions as a Service)

นี่คือวิวัฒนาการขั้นสุดของ Cloud Computing ที่โปรแกรมเมอร์ไม่ต้องยุ่งกับ “เซิร์ฟเวอร์” อีกต่อไป คุณเพียงแค่เขียนโค้ดในรูปแบบของฟังก์ชัน (เช่น ฟังก์ชันสำหรับ xử lý การอัปโหลดรูปภาพ) แล้ว deploy ขึ้นไปบน Cloud (เช่น AWS Lambda, Google Cloud Functions) ระบบจะทำงานเมื่อถูกเรียกใช้เท่านั้น และคิดเงินตามระยะเวลาที่โค้ดทำงานจริงในระดับมิลลิวินาที เป็นแนวทางที่ประหยัดและยืดหยุ่นสูงมาก เหมาะสำหรับงานประเภท Microservices และ Event-driven architecture

Containers & Orchestration (Docker & Kubernetes)

Docker คือเทคโนโลยีที่ใช้ “แพ็ก” แอปพลิเคชันพร้อมกับส่วนประกอบทั้งหมด (libraries, dependencies) ลงในกล่องที่เรียกว่า “Container” ทำให้แอปพลิเคชันสามารถทำงานได้เหมือนกันทุกที่ ไม่ว่าจะบนเครื่องนักพัฒนา, staging server, หรือ production server บน Cloud ส่วน Kubernetes (K8s) คือเครื่องมือที่ใช้บริหารจัดการ Container จำนวนมหาศาลโดยอัตโนมัติ (Orchestration) เช่น การ scale, การ healing ตัวเองเมื่อล่ม, และการ roll out อัปเดตแบบไม่กระทบผู้ใช้ ทั้งสองอย่างนี้กลายเป็นมาตรฐานของการพัฒนาแอปพลิเคชันยุคใหม่ไปแล้ว

AI/ML as a Service

ผู้ให้บริการ Cloud ได้ทำให้ AI และ Machine Learning เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน โปรแกรมเมอร์สามารถเรียกใช้บริการ AI สำเร็จรูป เช่น การวิเคราะห์ภาพ (Image Recognition), การแปลงเสียงเป็นข้อความ (Speech-to-Text), หรือการแปลภาษา ผ่าน API ได้ง่ายๆ หรือจะใช้แพลตฟอร์มอย่าง Amazon SageMaker หรือ Google AI Platform เพื่อสร้าง, เทรน, และ deploy โมเดล ML ของตัวเองโดยไม่ต้องตั้งค่าระบบที่ซับซ้อน

FinOps (Cloud Financial Operations)

เมื่อการใช้ Cloud เป็นเรื่องง่าย ค่าใช้จ่ายก็อาจบานปลายได้ง่ายเช่นกัน FinOps คือแนวปฏิบัติที่ผสมผสานความรู้ด้านการเงิน, ธุรกิจ, และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เพื่อบริหารจัดการค่าใช้จ่าย Cloud ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โปรแกรมเมอร์ที่มีความเข้าใจเรื่องนี้ จะสามารถออกแบบระบบที่ประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรได้ ซึ่งเป็นทักษะที่มีมูลค่าสูง

4. เปิดประตูสู่สายอาชีพยุคใหม่บนโลก Cloud

ความรู้ด้าน Cloud Computing ได้เปิดประตูสู่ สายอาชีพ ใหม่ๆ ที่น่าสนใจและมีรายได้สูงมากมาย ซึ่งล้วนต่อยอดมาจากพื้นฐานการเป็นโปรแกรมเมอร์ นี่คือตำแหน่งงานที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงในปัจจุบัน

สายอาชีพ Cloud Native Developer / Cloud Application Developer

นี่คือโปรแกรมเมอร์ยุคใหม่ที่ไม่ได้เขียนโค้ดให้ทำงานที่ไหนก็ได้ แต่ ออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อทำงานบนสถาปัตยกรรม Cloud โดยเฉพาะ พวกเขาจะใช้ประโยชน์จากบริการต่างๆ ของ Cloud อย่างเต็มที่ เช่น การใช้ Serverless, Managed Databases, Message Queues เพื่อสร้างระบบที่มีความยืดหยุ่น, ทนทาน (resilient), และขยายตัวได้ดีเยี่ยม

ทักษะสำคัญ: ภาษาโปรแกรมมิ่ง (Python, Go, Node.js), การออกแบบ Microservices, ความเข้าใจใน Container (Docker), ความรู้เกี่ยวกับบริการ PaaS และ Serverless

สายอาชีพ DevOps Engineer

DevOps คือปรัชญาที่หลอมรวมทีมพัฒนา (Development) และทีมปฏิบัติการ (Operations) เข้าด้วยกัน DevOps Engineer คือผู้สร้างสะพานเชื่อมระหว่างสองทีมนี้ โดยใช้เครื่องมืออัตโนมัติต่างๆ เพื่อสร้างไปป์ไลน์ CI/CD (Continuous Integration/Continuous Delivery) ทำให้กระบวนการตั้งแต่การเขียนโค้ด, ทดสอบ, ไปจนถึงการ deploy ขึ้น production เป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว และเชื่อถือได้ บทบาทนี้ต้องอาศัยความเข้าใจทั้งด้านการเขียนโค้ดและ Infrastructure บน Cloud

ทักษะสำคัญ: CI/CD tools (Jenkins, GitLab CI, GitHub Actions), Infrastructure as Code (Terraform, CloudFormation), Container Orchestration (Kubernetes), Scripting (Bash, Python), Monitoring tools (Prometheus, Grafana)

สายอาชีพ Cloud Solutions Architect

นี่คือบทบาทระดับสูงที่ต้องใช้ทั้งความรู้ทางเทคนิคและวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ Solutions Architect มีหน้าที่ออกแบบสถาปัตยกรรมระบบทั้งหมดบน Cloud ให้ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย, ความน่าเชื่อถือ, และที่สำคัญคือค่าใช้จ่าย พวกเขาต้องรู้จักบริการต่างๆ ของ Cloud Provider เป็นอย่างดี เพื่อเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละงาน

ทักษะสำคัญ: ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับบริการของ Cloud Provider (AWS, Azure, GCP), การออกแบบระบบ (System Design), ความเข้าใจเรื่อง Network และ Security, ทักษะการสื่อสารและนำเสนอ

สายอาชีพ Cloud Data Engineer

ในยุคที่ข้อมูลคือขุมทรัพย์ Data Engineer คือผู้สร้างถนนและท่อส่งข้อมูลบน Cloud พวกเขามีหน้าที่ออกแบบและสร้าง Data Pipelines เพื่อรวบรวม, แปลง, และจัดเก็บข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบที่พร้อมสำหรับให้ Data Scientist หรือ Data Analyst นำไปวิเคราะห์ต่อยอด พวกเขาจะใช้บริการ Big Data และ Analytics ของ Cloud เป็นหลัก เช่น AWS Glue, Google Dataflow, Azure Data Factory

ทักษะสำคัญ: SQL, Python/Scala/Java, ความเข้าใจใน Big Data technologies (Spark, Hadoop), บริการ Data Warehouse และ Data Lake บน Cloud (BigQuery, Redshift, Snowflake), ETL/ELT concepts

5. ทักษะที่ต้องมีเพื่อพิชิตสายอาชีพ Cloud Computing

การจะประสบความสำเร็จใน สายอาชีพ Cloud Computing ต้องอาศัยชุดทักษะที่ผสมผสานกันระหว่างความรู้พื้นฐานที่แข็งแกร่งและความสามารถในการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ

  • ความรู้พื้นฐานด้าน Programming: ภาษาอย่าง Python, Go, และ Node.js ได้รับความนิยมอย่างสูงในโลกของ Cloud เพราะความยืดหยุ่นและ Ecosystem ที่แข็งแกร่ง
  • ความเข้าใจใน Cloud Platform หลัก: อย่างน้อยควรเชี่ยวชาญ 1 ใน 3 ผู้ให้บริการหลัก ได้แก่ Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure, หรือ Google Cloud Platform (GCP) โดยต้องเข้าใจบริการหลักๆ เช่น Compute, Storage, Networking, Databases, และ IAM
  • Infrastructure as Code (IaC): ทักษะในการใช้เครื่องมืออย่าง Terraform หรือ AWS CloudFormation เพื่อกำหนดและจัดการโครงสร้างพื้นฐานผ่านโค้ด ซึ่งช่วยให้สร้างสภาพแวดล้อมซ้ำๆ ได้อย่างแม่นยำและเป็นอัตโนมัติ
  • Containers & Orchestration: ความสามารถในการใช้งาน Docker เพื่อสร้าง container และ Kubernetes เพื่อบริหารจัดการ ถือเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้ในปัจจุบัน
  • ความรู้ด้าน CI/CD: การสร้างไปป์ไลน์อัตโนมัติเพื่อลดขั้นตอนการทำงานซ้ำซ้อนและเพิ่มความเร็วในการส่งมอบซอฟต์แวร์
  • พื้นฐาน Networking และ Security: เข้าใจหลักการทำงานของ Virtual Private Cloud (VPC), Subnets, Security Groups, และหลักการด้านความปลอดภัยบน Cloud เช่น Identity and Access Management (IAM)
  • Soft Skills: การแก้ปัญหา (Problem-solving), การสื่อสาร (Communication), และการทำงานร่วมกับผู้อื่น (Collaboration) ยังคงเป็นทักษะที่สำคัญเสมอในทุก สายอาชีพ

6. สำรวจฐานรายได้ที่น่าทึ่งในสายงาน Cloud

เนื่องจากเป็น สายอาชีพ ที่มีความต้องการสูง แต่บุคลากรที่มีคุณภาพยังขาดแคลน ทำให้รายได้ในสายงาน Cloud Computing อยู่ในเกณฑ์ที่สูงมากเมื่อเทียบกับสายงานโปรแกรมเมอร์แบบดั้งเดิม ตัวเลขต่อไปนี้เป็นเพียงการประเมินเบื้องต้นในตลาดประเทศไทย และอาจแตกต่างกันไปตามขนาดขององค์กร, อุตสาหกรรม, และความสามารถเฉพาะตัว

ระดับประสบการณ์ ตำแหน่ง ฐานเงินเดือนโดยประมาณ (ต่อเดือน)
Junior (0-2 ปี) Cloud Engineer / Junior DevOps 40,000 – 70,000 บาท
Mid-level (3-5 ปี) Cloud Developer / DevOps Engineer 70,000 – 120,000 บาท
Senior (5+ ปี) Senior DevOps / Cloud Architect 120,000 – 250,000+ บาท

*หมายเหตุ: ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณการ การมีใบรับรอง (Certifications) ที่เป็นที่ยอมรับ เช่น AWS Certified Solutions Architect หรือ Certified Kubernetes Administrator (CKA) สามารถเพิ่มฐานเงินเดือนได้อีก 15-30%

7. Roadmap: แผนที่นำทางสำหรับ Programmer สู่โลก Cloud Computing

สำหรับโปรแกรมเมอร์ที่ต้องการเปลี่ยนผ่านหรือยกระดับ สายอาชีพ ของตนเองสู่โลกของ Cloud นี่คือแผนที่นำทางทีละขั้นตอนที่คุณสามารถทำตามได้

  1. Step 1: สร้างรากฐานให้แข็งแกร่ง (Build a Solid Foundation)
    ทบทวนความรู้พื้นฐานที่สำคัญ เช่น ภาษาโปรแกรมมิ่งที่คุณถนัด, พื้นฐานระบบปฏิบัติการ Linux, และหลักการทำงานของระบบเครือข่าย (Networking fundamentals) เพราะสิ่งเหล่านี้คือฐานที่สำคัญในการต่อยอดไปสู่ Cloud
  2. Step 2: เลือก Cloud Provider และเริ่มเรียนรู้ (Choose a Provider & Learn the Basics)
    เลือกผู้ให้บริการ Cloud รายใดรายหนึ่ง (แนะนำให้เริ่มจาก AWS เพราะมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดและมีเอกสารประกอบการเรียนรู้มากมาย) และเริ่มศึกษาบริการหลักๆ ของพวกเขา เช่น EC2, S3, IAM, VPC, RDS
  3. Step 3: ลงมือทำจริง (Get Hands-On Experience)
    ทฤษฎีอย่างเดียวไม่เพียงพอ คุณต้องลงมือปฏิบัติจริง ผู้ให้บริการทุกรายมี Free Tier ให้คุณได้ทดลองใช้งานบริการต่างๆ ได้ฟรีในระยะเวลาจำกัด ลองสร้างโปรเจกต์เล็กๆ ของตัวเอง เช่น สร้างเว็บไซต์ส่วนตัวบน EC2, deploy แอปพลิเคชันง่ายๆ ด้วย Elastic Beanstalk, หรือสร้าง API ด้วย Lambda และ API Gateway
    External Link: คุณสามารถเริ่มต้นได้ที่ AWS Free Tier ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เริ่มต้น
  4. Step 4: สอบใบรับรอง (Earn Certifications)
    การมี Certificate จะช่วยยืนยันความรู้ความสามารถของคุณและทำให้โปรไฟล์ของคุณโดดเด่น สำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้เริ่มจาก Certificate ระดับ Foundational หรือ Associate เช่น AWS Certified Cloud Practitioner หรือ AWS Certified Developer – Associate
  5. Step 5: สร้างพอร์ตโฟลิโอและเรียนรู้ต่อเนื่อง (Build a Portfolio & Keep Learning)
    เก็บโปรเจกต์ที่คุณทำไว้บน GitHub เพื่อแสดงให้นายจ้างเห็นว่าคุณทำอะไรได้บ้าง และเนื่องจากเทคโนโลยี Cloud เปลี่ยนแปลงเร็วมาก จงอย่าหยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ติดตามบล็อก, ฟอรัม, และข่าวสารในวงการอยู่เสมอ
    Internal Link: หากคุณสนใจ สายอาชีพ DevOps โดยเฉพาะ สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เส้นทางสู่การเป็น DevOps Engineer ฉบับสมบูรณ์ได้ที่นี่

8. บทสรุป: อนาคตที่สดใสรออยู่

Cloud Computing ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่เป็นคลื่นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่ได้กลายเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไปแล้ว สำหรับโปรแกรมเมอร์ การปรับตัวและเรียนรู้ทักษะด้าน Cloud ไม่ใช่ “ทางเลือก” อีกต่อไป แต่เป็น “ความจำเป็น” เพื่อความก้าวหน้าใน สายอาชีพ

การเดินทางสู่โลกของ Cloud อาจดูน่าเกรงขามในตอนแรก แต่ด้วยความมุ่งมั่น, การลงมือปฏิบัติจริง, และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับรายได้ที่สูงขึ้น และความท้าทายที่น่าตื่นเต้น โลกกำลังรอคอยโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่ที่สามารถควบคุมพลังของ Cloud ได้ และคนๆ นั้นอาจเป็นคุณ

9. คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับสายอาชีพ Cloud

ไม่เคยเขียนโปรแกรมมาก่อน สามารถเริ่มเรียน Cloud Computing ได้หรือไม่?

ได้แน่นอนครับ! คุณสามารถเริ่มต้นเรียนรู้ Cloud Computing ในบทบาทที่ไม่ต้องเขียนโค้ดหนักมาก เช่น Cloud Support, Cloud Administrator หรือศึกษาเพื่อสอบ Certificate ระดับพื้นฐานอย่าง AWS Cloud Practitioner ก่อนได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณตั้งเป้าหมายไปที่ สายอาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโดยตรง เช่น Cloud Developer หรือ DevOps Engineer การมีพื้นฐานการเขียนโปรแกรมจะทำให้คุณเรียนรู้และต่อยอดได้เร็วกว่ามากครับ

ควรเริ่มเรียน Cloud เจ้าไหนก่อนดี ระหว่าง AWS, Azure, และ GCP?

นี่เป็นคำถามยอดฮิตครับ สำหรับผู้เริ่มต้น ส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้เริ่มที่ AWS (Amazon Web Services) เนื่องจากมีส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุด มีแหล่งข้อมูลการเรียนรู้, ชุมชนผู้ใช้งาน, และตำแหน่งงานที่เปิดรับมากที่สุด อย่างไรก็ตาม คอนเซ็ปต์หลักๆ ของบริการ Cloud ในแต่ละเจ้าจะคล้ายคลึงกันมาก หากคุณเข้าใจหลักการของเจ้าหนึ่งแล้ว การเรียนรู้เจ้าอื่นๆ เพิ่มเติมก็ไม่ใช่เรื่องยากครับ

ใบ Certificate จำเป็นมากแค่ไหนสำหรับสายอาชีพด้าน Cloud?

แม้ว่าประสบการณ์จริงและการมีพอร์ตโฟลิโอที่จับต้องได้จะสำคัญที่สุด แต่ใบ Certificate ก็มีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ สายอาชีพ Cloud มันทำหน้าที่เหมือน “ใบเบิกทาง” ที่ช่วยยืนยันกับ HR หรือผู้สัมภาษณ์ว่าคุณมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีนั้นๆ จริงตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณจัดลำดับการเรียนรู้ได้อย่างเป็นระบบ และสำหรับบางองค์กร การมี Certificate อาจเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นในการพิจารณาตำแหน่งงานระดับสูงอีกด้วย


“`

Most Popular

Categories