“วิศวกรรมป้องกันแผ่นดินไหว: บูรณาการมาตรฐานการออกแบบและก่อสร้าง เพื่อความปลอดภัยและความยั่งยืนในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย”

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ร่วมกับ บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยเซอิ (ไทยแลนด์) จำกัด จัดงานเสวนา “วิศวกรรมป้องกันแผ่นดินไหว: บูรณาการมาตรฐานการออกแบบและก่อสร้าง เพื่อความปลอดภัยและความยั่งยืนในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย” ณ ห้องประชุมออดิทอเรียม 1 อาคาร 11 มหาวิทยาลัยศรีปทุม (บางเขน) โดยได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.วิรัช เลิศไพฑูรย์พันธ์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีปทุม เป็นประธานเปิดการเสวนา เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

การเสวนาครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4 หัวข้อหลักที่สำคัญ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางในการพัฒนามาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างให้มีความปลอดภัยและยั่งยืนในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยดังนี้

“Japanese Excellence in Earthquake-Resistant Design by SYNTEC X Taisei Corporation business partnership” โดยคุณนาโอฮิโตะ โอบะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเซอิ (ไทยแลนด์) จํากัด และ Mr. Masaaki Ota – General Manager International Projects Design Division, Taisei Corporation (Headquarters, Japan) การเสวนาครั้งนี้กล่าวถึงการออกแบบอาคารในประเทศไทยในปัจจุบันว่า สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนที่มีคาบสั้นได้อยู่แล้ว แต่ในอนาคต หากเกิดแผ่นดินไหวที่มีคาบยาวมากขึ้น (long-period ground motion) แนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเตรียมความพร้อมในกรณีนี้ คือการ Retrofitting หรือการเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเดิม เพื่อป้องกันความเสียหายทั้งภายนอกและภายใน

“แผ่นดินไหวเปลี่ยนเกมออกแบบ! เมื่อมาตรฐานสากลกลายเป็นเกราะป้องกันชีวิต” โดย รศ.เอนก ศิริพานิชกร จากสภาวิศวกร, รศ.ว่าที่ ร.ต.ดร.ศุภชัย สินถาวร จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ผศ.ดร.เอกชัย อยู่ประเสริฐชัย จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, รศ.เมธี บุญพิเชฐวงศ์ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น, และ พ.ต.ท.ดร.บัณฑิต ประดับสุข สถาปนิกและนักวิชาการอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ในวงเสวนาได้พูดถึงการออกแบบโครงสร้างอาคารยุคใหม่ ที่มุ่งเน้นการควบคุมความเสียหายให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย โดยเฉพาะอาคารสำคัญที่ต้องสามารถใช้งานได้ทันทีหลังจากเกิดแผ่นดินไหว

“อาคารเก่าก็เอาอยู่! รีโนเวตให้ทนไหว ต่อยอดธุรกิจได้อย่างยั่งยืน” โดย รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค จากบริษัทวิศวกรที่ปรึกษาต่อตระกูล ยมนาคและคณะ จำกัด, รศ.ดร.สายันต์ ศิริมนตรี จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ผศ.ดร.ไพจิตร ผาวัน คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม, คุณสุวิชา เศวตศิลา จากบริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน), และอาจารย์ไพบูลย์ ต้นศิริอนุสรณ์ จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม ส่วนหนึ่งของการเสวนาให้ความเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นอาคารสูงหรืออาคารเตี้ย หากมีการตรวจสอบ ปรับปรุง และเสริมความแข็งแรงอย่างถูกต้องตามหลักวิศวกรรม โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ก็สามารถทำให้ปลอดภัยและใช้งานได้อย่างมั่นใจ การเสริมโครงสร้าง (retrofit) สามารถทำให้อาคารเก่าแข็งแรงมากขึ้น พร้อมเปรียบเทียบว่า “เหมือนคนสูงวัยที่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ก็สามารถกลับมาแข็งแรงเหมือนคนหนุ่มได้”

แรงสั่นสะเทือน… เขย่ากฎหมาย! ก่อสร้างไทยพร้อมแค่ไหน?” โดย ศ.ดร.ณรงค์ เหลืองบุตรนาค จากบริษัท ฟิวเจอร์ เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด, อ.ชำนาญ พิเชษฐพันธ์ จากชมรมนักกฎหมายก่อสร้าง, อ.นิวัฒน์ ธัญปิตินันทน์ จากสมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย, และอาจารย์กัมพล กิตติพงษ์พัฒนา จากชมรมนักกฎหมายก่อสร้าง โดยได้วิเคราะห์บทบาทของกฎหมายในการรับมือกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและการเตรียมความพร้อมทางกฎหมายในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย

โดยการเสวนาครั้งนี้ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรมทางวิศวกรรม โดยนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมการออกแบบจากประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะแนวทางในการ Retrofitting หรือการเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างอาคารเก่า เป็นการยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ให้สามารถตอบรับกับความเสี่ยงทางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น โดยส่งเสริมเมืองและชุมชนที่ปลอดภัยและยั่งยืน โดยการชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการออกแบบอาคารให้สามารถใช้งานได้ทันทีหลังเกิดแผ่นดินไหว โดยเฉพาะอาคารสาธารณะ อาคารสาธารณสุข และอาคารพักอาศัยในเขตเมือง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการฟื้นฟูชุมชนหลังเกิดภัยพิบัติ นอกจากนี้ แนวทางการปรับปรุงอาคารเดิมให้ทนต่อแรงสั่นสะเทือน เป็นการลดความเสี่ยงในพื้นที่เมืองที่มีข้อจำกัดในการขยายพื้นที่ก่อสร้างใหม่ และยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในระยะยาว

และยังสร้างความพร้อมต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและภัยพิบัติในอนาคต เพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทั่วโลกทำให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงจากแผ่นดินไหวและภัยธรรมชาติที่คาดการณ์ได้ยากมากขึ้น ดังนั้นการออกแบบโครงสร้างให้มีความยืดหยุ่น ปรับตัวได้ และสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการลดผลกระทบทั้งในเชิงเศรษฐกิจและชีวิตของประชาชน การเสวนาครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งเวทีที่ตอกย้ำความสำคัญของการวางแผนเชิงป้องกันล่วงหน้า โดยบูรณาการความรู้ทางวิศวกรรมเข้ากับแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ

โครงการนี้สอดคล้องกับ SDG 4 (4.3.2) การศึกษาด้านความยั่งยืนและภัยพิบัติ, SDG 9 (9.1.1) ด้านโครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรม, SDG 11 (11.3.1) การวางผังเมืองที่ยืดหยุ่นปลอดภัย, SDG 13 (13.3.1) การสร้างความตระหนักด้านความเสี่ยงภูมิอากาศ และ SDG 17 (17.2.1, 17.2.5) ผ่านการเชื่อมโยงภาคีเพื่อพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

การเสวนาครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญในวงการวิศวกรรมและกฎหมาย เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความพร้อมในการป้องกันแผ่นดินไหวในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยอย่างยั่งยืน

#SPU #คณะวิศวกรรมศาสตร์ #มหาวิทยาลัยศรีปทุม #แผ่นดินไหว

On Key

Related Posts

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “ยานยนต์พลังงานใหม่ รุ่นที่ 1” ที่ประเทศจีน🇨🇳

📣📣📣โอกาสพิเศษเฉพาะศรีปทุมเท่านั้น หลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการ “ยานยนต์พลังงานใหม่ รุ่นที่ 1” 🚗 อบรมเจาะลึกการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยผู้เชี่ยวชาญ 📚เรียนรู้เทคโนโลยีล้ำสมัยจากแหล่งผลิตจริง

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ขอแสดงความยินดีกับบุคลากรดีเด่นด้านวิชาการ นักวิจัย ผู้สร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่า เป็นแบบอย่างแห่งความเป็นเลิศ และความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัย ✨🎉

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ขอร่วมแสดงความยินดีและความภาคภูมิใจแก่บุคลากรผู้ได้รับรางวัล “บุคลากรดีเด่นด้านวิชาการ นักวิจัย” ซึ่งเป็นเกียรติยศอันทรงคุณค่า สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ทุ่มเท และสร้างสรรค์ผลงานวิชาการที่มีประโยชน์ต่อวงการศึกษาและสังคม ในปีนี้ ผู้ได้รับการยกย่อง ได้แก่

✨ เรียนกับตัวจริง ประสบการณ์จริง กับโครงการ QTC CAMPUS TOUR พี่สอนน้อง ✨🫱🏼‍🫲🏻

นักศึกษาวิศวกรรมไฟฟ้า SPU เรียนรู้เทคโนโลยีพลังงานจากภาคอุตสาหกรรมจริง บริษัท QTC Energy เสริมความรู้เชิงลึกด้านหม้อแปลงไฟฟ้าให้แก่นักศึกษา ผ่านกิจกรรม “QTC Campus

ค่าเทอมสาขา

คณะ/สาขาวิชา ลักษณะการกู้ยืมฯ เทอม 1 ตลอด หลักสูตร
คณะบริหารธุรกิจ
วิศวกรรมโยธา 1 46,600 41,600 359,400
วิศวกรรมโยธา – การจัดการงานก่อสร้าง 1 46,600 41,600 359,400
วิศวกรรมโยธา (นอกเวลาราชการ) 1 45,600 40,600 365,900
วิศวกรรมไฟฟ้า 2 44,600 39,600 361,400
วิศวกรรมไฟฟ้า – ระบบควบคุมอัตโนมัติและหุ่นยนต์ 2 44,600 39,600 361,400
วิศวกรรมไฟฟ้า (นอกเวลาราชการ) 2 38,600 33,600 370,400
วิศวกรรมเครื่องกล 2 46,600  41,600 364,400
วิศวกรรมเครื่องกล – เทคโนโลยีอาคาร 2 46,600  41,600 364,400
วิศวกรรมเครื่องกล (เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่) 2 46,600  41,600 364,400
วิศวกรรมเครื่องกล (นอกเวลาราชการ) 2 45,600  40,600 373,400
วิศวกรรมอุตสาหการและการจัดการ 2 45,600  40,600 362,000
วิศวกรรมอุตสาหการ – การจัดการวิศวกรรม 2 45,600  40,600 362,000
วิศวกรรมระบบราง 1 50,600  45,600 355,000