Neuromarketing กับอนาคตของสาขาการตลาดดิจิทัล: คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ชี้แนวโน้มปี 2025
ในยุคที่การแข่งขันบนโลกดิจิทัลดุเดือด ข้อมูลมหาศาลถาโถมใส่ผู้บริโภคทุกวินาที การทำการตลาดแบบเดิมๆ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป การเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งถึงระดับ “จิตใต้สำนึก” จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ที่นี่คือจุดที่ Neuromarketing เข้ามามีบทบาท และนี่คือภาพอนาคตที่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม กำลังเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาใน สาขาการตลาดดิจิทัล ก้าวไปเป็นผู้นำในเทรนด์ปี 2025 และปีต่อๆ ไป
สารบัญเนื้อหา
1. Neuromarketing คืออะไร? การตลาดที่สื่อสารกับสมองโดยตรง
Neuromarketing หรือ “การตลาดประสาทวิทยา” คือการนำความรู้ทางด้านประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience) มาประยุกต์ใช้กับการตลาด เพื่อทำความเข้าใจการตอบสนองของสมองผู้บริโภคต่อสิ่งเร้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โฆษณา, บรรจุภัณฑ์, สี, เสียง หรือแม้แต่การออกแบบหน้าเว็บไซต์ แทนที่จะอาศัยเพียงข้อมูลจากการสัมภาษณ์หรือแบบสอบถามซึ่งอาจมีความคลาดเคลื่อน Neuromarketing จะใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เช่น
- Eye-Tracking: ติดตามการมองของผู้บริโภคว่าจุดไหนบนหน้าจอหรือผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดสายตาได้มากที่สุด
- EEG (Electroencephalography): วัดคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อดูการตอบสนองทางอารมณ์แบบเรียลไทม์
- fMRI (Functional Magnetic Resonance Imaging): สแกนสมองเพื่อดูว่าส่วนไหนทำงานเมื่อเห็นสิ่งเร้าทางการตลาด ทำให้รู้ว่าลูกค้ารู้สึกอย่างไรอย่างแท้จริง
เป้าหมายคือการเข้าถึง “Why” ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในระดับจิตใต้สำนึก เพื่อสร้างแคมเปญที่ “โดนใจ” และมีประสิทธิภาพสูงสุด
2. ทำไม Neuromarketing คืออนาคตที่ต้องจับตา?
การตลาดดิจิทัลในปัจจุบันวัดผลจาก Metrics ที่มองเห็นได้ เช่น Click, Like, Share แต่ Neuromarketing จะพาเราไปไกลกว่านั้น นี่คือเหตุผลที่มันคืออนาคต:
- ข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำกว่า: ลดการคาดเดาและให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมาจากการตอบสนองของสมองโดยตรง
- สร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Hyper-Personalization): เมื่อเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริง แบรนด์สามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคแต่ละคนได้อย่างน่าทึ่ง
- เพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาและคอนเทนต์: สามารถทดสอบ A/B Testing ได้ลึกถึงระดับอารมณ์ว่าภาพหรือข้อความแบบไหนกระตุ้นการตัดสินใจได้ดีกว่า
- สร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty): การสร้างการเชื่อมโยงทางอารมณ์เชิงบวกกับแบรนด์ จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนมากกว่าการลดราคาชั่วคราว
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการนี้ Harvard Business Review ได้อธิบายถึงความสำคัญและกรณีศึกษาที่น่าสนใจไว้มากมาย ซึ่งยืนยันถึงทิศทางที่สำคัญของวงการการตลาดโลก
3. วิสัยทัศน์ของ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม กับการตลาดดิจิทัล
ด้วยความเข้าใจในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่แค่การสอนเครื่องมือการตลาดดิจิทัลพื้นฐาน แต่มุ่งสร้าง “นักการตลาดแห่งอนาคต” ที่มีความเข้าใจมนุษย์อย่างลึกซึ้งผ่านหลักสูตร สาขาการตลาดดิจิทัล ที่ทันสมัย
แนวทางการเรียนการสอนที่ SPU เน้นย้ำ:
- เรียนกับตัวจริง ประสบการณ์จริง: เชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน Neuromarketing และ Consumer Psychology มาแบ่งปันความรู้และกรณีศึกษาจริงในอุตสาหกรรม
- Project-Based Learning: ให้นักศึกษาได้ลงมือทำโปรเจกต์วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก ออกแบบแคมเปญที่อิงตามหลักจิตวิทยาการตลาด
- บูรณาการศาสตร์ข้ามสาขา: ส่งเสริมให้นักศึกษา สาขาการตลาดดิจิทัล เข้าใจหลักการพื้นฐานของจิตวิทยา การออกแบบ UX/UI และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อสร้างมุมมองที่ครบถ้วน
นี่คือสิ่งที่ทำให้บัณฑิตจาก คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มีความพร้อมและโดดเด่นกว่าใครในตลาดแรงงานที่ต้องการทักษะรอบด้านมากขึ้น (ศึกษาข้อมูลหลักสูตรสาขาการตลาดดิจิทัลเพิ่มเติม)
4. ทักษะที่นักการตลาดดิจิทัลยุคใหม่ต้องมีสำหรับปี 2025
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต นักการตลาดดิจิทัลยุคใหม่ต้องมีทักษะที่ผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลป์ ดังนี้:
- นักวิเคราะห์เชิงจิตวิทยา (Psychological Analyst): ไม่ใช่แค่ดูตัวเลข แต่ต้องตีความได้ว่า “ทำไม” ตัวเลขถึงเป็นแบบนั้น สามารถเชื่อมโยงข้อมูลเชิงปริมาณกับพฤติกรรมเชิงคุณภาพได้
- นักเล่าเรื่องผ่านข้อมูล (Data Storyteller): สามารถนำข้อมูลที่ซับซ้อนมาเล่าเรื่องให้เข้าใจง่ายและโน้มน้าวใจผู้บริหารหรือลูกค้าได้
- นักออกแบบประสบการณ์ (Experience Designer): เข้าใจ Customer Journey ทั้งหมด และสามารถออกแบบ Touchpoint ต่างๆ โดยใช้หลักจิตวิทยาเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุด
- นักการตลาดที่มีจริยธรรม (Ethical Marketer): การเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ การใช้ข้อมูลอย่างมีจริยธรรมและโปร่งใสจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด5. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)