Cybersecurity และการบริหารความเสี่ยงในธุรกิจ ยุค 5G ที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุมแนะนำ

Cybersecurity และการบริหารความเสี่ยงในธุรกิจยุค 5G: มุมมองจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

ในยุคที่เทคโนโลยี 5G กำลังปฏิวัติโลกธุรกิจ การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและไร้ขีดจำกัดได้เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ อย่างมหาศาล แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความท้าทายด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น การบริหารความเสี่ยงจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ทุกองค์กรต้องตระหนัก บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงประเด็นดังกล่าว ผ่านมุมมองและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) สถาบันที่มุ่งสร้างนักบริหารรุ่นใหม่ให้พร้อมรับมือกับโลกธุรกิจดิจิทัล

1. คลื่นปฏิวัติ 5G: เปลี่ยนแปลงธุรกิจอย่างไร?

เทคโนโลยี 5G ไม่ได้เป็นเพียงการอัปเกรดความเร็วอินเทอร์เน็ตบนมือถือ แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรม ด้วยคุณสมบัติเด่น 3 ประการ:

  • Enhanced Mobile Broadband (eMBB): ความเร็วสูงขึ้นมหาศาล รองรับการสตรีมวิดีโอความละเอียดสูง, AR/VR และการทำงานทางไกลที่ราบรื่น
  • Ultra-Reliable Low-Latency Communications (URLLC): การตอบสนองที่รวดเร็วและเสถียรภาพสูง เหมาะสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ, การผ่าตัดทางไกล และระบบควบคุมอัตโนมัติในโรงงาน
  • Massive Machine-Type Communications (mMTC): ความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT (Internet of Things) จำนวนมหาศาลพร้อมกัน ทำให้เกิด Smart City, Smart Farming และ Smart Home ที่สมบูรณ์แบบ

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เปิดโอกาสให้ธุรกิจสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจและบริการใหม่ๆ แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อมหาศาลก็หมายถึง “ประตู” สู่การโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

2. ภัยคุกคามไซเบอร์รูปแบบใหม่ในยุค 5G ที่ต้องจับตา

ด้วยโครงสร้างของ 5G ที่ซับซ้อนและพึ่งพาซอฟต์แวร์มากขึ้น ทำให้เกิดช่องโหว่และภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ธุรกิจต้องเตรียมพร้อมรับมือ ดังนี้:

  • การโจมตีอุปกรณ์ IoT: อุปกรณ์ IoT ที่มีจำนวนมหาศาลและมักมีการป้องกันที่หละหลวม อาจกลายเป็นเป้าหมายหลักในการถูกยึดเพื่อใช้เป็นฐานโจมตี (Botnet) หรือขโมยข้อมูล
  • การโจมตีผ่าน Network Slicing: แม้ Network Slicing จะช่วยแบ่งแบนด์วิดท์เพื่อการใช้งานที่ต่างกัน แต่หากการตั้งค่าไม่รัดกุมพอ อาจเกิดช่องโหว่ให้ผู้ไม่หวังดีเจาะข้ามเครือข่ายย่อยได้
  • ความเสี่ยงจาก Supply Chain: การพึ่งพาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จากผู้ผลิตหลายรายในระบบ 5G เพิ่มความเสี่ยงจากการถูกฝังมัลแวร์หรือช่องโหว่มาจากต้นทาง
  • การดักจับข้อมูลและการปลอมแปลงตัวตน: ปริมาณข้อมูลที่วิ่งผ่านเครือข่าย 5G นั้นมหาศาล ทำให้การป้องกันการดักจับข้อมูลและการยืนยันตัวตนที่รัดกุมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

การตระหนักถึงภัยคุกคามเหล่านี้ คือก้าวแรกของการสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งให้กับองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งที่หลักสูตรของ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

3. ทำไม คณะบริหารธุรกิจ จึงต้องให้ความสำคัญกับ Cybersecurity?

ในอดีต Cybersecurity อาจถูกมองว่าเป็นเรื่องของฝ่าย IT เท่านั้น แต่ปัจจุบันมันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ขององค์กรโดยตรง การถูกโจมตีทางไซเบอร์ไม่ได้สร้างความเสียหายแค่ข้อมูล แต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง:

  • ความเสียหายทางการเงิน: ค่าใช้จ่ายในการกู้คืนระบบ, ค่าปรับจากการทำข้อมูลรั่วไหล, การสูญเสียรายได้จากการหยุดชะงักของธุรกิจ
  • ความเสียหายต่อชื่อเสียง: การสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าและคู่ค้า ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้
  • ผลกระทบทางกฎหมาย: การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อาจนำไปสู่การฟ้องร้องและบทลงโทษที่รุนแรง

ด้วยเหตุนี้ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม จึงบูรณาการความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและความปลอดภัยไซเบอร์เข้ากับหลักสูตรการบริหารจัดการ เพื่อสร้างบัณฑิตที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถประเมินความเสี่ยงและตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในเทคโนโลยีป้องกัน การวางแผนรับมือเหตุการณ์ หรือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ตระหนักถึงความปลอดภัย

ลองศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หลักสูตรที่น่าสนใจของคณะบริหารธุรกิจ SPU ที่จะช่วยให้คุณก้าวทันโลกธุรกิจยุคใหม่

4. กลยุทธ์บริหารความเสี่ยงที่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม แนะนำ

เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจในยุค 5G สถาบันการศึกษาชั้นนำอย่าง มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้สรุปกลยุทธ์สำคัญในการบริหารความเสี่ยงด้าน Cybersecurity ไว้ดังนี้:

  1. ใช้แนวทาง Zero Trust Architecture: เลิกเชื่อถือทุกอย่างเป็นค่าเริ่มต้น (Trust no one, verify everything) ทุกการเชื่อมต่อไม่ว่าจะจากภายในหรือภายนอกเครือข่าย ต้องมีการตรวจสอบและยืนยันตัวตนเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
  2. ลงทุนในการฝึกอบรมและสร้างความตระหนักรู้ (Security Awareness Training): พนักงานคือปราการด่านแรกที่สำคัญที่สุด การฝึกอบรมให้พวกเขารู้เท่าทันภัยคุกคาม เช่น Phishing, Malware จะช่วยลดความเสี่ยงจาก Human Error ได้อย่างมาก
  3. จัดทำแผนรับมือเหตุการณ์ละเมิด (Incident Response Plan): ไม่มีระบบใดปลอดภัย 100% องค์กรต้องมีแผนที่ชัดเจนว่าเมื่อถูกโจมตีจะทำอะไรบ้าง ใครรับผิดชอบ, จะสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไร และจะกู้คืนระบบให้กลับมาดำเนินการได้เร็วที่สุดได้อย่างไร
  4. ประเมินความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ: ภัยคุกคามเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ควรมีการประเมินความเสี่ยงและทดสอบการเจาะระบบ (Penetration Testing) เป็นประจำ เพื่อหาและอุดช่องโหว่ก่อนที่ผู้ไม่หวังดีจะเจอ

สำหรับข้อมูลและมาตรฐานด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพิ่มเติม องค์กรสามารถศึกษาได้จาก สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

5. ถาม-ตอบ (FAQ) เกี่ยวกับ Cybersecurity และธุรกิจในยุค 5G

Q1: เทคโนโลยี 5G เพิ่มความเสี่ยงด้าน Cybersecurity ให้กับธุรกิจมากกว่า 4G อย่างไร?

A: 5G เพิ่มความเสี่ยงหลักๆ จากการขยายพื้นที่การโจมตี (Attack Surface) ให้กว้างขึ้นมหาศาล ผ่านการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT จำนวนมากที่อาจไม่มีการป้องกันที่ดีพอ นอกจากนี้ ความเร็วสูงของ 5G ยังทำให้อาชญากรไซเบอร์สามารถขโมยข้อมูลปริมาณมากได้ในเวลาอันสั้น และการโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) อาจรุนแรงขึ้นกว่าเดิมมาก

Q2: ธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) ที่มีงบประมาณจำกัด ควรลงทุนด้าน Cybersecurity หรือไม่?

A: จำเป็นอย่างยิ่งครับ! SMEs มักเป็นเป้าหมายที่ง่ายกว่าองค์กรขนาดใหญ่เพราะมีทรัพยากรป้องกันน้อยกว่า การลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลเสมอไป สามารถเริ่มจากการสร้างความตระหนักรู้ให้พนักงาน, การใช้รหัสผ่านที่รัดกุม, การอัปเดตซอฟต์แวร์สม่ำเสมอ และการสำรองข้อมูลเป็นประจำ ซึ่งล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Q3: การเรียนที่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ช่วยเตรียมความพร้อมด้านนี้ได้อย่างไร?

A: ที่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เราไม่ได้สอนแค่ทฤษฎีการบริหาร แต่เราสร้าง “นักบริหารธุรกิจยุคดิจิทัล” ผ่านหลักสูตรที่ทันสมัย มีการสอดแทรกความรู้ด้านเทคโนโลยี, การวิเคราะห์ข้อมูล, และความสำคัญของ Cybersecurity ในทุกมิติของการทำธุรกิจ บัณฑิตของเราจะเข้าใจว่าความปลอดภัยไซเบอร์ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ส่งผลต่อความอยู่รอดและความสำเร็จขององค์กร


สรุปได้ว่า ในยุค 5G ที่ทุกอย่างเชื่อมถึงกัน ความสำเร็จของธุรกิจไม่ได้วัดกันที่ความเร็วในการปรับตัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการป้องกันและบริหารจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์ด้วย การเตรียมความพร้อมทั้งด้านองค์ความรู้และบุคลากรจึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ซึ่ง คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างผู้นำทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและรอบด้านเพื่ออนาคต

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn

Most Popular

Categories