AI, VR, และ Eye-tracking: ปฏิวัติการตลาดดิจิทัลที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจทวีความรุนแรง การเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จ เทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง AI, VR และ Eye-tracking กำลังเข้ามาปฏิวัติวงการตลาด และที่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เราพร้อมนำนักศึกษาในสาขาการตลาดดิจิทัลก้าวสู่โลกอนาคตของการตลาดด้วย Neuromarketing
สารบัญเนื้อหา
1. Neuromarketing คืออะไร? กุญแจไขความลับในใจผู้บริโภค
Neuromarketing หรือ “ประสาทวิทยาการตลาด” คือการนำความรู้ด้านประสาทวิทยาและสมองมาประยุกต์ใช้เพื่อทำความเข้าใจการตอบสนองของผู้บริโภคต่อสิ่งเร้าทางการตลาดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โฆษณา, บรรจุภัณฑ์, หรือการออกแบบเว็บไซต์ แทนที่จะอาศัยเพียงคำตอบจากแบบสอบถาม ซึ่งอาจมีความคลาดเคลื่อนจากอคติหรือการตอบตามความคาดหวังของสังคม Neuromarketing จะเจาะลึกไปถึงการตอบสนองทางอารมณ์และจิตใต้สำนึกที่ไม่สามารถโกหกได้
เทคนิคนี้ช่วยให้นักการตลาดสามารถออกแบบแคมเปญที่ “โดนใจ” ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง เพราะมันคือการวัดผลจากสิ่งที่พวกเขารู้สึก ไม่ใช่แค่สิ่งที่พวกเขาพูด การเรียนรู้ศาสตร์นี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักศึกษาสาขาการตลาดดิจิทัลในปัจจุบัน
2. สามทหารเสือเทคโนโลยี: AI, VR, และ Eye-tracking ทำงานร่วมกันอย่างไร?
เพื่อให้เข้าใจผู้บริโภคได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ และนี่คือ 3 เทคโนโลยีหลักที่กำลังขับเคลื่อนวงการ Neuromarketing:
- AI (Artificial Intelligence): ปัญญาประดิษฐ์ทำหน้าที่เป็น “สมอง” ในการวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลที่ได้จากเครื่องมือต่างๆ เช่น คลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) หรือข้อมูลจาก Eye-tracking เพื่อค้นหารูปแบบ (Pattern) ที่ซ่อนอยู่ และทำนายพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้สามารถทำ Personalization Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
- VR (Virtual Reality): เทคโนโลยีโลกเสมือนจริงช่วยสร้าง “ห้องทดลอง” ที่สมบูรณ์แบบ เราสามารถจำลองสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น ชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือโชว์รูมรถยนต์ เพื่อทดสอบการออกแบบ การจัดวางสินค้า หรือประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้และใกล้เคียงความจริงที่สุด โดยไม่ต้องลงทุนสร้างสถานที่จริง
- Eye-tracking: เทคโนโลยีการติดตามสายตา คือ “หน้าต่างสู่ความคิด” ของผู้บริโภค เครื่องมือนี้จะบันทึกว่าผู้บริโภคมองอะไรบนหน้าจอหรือผลิตภัณฑ์, มองส่วนไหนนานที่สุด, มองส่วนไหนก่อนหลัง และลำดับการมองเป็นอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้มีค่ามหาศาลในการออกแบบเว็บไซต์, สื่อโฆษณา, หรือแม้แต่บรรจุภัณฑ์ให้ดึงดูดสายตาและสื่อสารได้ตรงจุด ตามที่ Nielsen Norman Group ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน UX ได้ให้ข้อมูลไว้
3. การเรียนการสอนในสาขาการตลาดดิจิทัล คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ที่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) เราไม่ได้สอนแค่ทฤษฎี แต่เรามุ่งเน้นการสร้าง “นักการตลาดตัวจริง” ที่พร้อมสำหรับโลกอนาคต หลักสูตรในสาขาการตลาดดิจิทัลของเราจึงได้ผนวกเอาองค์ความรู้และเทคโนโลยี Neuromarketing เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน
นักศึกษาจะได้เรียนรู้ผ่าน Workshop และโปรเจกต์จริง ที่เปิดโอกาสให้ได้ทดลองใช้เครื่องมืออย่าง Eye-tracking เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุง User Interface (UI) ของเว็บไซต์ หรือใช้ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ของ AI มาวางแผนกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล ทำให้บัณฑิตของเรามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งและแตกต่างจากที่อื่น
4. อนาคตบัณฑิต SPU: สร้างนักการตลาดที่เข้าใจทั้งคนและเทคโนโลยี
การผสมผสานความรู้ด้านการตลาดแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยี Neuromarketing ทำให้บัณฑิตจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มีความได้เปรียบในตลาดแรงงาน พวกเขาจะไม่ได้เป็นเพียงนักการตลาดดิจิทัลที่ยิงแอดหรือทำคอนเทนต์เป็น แต่จะเป็น “นักกลยุทธ์การตลาด” ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคและนำมาสร้างสรรค์แคมเปญที่ทรงพลังและวัดผลได้จริง
ทักษะเหล่านี้เป็นที่ต้องการอย่างสูงในตำแหน่งงานสมัยใหม่ เช่น UX/UI Researcher, Consumer Insights Analyst, MarTech Specialist และ Digital Strategist หากคุณสนใจที่จะก้าวสู่การเป็นนักการตลาดแห่งอนาคต สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รีวิวการเรียนการตลาดดิจิทัลที่ SPU ได้ที่นี่
5. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: ทำไม Neuromarketing จึงสำคัญต่อนักการตลาดดิจิทัลในปัจจุบัน?
A: เพราะโลกดิจิทัลเต็มไปด้วยข้อมูลและการแข่งขัน การเข้าใจแค่ “พฤติกรรม” (เช่น การคลิก) อาจไม่เพียงพอ Neuromarketing ช่วยให้เข้าใจ “เหตุผลเบื้องหลัง” พฤติกรรมเหล่านั้น ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ Conversion Rate, ออกแบบ UX/UI ที่ดีขึ้น และสร้างสารที่สื่อถึงอารมณ์ของผู้บริโภคได้ตรงจุดกว่าคู่แข่ง
Q2: ที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มีเครื่องมือเหล่านี้ให้นักศึกษาได้ใช้จริงหรือไม่?
A: ใช่ครับ ที่ SPU เราเน้นการเรียนรู้แบบ “ตัวจริง ประสบการณ์จริง” หลักสูตรของสาขาการตลาดดิจิทัลถูกออกแบบมาให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติผ่านห้องปฏิบัติการและเครื่องมือที่ทันสมัย รวมถึงการทำโปรเจกต์ร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้นักศึกษาได้สัมผัสและเรียนรู้จากการใช้งานเทคโนโลยีจริง เตรียมพร้อมสู่การทำงานทันทีที่สำเร็จการศึกษา
Q3: จบสาขาการตลาดดิจิทัลที่ SPU แล้ว สามารถทำงานด้านไหนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเหล่านี้ได้บ้าง?
A: บัณฑิตจะมีทางเลือกในสายอาชีพที่กว้างและเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก เช่น UX/UI Researcher ที่ใช้ Eye-tracking ในการวิจัย, Data Analyst ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค, MarTech (Marketing Technology) Strategist ที่วางแผนการใช้เทคโนโลยีเพื่อการตลาด และ Digital Marketing Manager ที่มีความเข้าใจในเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน