Green Tech & ESG: เทรนด์ใหม่ขับเคลื่อนผู้ประกอบการยุคดิจิทัลที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ในยุคที่โลกธุรกิจไม่ได้วัดความสำเร็จจากผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เทรนด์อย่าง Green Technology และ ESG ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องเข้าใจ เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน และนี่คือสิ่งที่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม กำลังบ่มเพาะให้กับนักศึกษาเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำทางธุรกิจแห่งอนาคต
สารบัญเนื้อหา
Green Tech & ESG คืออะไร? ทำไมจึงสำคัญกับธุรกิจยุคใหม่
ในปัจจุบัน กระแสโลกกำลังมุ่งสู่ความยั่งยืน (Sustainability) ทำให้สองคำนี้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในแวดวงธุรกิจ
- Green Technology (เทคโนโลยีสีเขียว): คือการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสร้างพลังงานสะอาด เช่น เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์, ระบบจัดการขยะอัจฉริยะ, หรือการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงงาน
- ESG (Environmental, Social, Governance): คือกรอบแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึง 3 มิติหลัก ได้แก่
- สิ่งแวดล้อม (E – Environmental): การจัดการผลกระทบขององค์กรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการน้ำและของเสีย
- สังคม (S – Social): การดูแลพนักงาน ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเป็นธรรม เช่น สวัสดิการพนักงาน ความปลอดภัยในการทำงาน การช่วยเหลือสังคม
- ธรรมาภิบาล (G – Governance): การบริหารจัดการองค์กรอย่างโปร่งใส มีจริยธรรม ตรวจสอบได้ และต่อต้านการทุจริต
การนำหลักการเหล่านี้มาปรับใช้ ไม่เพียงแต่ช่วยโลก แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ลูกค้า และพนักงาน ซึ่ง คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ตระหนักดีว่านี่คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว
โอกาสทางธุรกิจที่มาพร้อมกับเทรนด์สีเขียว
การปรับตัวสู่ธุรกิจสีเขียวไม่ใช่ “ต้นทุน” อีกต่อไป แต่คือ “โอกาส” ในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ดังนี้:
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดี: แบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคมจะได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น
- เข้าถึงแหล่งทุนใหม่: นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับคะแนน ESG ในการตัดสินใจลงทุนในบริษัทต่างๆ
- ลดต้นทุนการดำเนินงาน: การใช้ Green Tech ช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากร ซึ่งเป็นการลดต้นทุนในระยะยาว
- ดึงดูดบุคลากรคุณภาพ: คนรุ่นใหม่มองหาองค์กรที่มีเป้าหมายและค่านิยมสอดคล้องกับตนเอง โดยเฉพาะเรื่องความยั่งยืน
การปรับตัวของคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม สู่โลกธุรกิจสีเขียว
ในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำที่มุ่งสร้างผู้ประกอบการมืออาชีพ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) ได้ผสานแนวคิด Green Tech และ ESG เข้าไปในทุกมิติของการเรียนการสอน เพื่อให้นักศึกษาพร้อมสำหรับโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
1. การปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัย
หลักสูตรของ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ไม่ได้สอนแค่ทฤษฎีการตลาด การเงิน หรือการจัดการแบบเดิมๆ แต่มีการสอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับ:
- Sustainable Business Models: การสร้างโมเดลธุรกิจที่เติบโตควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม
- Digital Technology for Sustainability: การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเป้าหมายด้านความยั่งยืน
- Business Ethics and Governance: การปลูกฝังจริยธรรมและความโปร่งใสในการบริหารจัดการ
หากคุณสนใจในรายละเอียดหลักสูตร สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ หลักสูตรทั้งหมดของคณะบริหารธุรกิจ เพื่อค้นหาแนวทางที่ใช่สำหรับคุณ
2. การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง (Real-World Experience)
นักศึกษาที่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม จะได้เรียนรู้ผ่าน Case Study ของบริษัทชั้นนำที่ประสบความสำเร็จด้าน ESG รวมถึงการทำโปรเจกต์ร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาจริงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม สิ่งนี้ทำให้นักศึกษาสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ทันทีหลังเรียนจบ
สร้างผู้ประกอบการพันธุ์ใหม่ด้วย DNA แห่งความยั่งยืน
เป้าหมายสูงสุดของ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม คือการสร้างบัณฑิตที่ไม่ได้เป็นแค่ “ผู้ตาม” แต่เป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” ที่มี DNA ของผู้ประกอบการยุคใหม่ ซึ่งเข้าใจว่าผลกำไรที่ยั่งยืนต้องมาพร้อมกับการสร้างคุณค่าให้กับโลกใบนี้
แนวคิด ESG สอดคล้องโดยตรงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นวาระระดับโลกที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน บัณฑิตจาก SPU จึงเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในระดับสากล
การเลือกสถาบันการศึกษาคือการลงทุนเพื่ออนาคต และการเลือกเรียนที่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม คือการเลือกที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง สร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และพร้อมเป็นผู้นำในโลกธุรกิจยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
















