เปรียบเทียบ Start-up กับ Start-upset: นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ SPU เรียนรู้และลงมือจริง

Start-up vs. Start-upset: ถอดรหัสความสำเร็จฉบับนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ SPU

ในยุคที่ใครๆ ก็ฝันอยากเป็น เจ้าของธุรกิจ คำว่า “Start-up” กลายเป็นเป้าหมายของคนรุ่นใหม่ แต่ความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่ไอเดียธุรกิจเพียงอย่างเดียว วันนี้เราจะมาเจาะลึกความแตกต่างระหว่าง “Start-up” และ “Start-upset” พร้อมดูกันว่า คณะบริหารธุรกิจ SPU สร้างผู้ประกอบการตัวจริงที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์ได้อย่างไร ผ่านการ เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

1. Start-up คืออะไร? ความฝันของนักธุรกิจรุ่นใหม่

หลายคนคุ้นเคยกับคำว่า Start-up กันดี มันคือบริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อการเติบโตอย่างรวดเร็ว (Scalable) มักจะเกี่ยวข้องกับนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาในตลาด และมักจะมองหาแหล่งเงินทุนจากนักลงทุน (Venture Capital) เพื่อขยายธุรกิจให้ก้าวกระโดด

หัวใจของ Start-up คือ “โมเดลธุรกิจ” ที่ทำซ้ำได้และขยายผลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่การเปิดร้านกาแฟหรือร้านอาหารทั่วไป แต่เป็นการสร้างแพลตฟอร์มหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถบริการลูกค้าได้นับแสนนับล้านคนโดยที่ต้นทุนไม่เพิ่มขึ้นตามแบบเส้นตรง การเป็น เจ้าของธุรกิจ Start-up จึงเป็นความท้าทายที่น่าตื่นเต้นของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง

(สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดทางกฎหมายในการจัดตั้งธุรกิจ สามารถศึกษาได้จาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)

2. Start-upset คืออะไร? ทำไมสำคัญกว่าแค่ไอเดีย

ในทางกลับกัน “Start-upset” (Startup Mindset) ไม่ใช่รูปแบบของบริษัท แต่เป็น “กรอบความคิด” หรือ “ทัศนคติ” ของผู้ประกอบการที่พร้อมจะล้มและลุกได้อย่างรวดเร็ว มันคือ DNA ที่สำคัญยิ่งกว่าไอเดียธุรกิจสุดล้ำ เพราะในโลกของ บริหารธุรกิจ ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอนที่สุด

องค์ประกอบหลักของ Start-upset ได้แก่:

  • ความยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัว (Adaptability): เมื่อแผนไม่เป็นไปตามคาด ต้องพร้อมที่จะ “Pivot” หรือเปลี่ยนทิศทางธุรกิจได้ทันที
  • เรียนรู้จากความล้มเหลว (Fail Fast, Learn Faster): มองความผิดพลาดเป็นบทเรียนอันล้ำค่า ไม่กลัวที่จะทดลองและยอมรับเมื่อมันไม่เวิร์ค
  • ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric): สร้างผลิตภัณฑ์จากความต้องการของลูกค้าจริง ไม่ใช่จากสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดี
  • ลงมือทำและวัดผล (Action & Data-Driven): เน้นการลงมือทำอย่างรวดเร็วและใช้ข้อมูลจริงในการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่การคาดเดา

ไอเดียธุรกิจที่ดีอาจล้มเหลวได้ถ้าผู้ก่อตั้งไม่มี “Start-upset” แต่คนที่มี “Start-upset” ที่แข็งแกร่ง แม้จะล้มเหลวครั้งแรก เขาก็สามารถลุกขึ้นมาสร้างธุรกิจใหม่ให้สำเร็จได้ในที่สุด นี่คือสิ่งที่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

3. คณะบริหารธุรกิจ SPU ปั้น “Start-upset” ด้วยการเรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริงอย่างไร?

ที่ คณะบริหารธุรกิจ SPU เราไม่ได้สอนแค่ทฤษฎีในตำรา แต่เราสร้าง “สนามทดลอง” ให้นักศึกษาได้สร้างเสริม “Start-upset” ผ่านปรัชญา เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนการสอน

  • Project-Based Learning: นักศึกษาจะได้ลงมือทำโปรเจกต์ธุรกิจจริง ตั้งแต่การคิดไอเดีย วางแผนการตลาด ไปจนถึงการนำเสนอแผนต่อนักลงทุนจำลอง ทำให้ได้เจอปัญหาจริงและเรียนรู้วิธีแก้ปัญหา
  • คณาจารย์ผู้เป็นตัวจริงในวงการ: เรียนรู้โดยตรงจากอาจารย์ที่เป็น เจ้าของธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญในแต่ละอุตสาหกรรม ที่จะมาแชร์ทั้งเคล็ดลับความสำเร็จและบทเรียนจากความล้มเหลว
  • เวที Pitching และ Networking: SPU มีกิจกรรมให้นักศึกษาได้ฝึกฝนการนำเสนอไอเดียธุรกิจ (Pitching) และสร้างคอนเนคชั่นกับรุ่นพี่และผู้ประกอบการในเครือข่าย SPUBUS
  • หลักสูตรที่ทันสมัย: เนื้อหาการเรียนการสอนด้าน บริหารธุรกิจ ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์โลกธุรกิจยุคใหม่ เน้นเรื่อง Digital Marketing, Data Analytics และการสร้างโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน

สภาพแวดล้อมทั้งหมดนี้ หล่อหลอมให้นักศึกษาไม่เพียงแค่ “รู้” แต่ยัง “เป็น” ผู้ประกอบการที่มี Start-upset ที่แข็งแกร่ง พร้อมเผชิญความท้าทายในโลกธุรกิจจริง (คลิกดูรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติม)

4. จากห้องเรียนสู่สนามจริง: DNA ของเด็ก SPUBUS

ผลลัพธ์ของการสร้าง Start-upset คือการที่นักศึกษาจาก คณะบริหารธุรกิจ SPU หรือชาว SPUBUS จำนวนมาก สามารถเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ พวกเขากล้าที่จะทดลองตลาดจริง เปิดเพจขายของออนไลน์ ทำธุรกิจบริการเล็กๆ หรือแม้แต่สร้างแอปพลิเคชันง่ายๆ เพราะพวกเขารู้ว่า “การลงมือทำ” คือการเรียนรู้ที่ดีที่สุด

การได้ เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง ทำให้พวกเขามีภูมิคุ้มกันและความเข้าใจในโลกของ บริหารธุรกิจ ที่ลึกซึ้งกว่าการอ่านหนังสือ พวกเขาเข้าใจว่าการเป็น เจ้าของธุรกิจ ไม่ได้มีแต่ด้านที่สวยหรู แต่เต็มไปด้วยความท้าทายที่ต้องใช้ทั้งความรู้ ความอดทน และที่สำคัญที่สุดคือ “ใจ” ที่ไม่ยอมแพ้


สรุปแล้ว การสร้าง Start-up ที่ประสบความสำเร็จ ต้องเริ่มต้นจากการสร้าง “Start-upset” ที่ถูกต้องเสียก่อน และนั่นคือสิ่งที่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) มุ่งมั่นที่จะมอบให้กับนักศึกษาทุกคน เพื่อให้คุณพร้อมก้าวออกไปเป็น เจ้าของธุรกิจ ที่ไม่เพียงแค่ “อยู่รอด” แต่ “เติบโต” ได้อย่างยั่งยืนในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn

Most Popular

Categories