มองอนาคตการทำงาน! คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ชี้แนวโน้มการจัดการทีมยุค Hybrid Workplace 2025
โลกหลังยุคโควิด-19 ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการทำงานไปอย่างสิ้นเชิง รูปแบบ “Hybrid Workplace” หรือการทำงานแบบผสมผสานได้กลายเป็น New Normal ที่องค์กรชั้นนำทั่วโลกต่างปรับใช้ แล้วผู้บริหารยุคใหม่จะจัดการทีมอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด? บทความนี้จะพาไปเจาะลึกแนวโน้มสำคัญ พร้อมไขคำตอบว่าหลักสูตรของ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เตรียมความพร้อมให้นักศึกษาเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำแห่งอนาคตได้อย่างไร
สารบัญ
Hybrid Workplace คืออะไร? และทำไมจึงเป็นอนาคต
Hybrid Workplace คือรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ซึ่งผสมผสานระหว่างการทำงานในออฟฟิศ (In-Office) และการทำงานจากระยะไกล (Remote Work) เช่น จากที่บ้าน, Co-working Space หรือที่ใดก็ได้ที่มีอินเทอร์เน็ต โมเดลนี้ไม่ได้กำหนดตายตัวว่าพนักงานต้องเข้าออฟฟิศกี่วัน แต่ให้อิสระในการเลือกตามความเหมาะสมของงานและบุคคล ซึ่งส่งผลดีทั้งต่อองค์กรและพนักงาน
- สำหรับพนักงาน: เพิ่มความยืดหยุ่น สร้าง Work-Life Balance ที่ดีขึ้น ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
- สำหรับองค์กร: เพิ่มความสามารถในการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ (Talent) จากทั่วโลก ลดค่าใช้จ่ายด้านพื้นที่สำนักงาน และผลการศึกษาจากหลายสถาบันพบว่าช่วยเพิ่ม Productivity ได้อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ การปรับตัวสู่ Hybrid Workplace จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่ง คณะบริหารธุรกิจ เข้าใจถึงความท้าทายนี้และได้นำมาพัฒนาหลักสูตรเพื่อสร้างผู้บริหารรุ่นใหม่ที่พร้อมรับมือ
5 แนวโน้มการจัดการทีมงานในยุค Hybrid Workplace ปี 2025
เมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป วิธีการบริหารจัดการก็ต้องเปลี่ยนตาม นี่คือ 5 แนวโน้มสำคัญที่ผู้จัดการและผู้นำองค์กรยุคใหม่ต้องรู้และปรับใช้
1. การสื่อสารและการทำงานร่วมกันที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Technology-Driven Collaboration)
เครื่องมือดิจิทัลไม่ใช่แค่ทางเลือกเสริมอีกต่อไป แต่เป็นหัวใจหลักของการทำงานร่วมกัน แพลตฟอร์มอย่าง Slack, Microsoft Teams, Trello, หรือ Asana จะกลายเป็น “ออฟฟิศเสมือน” ที่ทุกคนต้องใช้เป็น การจัดการที่ดีคือการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมและสร้างข้อตกลงในการใช้งานที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกคนไม่ว่าจะทำงานจากที่ไหนก็สามารถเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
2. เน้นผลลัพธ์ ไม่ใช่ชั่วโมงการทำงาน (Focus on Outcomes, Not Hours)
การวัดผลแบบเดิมที่เน้น “การตอกบัตร” หรือ “เวลาที่อยู่ในออฟฟิศ” ใช้ไม่ได้อีกต่อไปในยุค Hybrid ผู้นำต้องเปลี่ยนวิธีคิดไปสู่การบริหารที่เน้นผลลัพธ์ (Result-Oriented Management) โดยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน (OKRs/KPIs) และให้อิสระกับทีมในการบริหารจัดการเวลาของตนเองเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น ซึ่งเป็นการสร้างความไว้วางใจและส่งเสริมความรับผิดชอบไปในตัว
3. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นความไว้วางใจและความเห็นอกเห็นใจ (Building a Culture of Trust and Empathy)
เมื่อไม่ได้เจอหน้ากันทุกวัน “ความไว้วางใจ” คือกาวประสานทีมที่สำคัญที่สุด ผู้จัดการต้องแสดงความเชื่อมั่นในตัวพนักงานและสื่อสารอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ก็เป็นทักษะที่ขาดไม่ได้ การเข้าใจความท้าทายส่วนบุคคลของพนักงานแต่ละคน และใส่ใจในสุขภาวะทางใจ (Mental Well-being) จะช่วยสร้างความผูกพันและรักษาทีมให้อยู่กับองค์กรในระยะยาว การเรียนรู้ทักษะเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในหลักสูตรของ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
4. การสื่อสารแบบไม่พร้อมกันเป็นค่าเริ่มต้น (Asynchronous Communication by Default)
การทำงานแบบ Hybrid หมายถึงทีมงานอาจไม่ได้ออนไลน์พร้อมกันตลอดเวลา การสื่อสารแบบ Asynchronous (ไม่ต้องโต้ตอบทันที) เช่น การส่งข้อความผ่านแชท, อีเมล, หรือคอมเมนต์ในเอกสารงาน จะกลายเป็นมาตรฐาน เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานตามตารางเวลาที่ยืดหยุ่นของตนเองได้ โดยจัดให้มีการประชุมแบบ Real-time (Synchronous) เฉพาะเรื่องที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
5. นิยามบทบาทของ “ออฟฟิศ” ใหม่ (Redefining the Role of the Office)
ออฟฟิศจะไม่ใช่แค่สถานที่สำหรับนั่งทำงานเอกสารอีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “ศูนย์กลาง” สำหรับการสร้างความร่วมมือ (Collaboration Hub), การระดมสมอง (Brainstorming), การสร้างสรรค์นวัตกรรม และการสร้างความสัมพันธ์ในทีม การออกแบบพื้นที่สำนักงานจะต้องเปลี่ยนไปเพื่อรองรับกิจกรรมเหล่านี้โดยเฉพาะ ตามที่ รายงานจาก McKinsey ชี้ให้เห็นว่าองค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่ใช้พื้นที่สำนักงานอย่างมีกลยุทธ์
หลักสูตร คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เตรียมความพร้อมนักศึกษาอย่างไร?
ที่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เราไม่ได้สอนแค่ทฤษฎี แต่เราสร้าง “ผู้นำตัวจริง” ที่พร้อมสำหรับโลกการทำงานแห่งอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลักสูตร สาขาการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายเหล่านี้โดยตรง:
- เรียนรู้ผ่าน Case Study จริง: นักศึกษาจะได้วิเคราะห์กรณีศึกษาจากองค์กรชั้นนำที่ปรับตัวสู่ Hybrid Workplace สำเร็จ เพื่อเข้าใจกลยุทธ์และวิธีการนำไปใช้จริง
- เน้นทักษะผู้นำยุคใหม่ (Modern Leadership Skills): หลักสูตรให้ความสำคัญกับการพัฒนา Soft Skills เช่น การสื่อสาร, ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ), และการสร้างแรงจูงใจให้ทีมในสภาวะแวดล้อมที่ซับซ้อน
- ใช้เครื่องมือดิจิทัลอย่างมืออาชีพ: นักศึกษาจะได้ลงมือใช้เครื่องมือบริหารจัดการโปรเจกต์และการทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ (Collaboration Tools) ที่องค์กรชั้นนำใช้กันจริง เพื่อให้มีความพร้อมทันทีที่เรียนจบ
- การเรียนกับตัวจริง ประสบการณ์จริง: ผ่านการบรรยายจากผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรต่างๆ ที่จะมาแชร์ประสบการณ์ตรงในการจัดการทีมยุค Hybrid
หลักสูตร สาขาการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ ของเราจึงเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นผู้นำที่เข้าใจทั้งธุรกิจและคน พร้อมรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลงในโลกของการทำงานได้อย่างมั่นใจ
สนใจก้าวสู่การเป็นผู้นำยุคใหม่? ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรของเราได้ที่: คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: การทำงานแบบ Hybrid Workplace เหมาะกับทุกองค์กรหรือไม่?
A: โมเดล Hybrid มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถปรับใช้ได้กับธุรกิจส่วนใหญ่ โดยเฉพาะงานที่เน้นความรู้ (Knowledge Work) อย่างไรก็ตาม องค์กรควรประเมินลักษณะงานและวัฒนธรรมของตนเองเพื่อออกแบบโมเดลที่เหมาะสมที่สุด อาจจะเป็นแบบกำหนดวันเข้าออฟฟิศ (Fixed Hybrid) หรือแบบให้อิสระเต็มที่ (Flexible Hybrid) ก็ได้
Q2: ทักษะที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้จัดการในยุค Hybrid คืออะไร?
A: นอกจากทักษะการบริหารจัดการแบบดั้งเดิมแล้ว ทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งคือ 1) การสื่อสารที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ (Clear Communication) 2) ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) เพื่อเข้าใจและสนับสนุนทีม และ 3) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (Digital Fluency) เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกัน
Q3: หลักสูตร สาขาการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ ที่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม แตกต่างจากหลักสูตรบริหารธุรกิจทั่วไปอย่างไร?
A: ความแตกต่างที่ชัดเจนคือการมุ่งเน้นที่บริบท “สมัยใหม่” ของโลกธุรกิจ หลักสูตรของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่ทฤษฎีการจัดการแบบเดิม แต่เน้นการประยุกต์ใช้กับความท้าทายในปัจจุบัน เช่น Digital Transformation, การจัดการในยุค Hybrid, การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ และการพัฒนาภาวะผู้นำที่ยืดหยุ่นและปรับตัวได้เร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดงานในอนาคตต้องการ