เทคโนโลยี Automation กับการลดความผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนการเงิน

เทคโนโลยี Automation กับการลดความผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนการเงิน

พลิกเกมการเงิน! Automation & Data Analytics อาวุธลับลดพลาด เพิ่มปัง ของนักบัญชียุคใหม่

บอกลาความผิดพลาดแบบเดิมๆ แล้วมาอัปสกิลให้ทันโลก! ไม่ว่าคุณจะกำลังเรียน ปริญญาตรีบัญชี หรือเล็งจะต่อ ปริญญาโท บทความนี้คือคัมภีร์ที่ชาว Gen Z ต้องอ่าน!

ในยุคที่ทุกอย่างหมุนเร็วจี๋ การวางแผนการเงินไม่ใช่แค่เรื่องของการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย หรือการกรอกตัวเลขลงใน Excel อีกต่อไปแล้ว! โลกการเงินปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมหาศาล และความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจาก Human Error ก็อาจสร้างความเสียหายมหาศาลได้ นี่คือจุดที่ เทคโนโลยี Automation และ Data Analytics เข้ามาเป็นพระเอกขี่ม้าขาว ช่วยลดความผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพแบบก้าวกระโดด!

นักบัญชีกำลังใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการวางแผนการเงิน

Automation คืออะไร? ทำไมถึงเป็นตัวตึงในวงการการเงิน

พูดง่ายๆ Automation คือการใช้เทคโนโลยีหรือซอฟต์แวร์เข้ามาทำงานซ้ำๆ ที่ปกติต้องใช้คนทำแทนเรา ลองนึกภาพหุ่นยนต์ (ที่ไม่ใช่หุ่นยนต์เดินได้นะ แต่เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์) ที่คอยกระทบยอดบัญชี, ออกใบแจ้งหนี้, หรือดึงข้อมูลจากหลายๆ แหล่งมารวมกันให้โดยอัตโนมัติ ข้อดีของมันคือ:

  • ลด Human Error: หุ่นยนต์ไม่เหนื่อย ไม่เบลอ ไม่เผลอคีย์ตัวเลขผิด ทำให้ข้อมูลแม่นยำ 100%
  • ความเร็วแสง: งานที่เคยใช้เวลาเป็นวัน อาจเสร็จได้ในไม่กี่นาที
  • ทำงาน 24/7: สั่งงานทิ้งไว้ ตื่นมาก็ได้รีพอร์ตพร้อมใช้ ไม่ต้องรอเปิดออฟฟิศ

สำหรับคนเรียนสายบัญชี เทคโนโลยีอย่าง Robotic Process Automation (RPA) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปลดปล่อยเราจากงานเอกสารน่าเบื่อ ให้ไปโฟกัสกับงานที่ต้องใช้การวิเคราะห์และตัดสินใจแทน

Data Analytics พลังวิเศษที่เปลี่ยนตัวเลขธรรมดาให้กลายเป็นขุมทรัพย์

ถ้า Automation คือแขนขาที่ทำงานไม่รู้จักเหนื่อย Data Analytics ก็คือสมองอัจฉริยะที่ช่วยคิดวิเคราะห์! มันคือกระบวนการนำข้อมูลดิบ (Raw Data) จำนวนมหาศาลมาวิเคราะห์เพื่อหา Insight หรือ “ความลับ” ที่ซ่อนอยู่ เช่น เทรนด์ของลูกค้า, พฤติกรรมการใช้จ่าย, หรือความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ทักษะ Data Analytics สำคัญต่อบัณฑิตปริญญาตรีบัญชีอย่างไร?

ยุคนี้แค่ทำบัญชีถูกหลักอย่างเดียวไม่พอแล้ว นายจ้างมองหาคนที่สามารถ “เล่าเรื่อง” จากตัวเลขได้ การมีทักษะ Data Analytics จะทำให้บัณฑิต ปริญญาตรีบัญชี โดดเด่นกว่าใคร เพราะคุณจะสามารถ:

  1. พยากรณ์อนาคต (Predictive Analysis): ใช้ข้อมูลในอดีตมาสร้างโมเดลทำนายยอดขายหรือกำไรในไตรมาสหน้า
  2. หาจุดรั่วไหล: วิเคราะห์ข้อมูลค่าใช้จ่ายเพื่อหาว่าส่วนไหนที่ใช้งบประมาณเกินจำเป็น
  3. ตัดสินใจเฉียบคม: ให้คำแนะนำทางธุรกิจที่อิงจากข้อมูลจริง ไม่ใช่แค่ความรู้สึก

เมื่อ Automation x Data Analytics คู่หูสุดปังที่นักวางแผนการเงินต้องมี

เมื่อสองเทคโนโลยีนี้มารวมกัน มันคือที่สุดของความเทพ! ลองนึกถึง Workflow การทำงานแบบนี้:

Step 1 (Automation): โปรแกรม RPA เข้าไปดึงข้อมูลการเงินจากทุกแผนกในบริษัทมารวมกันอัตโนมัติ
Step 2 (Data Analytics): ข้อมูลที่ได้จะถูกส่งเข้าโปรแกรมวิเคราะห์ เช่น Power BI หรือ Tableau เพื่อสร้าง Dashboard สรุปผลแบบ Real-time
Step 3 (Human Insight): นักบัญชี/นักการเงินเข้ามาดู Dashboard เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์แก่ผู้บริหาร

เห็นไหมว่านักบัญชีไม่ได้ตกงาน แต่บทบาทเปลี่ยนจากการเป็น “คนคีย์ข้อมูล” มาเป็น “ที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์” ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถสูงขึ้น และแน่นอนว่าค่าตอบแทนก็สูงขึ้นตามไปด้วย! นี่คือเหตุผลที่หลายคนเลือกศึกษาต่อในระดับ ปริญญาโท หรือแม้แต่ ปริญญาเอก เพื่อเจาะลึกด้านการเงินและเทคโนโลยี

อนาคตบัณฑิตปริญญาตรีบัญชีจะไปทางไหนในยุค AI?

เส้นทางอาชีพของบัณฑิต ปริญญาตรีบัญชี ในวันนี้กว้างกว่าที่เคย! แทนที่จะเป็นแค่นักบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือสมุห์บัญชี คุณสามารถต่อยอดไปสู่สายงานสุดฮอตได้อีกเพียบ เช่น:

  • Financial Analyst: นักวิเคราะห์การเงินที่ใช้ Data Analytics เป็นเครื่องมือหลัก
  • Data Scientist (Finance Focus): ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลที่เน้นสร้างโมเดลทางการเงิน (อาจต้องเรียนต่อ ปริญญาโท)
  • RPA Developer (for Finance): นักพัฒนาที่สร้างโซลูชัน Automation สำหรับแผนกการเงินโดยเฉพาะ
  • FinTech Consultant: ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีทางการเงิน

ดังนั้น การเปิดรับและเรียนรู้เทคโนโลยีเหล่านี้ตั้งแต่ตอนเรียน ปริญญาตรีบัญชี จะเป็นแต้มต่อที่สำคัญสุดๆ ในตลาดแรงงาน ใครที่สนใจอยากอัปสกิลเพิ่มเติม สามารถ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะที่จำเป็นสำหรับนักบัญชียุคใหม่ได้ที่นี่

Q&A ถามมา-ตอบไป เคลียร์ทุกข้อสงสัยสายบัญชี

Q1: Automation จะทำให้นักบัญชีตกงานจริงไหม?

A: ไม่จริง แต่จะ “เปลี่ยน” บทบาทของนักบัญชี! งาน rutin ที่น่าเบื่อจะถูกแทนที่ด้วย Automation ทำให้นักบัญชีมีเวลาไปทำงานเชิงวิเคราะห์ วางแผนกลยุทธ์ และให้คำปรึกษาทางธุรกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นงานที่มีมูลค่าสูงกว่าเดิมมาก ใครที่ปรับตัวและเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เช่น Data Analytics จะยิ่งเป็นที่ต้องการตัว

Q2: ถ้าอยากเก่ง Data Analytics ต้องเริ่มจากตรงไหน? จบปริญญาตรีบัญชีมาจะเรียนได้ไหม?

A: เริ่มได้เลย! พื้นฐานบัญชีที่คุณมีคือต้นทุนที่ดีเยี่ยมเพราะคุณเข้าใจที่มาและความหมายของตัวเลขอยู่แล้ว ลองเริ่มจากเครื่องมือที่ใช้งานง่ายอย่าง Microsoft Excel (ฟังก์ชัน Power Query, Power Pivot) จากนั้นขยับไปที่ Power BI หรือ Tableau ซึ่งมีคอร์สออนไลน์สอนฟรีและเสียเงินมากมาย หรือหากต้องการความรู้เชิงลึก การเรียนต่อ ปริญญาโท ด้าน Business Analytics หรือ Data Science ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก

Q3: มีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับอนาคตของอาชีพสายการเงิน-บัญชีแนะนำไหม?

A: แนะนำให้อ่านรายงานจากองค์กรระดับโลกอย่าง World Economic Forum ครับ พวกเขามีรายงาน “The Future of Jobs Report” ที่จะอัปเดตเทรนด์ของตลาดแรงงานและทักษะที่จำเป็นในอนาคตอยู่เสมอ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการวางแผนเส้นทางอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเรียนต่อ ปริญญาโท หรือแม้แต่ระดับ ปริญญาเอก ก็ตาม

บทสรุป: ถึงเวลาติดปีกให้นักบัญชียุคใหม่

เทคโนโลยี Automation และ Data Analytics ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้นักการเงินและนักบัญชีทำงานได้แม่นยำขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างคุณค่าให้กับองค์กรได้มากกว่าที่เคย การเตรียมความพร้อมตั้งแต่ระดับ ปริญญาตรีบัญชี คือการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อก้าวสู่โลกการทำงานที่ท้าทายและเต็มไปด้วยโอกาสในอนาคต

บัญชีศรีปทุม สร้างนักบัญชีดิจิทัล” ด้วยการเรียนการสอนที่เชื่อมโลกทฤษฎีเข้ากับการปฏิบัติจริง พร้อมเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีและการคิดวิเคราะห์ เพื่อให้บัณฑิตเป็นกำลังสำคัญของธุรกิจในอนาคต

โดย อาจารย์กิตติยา จิตต์อาจหาญ คณะบัญชีมหาวิทยาลัยศรีปทุม


“`

Most Popular

Categories