พลิกโฉมวงการ! บทบาท AI และระบบอัตโนมัติในการตรวจสอบบัญชีเฉพาะด้านปี 2025
โลกธุรกิจในปัจจุบันหมุนไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การตรวจสอบบัญชีซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือขององค์กร ก็กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เช่นกัน เมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation) ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทและกำหนดทิศทางของผู้ประกอบวิชาชีพนี้ในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ที่เราจะได้เห็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อย่างแพร่หลายในการตรวจสอบบัญชีเฉพาะด้าน
1. AI และ Automation เปลี่ยนการตรวจสอบบัญชีแบบดั้งเดิมได้อย่างไร?
ในอดีต การตรวจสอบบัญชีอาศัยการสุ่มตัวอย่าง (Sampling) และการใช้ดุลยพินิจของผู้สอบบัญชีเป็นหลัก ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ (Human Error) และไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดได้ แต่ AI และระบบอัตโนมัติเข้ามาปฏิวัติกระบวนการนี้โดยสิ้นเชิง:
- การวิเคราะห์ข้อมูล 100%: AI สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ได้ทั้งหมด แทนการสุ่มตัวอย่าง ทำให้สามารถตรวจพบความผิดปกติหรือรายการที่น่าสงสัยได้อย่างครอบคลุมและแม่นยำกว่า
- การทำงานซ้ำซ้อนอัตโนมัติ: Robotic Process Automation (RPA) สามารถทำงานที่เป็น Routine ซ้ำๆ เช่น การกระทบยอดบัญชี การดึงข้อมูล หรือการกรอกฟอร์ม ได้อย่างรวดเร็วและไม่ผิดพลาด ทำให้ผู้สอบบัญชีมีเวลาไปโฟกัสกับงานที่ต้องใช้การวิเคราะห์และตัดสินใจเชิงลึกมากขึ้น
- การคาดการณ์และประเมินความเสี่ยง: Machine Learning ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ AI สามารถเรียนรู้รูปแบบจากข้อมูลในอดีตเพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ช่วยให้การวางแผนตรวจสอบมีประสิทธิภาพและตรงจุด
2. การประยุกต์ใช้ AI ในการตรวจสอบบัญชีเฉพาะด้าน (Specialized Audit)
เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การตรวจสอบงบการเงินทั่วไป แต่ยังขยายผลไปสู่การตรวจสอบเฉพาะด้านต่างๆ ที่ต้องการความเชี่ยวชาญและความแม่นยำสูง
“AI ไม่ได้มาแทนที่ผู้สอบบัญชี แต่มาเพื่อเป็นเครื่องมือเสริมศักยภาพให้ผู้สอบบัญชีทำงานได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
Financial Audit (การตรวจสอบงบการเงิน)
AI สามารถวิเคราะห์รายการเดินบัญชีทั้งหมดเพื่อหารายการที่ผิดปกติ (Anomaly Detection) เช่น การโอนเงินในวันหยุด, การบันทึกบัญชีด้วยจำนวนเงินที่เป็นเลขกลมๆ ซ้ำๆ กัน หรือการทำธุรกรรมกับคู่ค้าที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเป็นสัญญาณของการทุจริต การทำ Financial Audit ด้วย AI จึงช่วยเพิ่มคุณภาพและความน่าเชื่อถือของรายงานทางการเงินได้อย่างมหาศาล
Operational Audit (การตรวจสอบการดำเนินงาน)
ในการทำ Operational Audit ระบบอัตโนมัติสามารถติดตามและวิเคราะห์กระบวนการทำงาน (Process Mining) ตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อหาคอขวด (Bottlenecks) หรือขั้นตอนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงการดำเนินงานและลดต้นทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม
Compliance Audit (การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบ)
AI ที่มีความสามารถด้าน Natural Language Processing (NLP) สามารถ “อ่าน” และ “ทำความเข้าใจ” ข้อบังคับ กฎหมาย และสัญญานับพันฉบับ เพื่อตรวจสอบว่าการดำเนินงานขององค์กรสอดคล้องกับข้อกำหนดเหล่านั้นหรือไม่ การทำ Compliance Audit จึงเป็นไปอย่างรวดเร็วและลดความเสี่ยงจากการถูกปรับหรือลงโทษ
บทบาทของ IT Audit ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาในระดับปริญญาตรี
เมื่อทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี การทำ IT Audit จึงกลายเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ AI สามารถช่วยวิเคราะห์ Log File ของระบบเพื่อตรวจจับการเข้าถึงที่น่าสงสัย ประเมินช่องโหว่ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และตรวจสอบการควบคุมภายในของระบบ IT ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญขององค์กรจะปลอดภัย ซึ่งความรู้ด้านนี้จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบัณฑิต ปริญญาตรี ที่จะก้าวสู่โลกการทำงานในอนาคต
3. ทักษะแห่งอนาคต: เตรียมความพร้อมบัณฑิต ปริญญาตรี สู่ ปริญญาเอก
การมาถึงของ AI ทำให้ทักษะที่นักบัญชีและผู้สอบบัญชีต้องการเปลี่ยนไป การลงบัญชีหรือตรวจสอบตามเอกสารจะลดความสำคัญลง แต่นักบัญชียุคใหม่ต้องมีทักษะเชิงวิเคราะห์ (Analytical Skills) ทักษะด้านเทคโนโลยี (Digital Skills) และความสามารถในการสื่อสารสิ่งที่ค้นพบจากข้อมูล (Data Storytelling) เพื่อให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์แก่ธุรกิจได้
ดังนั้น สถาบันการศึกษาจึงต้องปรับหลักสูตรตั้งแต่ระดับ ปริญญาตรี, ปริญญาโท ไปจนถึง ปริญญาเอก ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนี้
4. คณะบัญชี ม.ศรีปทุม (ACC SPU) กับการปั้นนักบัญชียุคดิจิทัล
คณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม (ACC SPU) เป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาชั้นนำที่เล็งเห็นความสำคัญและพร้อมปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ หลักสูตรของ ม.ศรีปทุม ไม่ได้สอนแค่หลักการบัญชีแบบเดิมๆ แต่มีการบูรณาการความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การวิเคราะห์ข้อมูล และการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปที่ทันสมัยเข้าไปในหลักสูตรตั้งแต่ระดับ ปริญญาตรี เพื่อสร้างบัณฑิตที่พร้อมทำงานจริงและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต
นักศึกษาจะได้เรียนรู้การทำ Financial Audit ผ่าน Case Study จริง และฝึกฝนทักษะ IT Audit ที่จำเป็น ทำให้นักศึกษาจาก SPU มีความโดดเด่นและเป็นที่ต้องการขององค์กรชั้นนำ ศึกษาข้อมูลหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่ คณะบัญชี ม.ศรีปทุม
5. คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ AI กับงานตรวจสอบบัญชี
ตอบ: ไม่ใช่ทั้งหมด AI จะเข้ามาทำงานในส่วนที่ต้องทำซ้ำๆ และการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก แต่งานที่ต้องใช้ดุลยพินิจ การคิดวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ การสื่อสารกับผู้บริหาร และการตัดสินใจที่ซับซ้อน ยังคงเป็นบทบาทสำคัญของผู้สอบบัญชีที่เป็นมนุษย์ AI จึงเป็นเครื่องมือเสริมศักยภาพมากกว่าที่จะมาแทนที่
ตอบ: การเรียนรู้ตลอดชีวิตคือคำตอบสำคัญ ผู้ที่ทำงานแล้วควรหมั่น Reskill/Upskill โดยการเข้าอบรมหลักสูตรระยะสั้นด้าน Data Analytics, Cybersecurity หรือการใช้เครื่องมือ AI ต่างๆ หรืออาจพิจารณาศึกษาต่อในระดับ ปริญญาโท ที่มีหลักสูตรทันสมัย เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต
ตอบ: ทุกประเภทจะได้รับผลกระทบ แต่ IT Audit และ Financial Audit จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนและรวดเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลดิจิทัลจำนวนมหาศาลโดยตรง ทำให้ AI สามารถแสดงศักยภาพในการวิเคราะห์และตรวจจับความผิดปกติได้อย่างเต็มที่
บทบาทของ AI และระบบอัตโนมัติในการตรวจสอบบัญชีกำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ภายในปี 2025 นี่คือโอกาสอันดีของผู้ที่อยู่ในวิชาชีพนี้และผู้ที่กำลังศึกษาในคณะบัญชี ตั้งแต่ระดับ ปริญญาตรี ขึ้นไป ที่จะพัฒนาทักษะของตนเองให้ก้าวทันโลก การเลือกสถาบันการศึกษาที่มองการณ์ไกลและมีหลักสูตรที่พร้อมสำหรับอนาคตอย่าง คณะบัญชี ม.ศรีปทุม (ACC SPU) จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนในสายอาชีพนักบัญชีและผู้สอบบัญชียุคดิจิทัล
แหล่งอ้างอิงที่น่าสนใจ: How AI is revolutionizing financial statement audits by PwC
“`