การใช้ Machine Learning และ Generative AI วิเคราะห์ข้อมูลบัญชีอย่างแม่นยำ

สายบัญชีต้องรู้! การใช้ Machine Learning และ Generative AI วิเคราะห์ข้อมูลบัญชีอย่างแม่นยำ ฉบับเข้าใจง่ายสำหรับวัยรุ่น

สวัสดีน้องๆ ทุกคน! พี่เป็นนักศึกษามหา’ลัยที่คลุกคลีอยู่กับเรื่อง Data และ Tech มาพักใหญ่ วันนี้อยากจะมาชวนคุยเรื่องที่ฟังดูอาจจะจริงจัง แต่บอกเลยว่าโคตรเจ๋งและเป็นอนาคตของพวกเราสุดๆ นั่นก็คือเรื่อง “การใช้ Machine Learning และ Generative AI วิเคราะห์ข้อมูลบัญชี” นั่นเอง

เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งทำหน้าเบื่อแล้วกดปิดไปนะ! พี่รู้ว่าพอได้ยินคำว่า “บัญชี” หลายคนคงนึกถึงภาพคนใส่แว่นหนาๆ นั่งจ้องตัวเลขในตาราง Excel เป็นล้านๆ ช่องใช่ปะ? ซึ่ง…มันก็เคยเป็นแบบนั้นแหละ แต่ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว! พี่จะพาน้องๆ ไปดูกันว่าเมื่อ “บัญชี” มาเจอกับ “AI” สุดล้ำ มันจะกลายเป็นอะไรที่ทรงพลังและสนุกกว่าที่คิดเยอะเลย

บัญชีแบบเดิมๆ ที่เราเคยรู้จัก (และอาจจะเคยเบื่อ)

ก่อนจะไปเรื่อง AI ขอปูพื้นฐานเรื่องบัญชีแบบเร็วๆ ก่อนนะ ปกติแล้วหัวใจของงานบัญชีคือการ “บันทึก” และ “สรุป” ข้อมูลทางการเงินของบริษัท เช่น

  • รายรับ: ขายของได้เท่าไหร่? มีเงินเข้ามากี่บาท?
  • รายจ่าย: จ่ายค่าอะไรไปบ้าง? ค่าเช่าร้าน, ค่าจ้างพนักงาน, ค่าวัตถุดิบ
  • สินทรัพย์: บริษัทมีของอะไรที่เป็นเจ้าของบ้าง? ตึก, คอมพิวเตอร์, เงินสด
  • หนี้สิน: บริษัทเป็นหนี้ใครอยู่บ้าง?

เมื่อก่อน นักบัญชีต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการคีย์ข้อมูลพวกนี้เข้าระบบ, กระทบยอดตัวเลขให้ตรงกัน, แล้วก็ทำรายงานสรุปออกมาเป็นงบการเงิน ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดสูงมาก พลาดไม่ได้แม้แต่สตางค์เดียว และยอมรับเถอะว่ามันเป็นงานที่ซ้ำซากและน่าเบื่อสุดๆ แต่ตอนนี้…เรามีฮีโร่มาช่วยแล้ว!

ฮีโร่คู่ใหม่แห่งวงการบัญชี: Machine Learning และ Generative AI

น้องๆ น่าจะเคยได้ยินสองคำนี้ผ่านหูกันมาบ้างจากข่าวหรือโซเชียลมีเดีย แต่ในวงการบัญชี สองตัวนี้มันทำงานต่างกันนิดหน่อย แต่เสริมกันได้อย่างลงตัวสุดๆ

1. Machine Learning (ML): นักสืบข้อมูลจอมจับผิด

ให้นึกภาพ Machine Learning เป็นเหมือนนักสืบอัจฉริยะที่เราป้อนข้อมูล “คดีเก่าๆ” (ข้อมูลบัญชีในอดีต) ให้มันเรียนรู้เป็นพันๆ เป็นหมื่นๆ เคส พอมันเรียนรู้จนเก่งแล้ว มันจะเริ่มมองเห็น “รูปแบบ” (Pattern) ที่มนุษย์อาจจะมองไม่เห็นได้

แล้วมันเอามาใช้กับบัญชีในไทยยังไง?

  • ตรวจจับทุจริต (Fraud Detection): ปกติคนโกงมักจะมีพฤติกรรมการใช้เงินแปลกๆ เช่น เบิกเงินซ้ำๆ ในช่วงเวลาแปลกๆ หรือโอนเงินไปบัญชีที่ไม่เคยมีประวัติมาก่อน ML สามารถเรียนรู้รูปแบบ “ปกติ” และพอเจออะไรที่ “ผิดปกติ” มันจะรีบส่งสัญญาณเตือนทันที เหมือนหมาเฝ้าบ้านที่เห่าเมื่อเจอคนแปลกหน้า เป๊ะกว่ามนุษย์เช็คเองเยอะ!
  • พยากรณ์อนาคต (Forecasting): อันนี้เจ๋งมาก! ML สามารถวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายในอดีต, เทรนด์ตลาด, หรือแม้กระทั่งข้อมูลสภาพอากาศ (เช่น ถ้าฝนตกบ่อย ร้านกาแฟอาจจะขายดีขึ้น) เพื่อทำนายว่าเดือนหน้าหรือไตรมาสหน้าบริษัทน่าจะมีรายรับเท่าไหร่ ทำให้บริษัทวางแผนสั่งของหรือจ้างคนได้แม่นยำขึ้นเยอะ นี่คือสกิลที่นักบัญชียุคใหม่ในประเทศไทยต้องมีเลย
  • จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายอัตโนมัติ: ลองนึกภาพบริษัทใหญ่ๆ ที่มีบิลค่าใช้จ่ายเข้ามาวันละเป็นร้อยๆ ใบ ML สามารถอ่านข้อมูลในบิลแล้วจัดหมวดหมู่ให้เองเลยว่า “อันนี้ค่าเดินทาง”, “อันนี้ค่าการตลาด”, “อันนี้ค่าอุปกรณ์สำนักงาน” ลดเวลาทำงานน่าเบื่อไปได้มหาศาล

2. Generative AI: ผู้ช่วยส่วนตัวสุดครีเอทีฟ

ถ้า ML คือนักสืบ, Generative AI (GenAI) ก็คือผู้ช่วยอัจฉริยะที่คุยกับเรารู้เรื่อง น้องๆ ทุกคนน่าจะเคยเล่น ChatGPT นั่นแหละคือตัวอย่างของ GenAI เลย มันเก่งเรื่องการ “สร้าง” สิ่งใหม่ๆ จากข้อมูลที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ, รายงาน, หรือแม้กระทั่งโค้ดคอมพิวเตอร์

แล้วมันมาช่วยงานบัญชีได้ยังไง?

  • สรุปรายงานขั้นเทพ: แทนที่จะจ้องงบการเงินที่มีแต่ตัวเลขเป็นพรืด เราสามารถสั่ง GenAI ได้เลยว่า “ช่วยสรุปงบการเงินไตรมาสนี้ให้หน่อย บอกมาเลยว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง แล้วทำไมกำไรเราถึงลดลง” GenAI จะไปอ่านข้อมูลทั้งหมดแล้วสรุปเป็นภาษาคนง่ายๆ ให้เราฟังได้ในไม่กี่วินาที!
  • ตอบคำถามแบบ Real-time: ผู้บริหารอาจจะสงสัยว่า “ตอนนี้แผนกไหนใช้จ่ายงบการตลาดไปเยอะที่สุด?” แทนที่นักบัญชีจะต้องไปนั่งหาข้อมูลเป็นชั่วโมง ก็แค่พิมพ์ถาม GenAI ที่เชื่อมต่อกับระบบบัญชีของบริษัท มันก็จะดึงข้อมูลมาตอบได้ทันที
  • สร้างสถานการณ์จำลอง (Scenario Planning): เราสามารถสั่งให้ GenAI สร้างโมเดลจำลองได้ เช่น “ถ้าปีหน้าเราขึ้นราคาสินค้า 10% แต่ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น 5% จะส่งผลต่อกำไรสุทธิของเรายังไง?” GenAI จะคำนวณและสร้างรายงานคาดการณ์ผลลัพธ์ออกมาให้ดู เพื่อช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น

แล้วนักบัญชีจะตกงานไหม? คำตอบคือ “ไม่” แต่ต้อง “อัปสกิล”!

นี่คือคำถามที่ฮิตที่สุด และพี่ขอตอบดังๆ เลยว่า “ไม่ตกงานแน่นอน!” แต่บทบาทของนักบัญชีจะเปลี่ยนไปตลอดกาล จากคนที่คอย “บันทึกข้อมูล” จะกลายเป็นคนที่ “ใช้ข้อมูล” เพื่อให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์กับบริษัท

ลองนึกภาพตามนะ:

  • จาก “คนคีย์ข้อมูล” สู่ “ผู้ควบคุม AI”: งานคีย์บิล, กระทบยอดที่น่าเบื่อ AI จะทำแทนทั้งหมด หน้าที่ของเราคือการตั้งค่า, ตรวจสอบ, และดูแลให้ AI ทำงานได้ถูกต้อง
  • จาก “คนทำรายงาน” สู่ “นักเล่าเรื่องจากข้อมูล (Data Storyteller)”: แทนที่จะแค่ส่งรายงานตัวเลขแห้งๆ ไปให้เจ้านาย นักบัญชียุคใหม่ต้องสามารถใช้ข้อมูลที่ AI วิเคราะห์มา แล้วอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ว่า “ตัวเลขเหล่านี้มันกำลังบอกอะไรเราอยู่?” และ “เราควรจะทำอะไรต่อไป?”
  • จาก “ผู้ตามกฎ” สู่ “ที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์”: เมื่อ AI ช่วยพยากรณ์อนาคตและสร้างสถานการณ์จำลองได้ นักบัญชีจะมีข้อมูลในมือเพื่อไปให้คำแนะนำกับฝ่ายบริหารได้ว่า “ถ้าเราลงทุนโปรเจกต์นี้ มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?” หรือ “เราควรจะลดต้นทุนตรงไหนเพื่อเพิ่มกำไร?”

พูดง่ายๆ คือ AI จะมาเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้นักบัญชีทำงานได้ฉลาดขึ้น, เร็วขึ้น, และมีคุณค่ามากขึ้น อาชีพนี้กำลังจะกลายเป็นอาชีพที่ต้องใช้ทั้งทักษะด้านการเงิน, เทคโนโลยี, และการสื่อสารผสมกันอย่างลงตัว ซึ่งท้าทายและน่าตื่นเต้นกว่าเดิมเยอะ!

วัยรุ่นอย่างเราจะเตรียมตัวยังไง? ถ้าสนใจสายบัญชี-การเงินยุค AI

ถ้าน้องๆ ฟังมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า “เฮ้ย! มันน่าสนใจว่ะ” พี่มีไกด์ไลน์ง่ายๆ สำหรับการเตรียมตัวเข้าสู่โลกของบัญชียุคใหม่ ไม่ต้องรอให้เข้ามหา’ลัยก็เริ่มได้เลย

  1. เปิดใจกับเทคโนโลยี: อย่ากลัวโค้ด! ลองศึกษาพื้นฐานการเขียนโปรแกรมง่ายๆ อย่าง Python ซึ่งเป็นภาษาที่นิยมมากในวงการ Data Science หรือลองเล่นโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง Microsoft Power BI หรือ Google Data Studio ดู มันมีเวอร์ชันฟรีให้ลองเล่นเยอะแยะเลย
  2. ฝึกสกิลการคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking): เวลาเห็นข่าวหรือข้อมูลอะไร ลองตั้งคำถามกับมันเสมอว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?”, “ข้อมูลนี้น่าเชื่อถือไหม?”, “มันมีแง่มุมอื่นอีกรึเปล่า?” สกิลนี้สำคัญมากในการตีความข้อมูลที่ AI สรุปมาให้
  3. ฝึกการสื่อสารและนำเสนอ: ต่อให้เราวิเคราะห์ข้อมูลเก่งแค่ไหน แต่ถ้าอธิบายให้คนอื่นเข้าใจไม่ได้ก็จบ ลองฝึกสรุปเรื่องยากๆ ให้เพื่อนฟังง่ายๆ หรือลองทำพรีเซนเทชั่นในห้องเรียนให้ปังๆ ดู
  4. ติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยีบัญชี (FinTech/AccounTech): โลกเปลี่ยนเร็วมาก ลองติดตามเพจหรือเว็บไซต์เกี่ยวกับเทคโนโลยีการเงินในประเทศไทย จะทำให้เราเห็นภาพว่าตอนนี้มีเครื่องมือหรือเทรนด์อะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นบ้าง

ตอนนี้หลายๆ มหาวิทยาลัยในประเทศไทยก็เริ่มปรับหลักสูตรบัญชีให้ทันสมัยมากขึ้น มีการสอนเรื่อง Data Analytics, การใช้โปรแกรมสำเร็จรูป, และพื้นฐาน AI เข้ามาเสริมแล้ว ถ้าน้องๆ สนใจ ลองหาข้อมูลหลักสูตรของแต่ละที่ดูได้เลย นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนในสิ่งที่ทันสมัยและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต


Most Popular

Categories