จุดเริ่มต้นของการพิสูจน์ตัวเอง
หลายคนอาจคิดว่าการเป็น “เด็กทุน” ก็หนักแล้ว หรือการเป็น “ประธานรุ่น” ก็ท้าทายพอแล้ว แต่สำหรับฉัน — มายด์ นักศึกษาคณะบัญชีธรรมดาๆ คนหนึ่ง การรับบททั้งสองพร้อมกันกลายเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล
แรงผลักดันของฉันไม่ใช่แค่หน้าที่ที่ได้รับ แต่คือ ความอยากพัฒนาตัวเอง และ ความรับผิดชอบต่อคนรอบข้าง ฉันอยากรู้ว่าฉันจะ “เป็นผู้นำที่ดีได้จริงหรือเปล่า” และฉันก็เลือกเดินบนเส้นทางนี้โดยไม่มีแผนสำรอง
เมื่อต้องจัดตารางชีวิตแทนแค่ตารางเรียน
การเป็นเด็กทุน ทำให้ฉันต้องรักษาเกรดและเข้าร่วมกิจกรรมตามเงื่อนไข ในขณะเดียวกัน การเป็นประธานรุ่นก็ต้องจัดการงาน ประสานเพื่อน จัดกิจกรรม แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และประคองบรรยากาศของรุ่นให้มีพลังบวก
ช่วงแรกเหนื่อยจนแทบถอดใจ เพราะเวลามันไม่เคยพอ แต่บทเรียนที่ฉันได้คือ “การบริหารเวลา” อย่างจริงจัง เริ่มรู้จักจัดลำดับความสำคัญ แบ่งเวลาอ่านหนังสือตอนเช้า และใช้เวลาหลังเลิกเรียนดูแลงานของรุ่น
และสิ่งสำคัญที่ค้นพบคือ “เราไม่จำเป็นต้องเก่งทุกอย่าง” ขอแค่มีทีมที่ไว้ใจ และรู้จักมอบหมายงานให้ถูกคน ก็จะสามารถขับเคลื่อนทุกอย่างให้สำเร็จได้

เมื่อผู้นำต้องกล้าตัดสินใจ
การเป็นประธานรุ่นไม่ใช่แค่ถือไมค์หน้าห้อง หรือโพสต์อัปเดตในกลุ่มไลน์ แต่คือการ “รับผิดชอบต่อส่วนรวม” และกล้าตัดสินใจในเรื่องที่กระทบกับคนจำนวนมาก
ครั้งหนึ่ง งานกิจกรรมของรุ่นมีปัญหาเรื่องงบประมาณ ฉันต้องเดินเข้าไปคุยกับฝ่ายกิจการนักศึกษาเอง พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขอย่างมืออาชีพ — ตอนนั้นเองที่ฉันรู้ว่าการเป็นผู้นำต้องไม่กลัวที่จะเผชิญหน้า และต้องคิดเผื่อคนอื่นเสมอ
เติบโตจากบทบาท ไม่ใช่จากตำแหน่ง
สิ่งที่ฉันได้จากประสบการณ์นี้มากกว่าทักษะ คือ “ความมั่นใจในตัวเอง” และ “ความกล้าที่จะล้ม แล้วลุกขึ้นมาใหม่” ฉันไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ทุกครั้งที่ผ่านอุปสรรค ฉันได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นว่า “ฉันเป็นคนแบบไหน และอยากเติบโตไปทางไหน”