กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงองค์กร (ERM) ในยุค Digital Disruption: ก้าวทันโลกกับคณะบัญชี SPU
ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว Digital Disruption ไม่ใช่แค่คำศัพท์สวยหรู แต่คือความจริงที่ทุกธุรกิจต้องเผชิญ การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างทั้งโอกาสมหาศาลและความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเสี่ยง ที่ซับซ้อนและคาดเดายากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น องค์กรยุคดิจิทัล จึงจำเป็นต้องมี “เกราะป้องกัน” ที่แข็งแกร่ง นั่นคือกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงองค์กร หรือ ERM (Enterprise Risk Management) ที่มีประสิทธิภาพ
Digital Disruption คืออะไร และสร้างความเสี่ยงได้อย่างไร?
Digital Disruption คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของอุตสาหกรรมและโมเดลธุรกิจแบบดั้งเดิมอย่างรุนแรง สิ่งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การมีแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ แต่หมายถึงการเปลี่ยนวิธีคิด วิธีการทำงาน และการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าโดยสิ้นเชิง การเปลี่ยนแปลงนี้มาพร้อมกับ ความเสี่ยง รูปแบบใหม่ๆ ที่ องค์กรยุคดิจิทัล ต้องเผชิญ เช่น:
- ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Risk): การโจมตีทางไซเบอร์, Ransomware, และการรั่วไหลของข้อมูลกลายเป็นภัยคุกคามอันดับต้นๆ
- ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติงาน (Operational Risk): การพึ่งพาระบบดิจิทัลที่มากขึ้น หากระบบล่มอาจทำให้ธุรกิจหยุดชะงักได้
- ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risk): การปรับตัวไม่ทันคู่แข่งที่ใช้เทคโนโลยีได้ดีกว่า อาจทำให้สูญเสียส่วนแบ่งการตลาด
- ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance Risk): กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และกฎระเบียบใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
ERM: กรอบการทำงานที่จำเป็นสำหรับองค์กรยุคดิจิทัล
การบริหารความเสี่ยงองค์กร หรือ ERM ไม่ใช่แค่การตั้งรับปัญหา แต่เป็นการมองไปข้างหน้าอย่างมีกลยุทธ์ เป็นกระบวนการที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร ตั้งแต่ระดับผู้บริหารสูงสุดไปจนถึงพนักงานปฏิบัติการ เพื่อระบุ ประเมิน จัดการ และติดตาม ความเสี่ยง ที่อาจส่งผลกระทบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร
หลักการ ERM ที่ดีจะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น เปลี่ยน ความเสี่ยง ให้เป็นโอกาส และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ซึ่งกรอบการทำงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลคือ COSO ERM Framework ที่ช่วยให้องค์กรบูรณาการการบริหารความเสี่ยงเข้ากับกลยุทธ์และผลการปฏิบัติงานได้อย่างเป็นระบบ
การตรวจสอบภายในกับการบริหารความเสี่ยง: คู่หูที่ขาดไม่ได้
ใน องค์กรยุคดิจิทัล บทบาทของผู้ตรวจสอบภายในได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่เน้นการตรวจสอบความถูกต้องทางการเงิน มาเป็นการให้คำปรึกษาและเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์ของผู้บริหาร บทบาทของ การตรวจสอบภายในกับการบริหารความเสี่ยง มีความเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก
ผู้ตรวจสอบภายในยุคใหม่ต้องมีความเข้าใจในเทคโนโลยีดิจิทัล สามารถประเมิน ความเสี่ยง ที่เกี่ยวข้องกับ IT, Cybersecurity, และ Data Analytics ได้อย่างเฉียบคม พวกเขาทำหน้าที่เป็น “แนวป้องกันที่สาม” ที่ให้ความเชื่อมั่นอย่างเป็นอิสระว่ากระบวนการบริหาร ERM ขององค์กรนั้นมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
สร้างอนาคตที่มั่นคงด้วยความรู้ด้านการบริหารความเสี่ยงที่ ACC SPU
การจะรับมือกับ ความเสี่ยง ในโลกดิจิทัลได้อย่างมืออาชีพนั้น ต้องอาศัยองค์ความรู้ที่ทันสมัยและทักษะที่จำเป็น คณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม หรือ ACC SPU ตระหนักถึงความสำคัญนี้และได้พัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการของ องค์กรยุคดิจิทัล อย่างแท้จริง
ที่ ม.ศรีปทุม เราพร้อมมอบความรู้และประสบการณ์จริง ครอบคลุมตั้งแต่ระดับ:
- ปริญญาตรี: ปูพื้นฐานความเข้าใจด้านบัญชี การเงิน และการตรวจสอบเบื้องต้น พร้อมสอดแทรกความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง
- ปริญญาโท: เจาะลึกกลยุทธ์ ERM, การตรวจสอบภายในกับการบริหารความเสี่ยง, การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบ และการรับมือกับความท้าทายในยุคดิจิทัลโดยเฉพาะ
- ปริญญาเอก: สร้างนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ด้านการบริหาร ความเสี่ยง และการตรวจสอบ เพื่อชี้นำทิศทางของวงการในอนาคต
การศึกษาที่ SPU จะทำให้คุณเป็นบุคลากรที่มีความสามารถรอบด้าน พร้อมสำหรับทุกความท้าทายในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรของเราที่นี่).
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. การบริหารความเสี่ยงแบบดั้งเดิม (Traditional Risk Management) ต่างจาก ERM ในองค์กรยุคดิจิทัลอย่างไร?
การบริหารความเสี่ยงแบบดั้งเดิมมักแยกส่วนกันทำในแต่ละแผนก (Silo-based) และเน้นไปที่ความเสี่ยงที่ป้องกันได้ เช่น การเงิน หรืออุบัติเหตุ แต่ ERM ใน องค์กรยุคดิจิทัล จะมีมุมมองแบบองค์รวม (Holistic View) มอง ความเสี่ยง ทุกมิติเชื่อมโยงกัน และบูรณาการเข้ากับกลยุทธ์ขององค์กรโดยตรง เพื่อให้สามารถตัดสินใจและปรับตัวได้รวดเร็วขึ้น
2. ทำไมจึงควรเลือกเรียนด้านการบริหารความเสี่ยงที่คณะบัญชี ม.ศรีปทุม (ACC SPU)?
เพราะ ACC SPU มีหลักสูตรที่ทันสมัย ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์โลกธุรกิจปัจจุบันโดยเฉพาะ เรามีคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ตรงทั้งในภาคทฤษฎีและปฏิบัติ พร้อมเครือข่ายศิษย์เก่าที่แข็งแกร่ง การเรียนที่นี่จะทำให้คุณได้รับความรู้ครบถ้วนตั้งแต่ระดับ ปริญญาตรี ถึง ปริญญาโท เพื่อก้าวสู่สายอาชีพที่มั่นคง
3. จบแล้วสามารถทำงานอะไรได้บ้างในสายงานการตรวจสอบภายในกับการบริหารความเสี่ยง?
บัณฑิตที่จบด้านนี้เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสูง สามารถประกอบอาชีพได้หลากหลาย เช่น ผู้ตรวจสอบภายใน (Internal Auditor), ผู้จัดการความเสี่ยง (Risk Manager), ที่ปรึกษาด้านการบริหาร ความเสี่ยง (Risk Consultant), ผู้เชี่ยวชาญด้านการกำกับดูแลกิจการ (Governance Specialist) หรือผู้ตรวจสอบระบบสารสนเทศ (IT Auditor) ในองค์กรชั้นนำทุกประเภท
การบริหาร ความเสี่ยง ใน องค์กรยุคดิจิทัล ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือความจำเป็นเพื่อความอยู่รอดและการเติบโตอย่างยั่งยืน การลงทุนในความรู้และทักษะด้าน ERM และการตรวจสอบภายใน ตั้งแต่ระดับ ปริญญาตรี จนถึง ปริญญาเอก คือการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคง คณะบัญชี ม.ศรีปทุม พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างมืออาชีพที่จะนำพาองค์กรให้ก้าวข้ามทุกความท้าทายในยุคดิจิทัล