AI และ ChatGPT: เพื่อนซี้หรือคู่แข่งตัวฉกาจของนักบัญชียุคใหม่?
หวัดดีน้องๆ ชาว Gen Z ทุกคน! พี่เป็นนักศึกษาคณะบัญชีคนนึงนี่แหละ ที่ช่วงนี้ได้ยินคำถามหนาหูมาก ทั้งจากเพื่อนๆ รุ่นน้อง หรือแม้แต่ญาติๆ ที่กำลังจะเลือกคณะเข้ามหา’ลัย คำถามที่ว่าก็คือ…
“เรียนบัญชีตอนนี้จะตกงานไหม? เห็นเขาว่า AI จะมาทำงานแทนหมดแล้ว”
พอได้ยินแบบนี้แล้วไฟในตัวพี่ลุกโชนเลย! 555 ไม่ได้จะโกรธนะ แต่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องโคตรสำคัญที่ต้องมาคุยกันแบบเปิดอก จริงจัง แต่เข้าใจง่ายสไตล์รุ่นพี่คุยกับรุ่นน้อง วันนี้พี่เลยจะมาสวมบทบาทกูรูจำเป็น ชวนน้องๆ ทุกคนมาเจาะลึกกันว่า บทบาทของ AI และ ChatGPT ในสายงานบัญชีสมัยใหม่ มันเป็นยังไงกันแน่ มันจะมาแย่งงานเราจริงเหรอ? หรือมันจะกลายเป็นอาวุธลับที่ทำให้นักบัญชีอย่างเราๆ โคตรเท่และเก่งขึ้นกว่าเดิม ไปดูกัน!
ก่อนอื่นเลย… AI กับ ChatGPT มันคืออะไรกันแน่? (ฉบับย่อ ไม่ต้องปวดหัว)
พี่จะไม่ลงลึกเทคนิคจ๋านะ เอาเป็นว่า…
- AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์: ให้น้องๆ นึกถึงสมองกลอัจฉริยะในหนังไซไฟ มันคือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกสร้างให้ “คิด” และ “เรียนรู้” ได้คล้ายๆ มนุษย์ เก่งเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล, หาแพทเทิร์น, และทำงานซ้ำๆ ได้แบบเป๊ะๆ ไม่มีเหนื่อย ไม่มีเบื่อ ตัวอย่างในชีวิตประจำวันก็เช่น ระบบแนะนำหนังใน Netflix หรือระบบ Face ID ในมือถือเรานั่นแหละ
- ChatGPT: นี่คือ AI อีกรูปแบบหนึ่งที่เก่งด้าน “ภาษา” โดยเฉพาะ น้องๆ ลองนึกภาพเพื่อนที่ฉลาดสุดๆ อ่านหนังสือมาแล้วทั้งโลก เราถามอะไรไปก็ตอบได้ สรุปเรื่องยาวๆ ให้สั้นลงได้ เขียนอีเมลให้ได้ แต่งกลอนก็ได้อีก! มันคือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) ที่ฝึกฝนมาเพื่อสื่อสารกับเราโดยเฉพาะ
โอเค พอเห็นภาพคร่าวๆ แล้วใช่ไหม? ทีนี้มาดูกันว่าพอเจ้าสองตัวนี้กระโดดเข้ามาในโลกของตัวเลข เดบิต-เครดิต อะไรจะเกิดขึ้น!
เมื่อ AI บุกโลกบัญชี: งานน่าเบื่อจงหายไป!
ยอมรับกันตรงๆ ว่างานบัญชีบางส่วนมัน…น่าเบื่อมากกกก! การคีย์บิลทีละใบ, การกระทบยอดธนาคาร (Bank Reconcile), การตรวจสอบเอกสารซ้ำๆ งานพวกนี้แหละคือของหวานสำหรับ AI เลย เพราะมันทำได้ดีกว่า เร็วกว่า และผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์ร้อยเท่าพันเท่า!
สิ่งที่ AI และโปรแกรมบัญชีอัจฉริยะกำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลง:
1. งานรูทีน (Routine Tasks) จะกลายเป็นอดีต
การบันทึกข้อมูล (Data Entry): แต่ก่อนนักบัญชีต้องนั่งคีย์ข้อมูลจากใบกำกับภาษี, ใบเสร็จรับเงิน เข้าระบบทีละใบๆ แต่เดี๋ยวนี้ แค่ถ่ายรูปหรืออัปโหลดไฟล์เข้าไป โปรแกรมบัญชี AI ที่ใช้เทคโนโลยี OCR (Optical Character Recognition) ก็สามารถดึงข้อมูลมาบันทึกบัญชีให้เราได้อัตโนมัติเลย สะดวกเวอร์!
การกระทบยอด (Reconciliation): การเช็คว่ายอดเงินในบัญชีบริษัทตรงกับยอดใน Statement ของธนาคารไหม เป็นงานที่ปวดตาและใช้เวลามาก AI สามารถทำขั้นตอนนี้ได้ในไม่กี่วินาที โดยการเปรียบเทียบข้อมูลเป็นพันๆ รายการและชี้จุดที่แตกต่างให้เราเห็นทันที
2. การตรวจสอบบัญชี (Auditing) ที่แม่นยำดุจเหยี่ยว
พี่ๆ ผู้ตรวจสอบบัญชี (Auditor) ที่ปกติจะต้องใช้วิธี “สุ่มตรวจ” เอกสาร เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะดูทุกรายการ แต่ AI สามารถวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงินได้ 100% ทุกรายการ! มันสามารถมองหารูปแบบที่ผิดปกติ, การทุจริตที่ซ่อนเร้น หรือความเสี่ยงที่มนุษย์อาจมองข้ามไปได้ เหมือนมีผู้ช่วยตาทิพย์เลยล่ะ
3. การวิเคราะห์และพยากรณ์ข้อมูล (Analysis & Forecasting) ที่เหนือชั้น
นี่คือจุดที่น่าตื่นเต้นที่สุด! เมื่อ AI จัดการงานน่าเบื่อให้หมดแล้ว นักบัญชีจะมีเวลามากขึ้นในการทำงานที่ต้องใช้ “สมอง” จริงๆ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการเงินในอดีตทั้งหมดของบริษัท แล้วพยากรณ์แนวโน้มในอนาคตได้ เช่น คาดการณ์ยอดขาย, วิเคราะห์กระแสเงินสด หรือแม้แต่แนะนำว่าควรลงทุนอะไรเพื่อลดหย่อนภาษีได้ดีที่สุด
คำถามโลกแตก: ตกลง AI จะมาแย่งงานนักบัญชีไหม?
มาถึงคำถามสำคัญที่สุด… พี่ขอตอบแบบฟันธงเลยว่า “ไม่แย่ง แต่จะเปลี่ยน” ครับ!
มันเหมือนกับตอนที่ “เครื่องคิดเลข” ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ๆ คนก็กลัวว่านักคณิตศาสตร์จะตกงาน แต่สุดท้ายเป็นไง? เครื่องคิดเลขกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้นักคณิตศาสตร์ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ หรือตอนที่ “โปรแกรม Excel” เข้ามา คนก็กลัวว่านักบัญชีจะไม่มีอะไรทำ แต่ Excel ก็กลายเป็นเครื่องมือสามัญประจำบ้านที่ขาดไม่ได้
AI ก็คือเครื่องมือชิ้นต่อไปที่ทรงพลังที่สุดของเรา
งานที่จะหายไปคืองาน “เสมียนบัญชี” หรืองานคีย์ข้อมูลแบบซ้ำๆ แต่งานของ “นักบัญชีมืออาชีพ” จะไม่หายไปไหน แต่บทบาทจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่เราเป็นแค่ “ผู้บันทึกอดีต” (Bookkeeper) เราจะกลายเป็น “ที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์” (Strategic Advisor)
หน้าที่ของเราคือการนำข้อมูลที่ AI วิเคราะห์มาให้ ไปตีความ, เล่าเรื่อง (Storytelling with Data), ให้คำแนะนำกับผู้บริหารเพื่อตัดสินใจทางธุรกิจที่สำคัญๆ เช่น ควรขยายสาขาดีไหม? ควรลดต้นทุนตรงไหน? หรือกลยุทธ์ราคาแบบไหนที่จะทำให้บริษัทมีกำไรสูงสุด นี่คืองานที่ต้องใช้ความเข้าใจในธุรกิจ, การสื่อสาร, และวิจารณญาณ ซึ่ง AI ยังทำแทนมนุษย์ไม่ได้
The New Skillset: สกิลที่นักบัญชียุคใหม่ต้องอัปเกรดด่วน!
ถ้าน้องๆ อยากเป็นนักบัญชีที่เจ๋งและเป็นที่ต้องการตัวในอนาคต การท่องจำมาตรฐานการบัญชีอย่างเดียวอาจไม่พอแล้ว นี่คือสกิลที่พี่คิดว่าต้องรีบ “ฟาร์ม” ไว้เลย:
- ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics): ไม่ต้องถึงกับเขียนโค้ดโหดๆ แต่ต้องเข้าใจหลักการ, อ่านข้อมูลและกราฟต่างๆ เป็น, สามารถใช้เครื่องมืออย่าง Power BI หรือ Tableau เพื่อแปลงข้อมูลตัวเลขที่น่าเบื่อให้เป็นภาพที่เข้าใจง่ายและสวยงามได้
- ความเข้าใจในเทคโนโลยี (Tech Savviness): ต้องเป็นคนที่เปิดรับและเรียนรู้การใช้ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมบัญชีใหม่ๆ ที่มี AI เป็นส่วนประกอบได้อย่างรวดเร็ว ไม่กลัวเทคโนโลยี
- การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา (Critical Thinking & Problem Solving): AI ให้ “คำตอบ” จากข้อมูลได้ แต่เราต้องเป็นคนตั้ง “คำถาม” ที่ถูกต้องและชาญฉลาด ต้องสามารถมองเห็นปัญหาทางธุรกิจจากข้อมูลการเงินและเสนอทางแก้ได้
- ทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกับผู้อื่น (Communication & Interpersonal Skills): สกิลนี้สำคัญมาก! เราต้องสามารถอธิบายเรื่องการเงินที่ซับซ้อนให้คนที่ไม่ได้เรียนบัญชีมา (เช่น ฝ่ายการตลาด, ฝ่ายบุคคล หรือ CEO) เข้าใจได้ง่ายๆ AI เขียนรายงานได้ แต่ AI โน้มน้าวใจคนในห้องประชุมไม่ได้นะ!
- ความรู้ความเข้าใจในธุรกิจ (Business Acumen): ต้องมองให้ไกลกว่าแค่เดบิต-เครดิต แต่ต้องเข้าใจว่าธุรกิจของเราทำงานยังไง, อุตสาหกรรมเป็นแบบไหน, คู่แข่งคือใคร เพื่อที่จะให้คำแนะนำทางการเงินที่เฉียบคมและใช้ได้จริง
Q&A ถาม-ตอบ เคลียร์ทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ AI กับสายบัญชี
พี่รวบรวมคำถามยอดฮิตที่น้องๆ น่าจะสงสัยมาตอบให้ตรงนี้เลย เป็นหลักการ AEO (Answer Engine Optimization) ที่ช่วยให้คนค้นหาเจอคำตอบได้ง่ายๆ ครับ
Q1: สรุปแล้ว เรียนบัญชียังน่าสนใจอยู่ไหมคะ/ครับ?
A: น่าสนใจมาก! แต่ต้องเรียนในมุมมองใหม่ ไม่ใช่แค่เรียนเพื่อไปเป็นคนคีย์ข้อมูล แต่เรียนเพื่อเป็น “นักวิเคราะห์และที่ปรึกษาทางธุรกิจ” ที่ใช้ข้อมูลการเงินเป็นอาวุธ ถ้าเราพัฒนาทักษะได้ตรงตามที่ตลาดแรงงานในอนาคตต้องการ บอกเลยว่าค่าตัวสูงและเป็นที่ต้องการสุดๆ เพราะนักบัญชีที่เข้าใจทั้งตัวเลขและเทคโนโลยีนั้นหายากมาก
Q2: หนูต้องเขียนโค้ดเป็นโปรแกรมเมอร์เลยไหม ถึงจะทำงานบัญชีในอนาคตได้?
A: ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์จ๋าขนาดนั้นครับ แต่ถ้ามีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ SQL (สำหรับดึงข้อมูล) หรือ Python (สำหรับวิเคราะห์ข้อมูล) ติดตัวไว้ จะเป็นแต้มต่อที่ทำให้เราโดดเด่นกว่าคนอื่นมากๆ แต่ถ้าไม่ถนัดจริงๆ อย่างน้อยที่สุดคือต้องใช้โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลสำเร็จรูปอย่าง Power BI หรือ Tableau ให้คล่องครับ
Q3: ใช้ ChatGPT ช่วยทำการบ้านบัญชีได้ไหมครับ?
A: เป็นคำถามที่ดีมาก! 555 พี่ตอบแบบนี้แล้วกัน: ใช้เป็น “ผู้ช่วย” ได้ แต่ห้ามใช้เป็น “คนทำแทน” เราสามารถถาม ChatGPT ให้อธิบายคอนเซปต์ยากๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น, ให้ช่วยตรวจทานไวยากรณ์ในรายงาน หรือให้ช่วยร่างโครงสร้างของ Case Study ได้ แต่การคำนวณหรือการตีความมาตรฐานบัญชีบางครั้งมันยังให้ข้อมูลผิดๆ ถูกๆ อยู่นะ! สิ่งสำคัญคือเราต้องมีความรู้พื้นฐานแน่นพอที่จะตรวจสอบได้ว่าสิ่งที่มันตอบมานั้นถูกต้องหรือไม่ ใช้มันเป็นเครื่องมือเร่งการเรียนรู้ ไม่ใช่เครื่องมือสำหรับลอกนะครับ
Q4: มหาวิทยาลัยในไทยเริ่มสอนเรื่องพวกนี้กันหรือยัง?
A: เริ่มแล้วครับ! หลายๆ มหาวิทยาลัยชั้นนำในไทย (ทั้งรัฐและเอกชน) เริ่มปรับปรุงหลักสูตรบัญชีให้ทันสมัยขึ้น มีการเพิ่มวิชาเกี่ยวกับ Data Analytics, การใช้โปรแกรมบัญชีสมัยใหม่ หรือแม้แต่เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาในหลักสูตรแล้ว ตอนน้องๆ เลือกคณะ ลองเข้าไปดูรายละเอียดหลักสูตรของแต่ละที่ได้เลย มหาวิทยาลัยไหนที่เน้นเรื่องเทคโนโลยีและข้อมูล ก็ถือว่ามาถูกทางครับ
Q5: เงินเดือนของนักบัญชีที่ใช้ AI เป็น จะสูงกว่านักบัญชีทั่วไปไหม?
A: แน่นอน! ตามหลักเศรษฐศาสตร์เลยครับ อะไรที่ตลาดยังมีน้อยแต่ความต้องการสูง (Supply < Demand) ราคาย่อมสูงเป็นธรรมดา ในอนาคตอันใกล้ นักบัญชีที่สามารถใช้เครื่องมือ AI และ Data Analytics มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรได้ จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง (Specialist) ซึ่งมีฐานเงินเดือนและโอกาสเติบโตสูงกว่าตำแหน่งงานบัญชีแบบดั้งเดิมอย่างแน่นอนครับ
บทสรุป: อนาคตบัญชีไม่ได้น่ากลัว แต่ “น่าตื่นเต้น” ต่างหาก
สุดท้ายนี้ พี่อยากจะบอกน้องๆ ทุกคนที่สนใจหรือกำลังเรียนบัญชีอยู่ว่า… อย่ากลัว AI เลยครับ แต่จงเรียนรู้ที่จะใช้งานมัน โลกกำลังเปลี่ยนไป และสายงานของเราก็กำลังพัฒนาไปสู่จุดที่ท้าทายและมีคุณค่ามากขึ้น
เลิกมองว่าตัวเองจะเป็นแค่คนทำบัญชี แต่จงมองว่าเราคือ “สถาปนิกทางการเงิน” (Financial Architect) ที่ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีในการออกแบบอนาคตที่มั่นคงและเติบโตให้กับธุรกิจ
อนาคตของสายงานบัญชีมันสดใสและน่าตื่นเต้นมาก อยู่ที่ว่าเราพร้อมจะอัปเกรดตัวเองเพื่อคว้าโอกาสนั้นไว้หรือเปล่า… พี่เอาใจช่วยน้องๆ ทุกคนนะครับ!
จาก… พี่นักศึกษาบัญชีที่กำลังตื่นเต้นกับอนาคต 🙂
“`
















