เหตุผลที่งบกระแสเงินสดสำคัญกว่างบกำไรขาดทุนสำหรับการดำเนินธุรกิจยุคใหม่

ไขความลับ! ทำไมงบกระแสเงินสดถึง ‘โคตรสำคัญ’ กว่ากำไร สำหรับธุรกิจยุคใหม่ในไทย

เฮ้ทุกคน! พี่เป็นรุ่นพี่มหา’ลัย คณะบัญชี นะ วันนี้อยากจะมาชวนคุยเรื่องที่ฟังดูเหมือนจะ ‘แก่’ แต่จริงๆ แล้ว ‘โคตรเจ๋ง’ และสำคัญกับชีวิตพวกเราทุกคน โดยเฉพาะใครที่ฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองในอนาคต หรือแม้แต่แค่ขายของออนไลน์เล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้ก็ตาม นั่นคือเรื่องของ “งบการเงิน”… เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งทำหน้าเบื่อแล้วกดปิดนะ! พี่สัญญาว่าจะย่อยเรื่องยากๆ ให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ เหมือนเราคุยกันเรื่องเกมหรือซีรีส์เลย

เราอาจจะเคยได้ยินข่าวบ่อยๆ ว่า “บริษัท A ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์!” หรือ “ธุรกิจ B ขาดทุนยับเยิน” คำว่า ‘กำไร’ กับ ‘ขาดทุน’ มันดูเป็นพระเอกนางเอกในโลกธุรกิจใช่ไหมล่ะ? แต่พี่จะบอกความลับจักรวาลให้ฟังว่า สำหรับธุรกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจในไทยบ้านเรานี่แหละ มี ‘ตัวละครลับ’ ที่สำคัญกว่านั้นอีก นั่นก็คือ “กระแสเงินสด” หรือ “Cash Flow” นั่นเอง วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า ทำไมเงินสดในมือ ถึงสำคัญกว่ากำไรบนกระดาษ!

ก่อนอื่น… มาทำความรู้จักคู่หูดูโอ้: งบกำไรขาดทุน vs งบกระแสเงินสด

เพื่อให้เห็นภาพตรงกัน เรามาทำความรู้จัก 2 งบนี้แบบฉบับเข้าใจง่ายใน 5 นาทีกันก่อน

1. งบกำไรขาดทุน (Income Statement): The ‘Dreamer’ – นักฝันผู้มองโลกในแง่ดี

ลองนึกภาพตามนะ สมมติเราเปิดร้านขายเสื้อยืดสกรีนลายเองทาง Instagram

  • รายได้ (Revenue): เดือนนี้เราขายเสื้อได้ 100 ตัว ตัวละ 300 บาท เพื่อนซี้เราสั่งไป 10 ตัว บอกว่า “เดี๋ยวสิ้นเดือนจ่ายนะแก” ถึงเพื่อนจะยังไม่จ่าย แต่ในทางบัญชี เราสามารถนับว่าเรามีรายได้แล้ว 100 x 300 = 30,000 บาท!
  • ค่าใช้จ่าย (Expenses): เรามีค่าเสื้อเปล่า ค่าสกรีน ค่าแพ็คของ ค่าโฆษณาใน IG รวมทั้งหมด 15,000 บาท
  • กำไร (Profit): เอารายได้มาลบค่าใช้จ่าย 30,000 – 15,000 = 15,000 บาท

เห็นไหม? งบกำไรขาดทุนจะบอกเราว่า “เดือนนี้ธุรกิจเราทำผลงานได้ดีแค่ไหน” มันโชว์ตัวเลขสวยๆ ว่าเรามี ‘กำไร’ ตั้ง 15,000 บาทแน่ะ! มันคือภาพของความสำเร็จ เป็นเหมือนเกรดเฉลยที่บอกว่าเราสอบผ่านหรือไม่ แต่…มันยังไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด

2. งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement): The ‘Realist’ – นักความจริงผู้ไม่โลกสวย

ทีนี้ มาดูเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเงินในบัญชีของเราบ้าง งบนี้จะสนแค่ว่า “เงินสดจริงๆ เข้ามาเท่าไหร่ และออกไปเท่าไหร่”

  • เงินสดรับ (Cash In): เราขายเสื้อไป 100 ตัวก็จริง แต่เพื่อนซี้ยังไม่จ่าย 10 ตัวนี่นา (3,000 บาท) เท่ากับว่าเงินที่โอนเข้าบัญชีเราจริงๆ มีแค่จากลูกค้า 90 ตัว คือ 90 x 300 = 27,000 บาท
  • เงินสดจ่าย (Cash Out): เราต้องจ่ายค่าเสื้อ ค่าสกรีน ค่าโฆษณา เป็นเงินสดไปทั้งหมด 15,000 บาท
  • กระแสเงินสดสุทธิ (Net Cash Flow): เอาเงินสดรับมาลบเงินสดจ่าย 27,000 – 15,000 = 12,000 บาท

สรุปให้เห็นภาพชัดๆ

กำไรตามงบกำไรขาดทุน: 15,000 บาท (ดูดีมาก!)
เงินสดที่เพิ่มขึ้นในบัญชีจริงๆ: 12,000 บาท (อ้าว…หายไปไหน 3,000?)

เห็นความแตกต่างรึยัง? กำไรคือตัวเลขในกระดาษที่บอกว่าเรา ‘ควรจะ’ ได้เงินเท่าไหร่ แต่กระแสเงินสดคือ ‘เงินจริงๆ’ ที่เรามีในมือเพื่อใช้จ่ายในวันพรุ่งนี้ นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของความสำคัญทั้งหมด!

The Main Event: 5 เหตุผลที่เงินสดคือ ‘King’ ในสังเวียนธุรกิจยุคใหม่ (โดยเฉพาะในไทย)

โอเค! เมื่อเรารู้จักนักฝันกับนักความจริงแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าประเด็นหลัก ว่าทำไมนักความจริงอย่าง ‘กระแสเงินสด’ ถึงเป็น King ในยุคนี้

  1. กำไรคือ ‘ความคิดเห็น’ แต่เงินสดคือ ‘ความจริง’ (Profit is an Opinion, Cash is a Fact)

    คำพูดนี้เป็นสัจธรรมในโลกบัญชีเลยนะเพื่อนๆ “กำไร” สามารถตกแต่งให้สวยหรูได้ด้วยหลักการทางบัญชีต่างๆ เช่น การรับรู้รายได้ที่ยังไม่ได้เก็บเงิน (เหมือนเคสเพื่อนเรา) หรือการตัดค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ช้าๆ เพื่อให้ค่าใช้จ่ายดูน้อยลง มันจึงเป็นเหมือน ‘ความคิดเห็น’ ของนักบัญชี แต่ ‘เงินสด’ ในบัญชีธนาคารล่ะ? มันโกหกไม่ได้! ตัวเลขในสมุดบัญชีธนาคารคือความจริงที่เถียงไม่ขึ้น คุณไม่สามารถเอา ‘กำไรที่คาดว่าจะได้’ ไปจ่ายเงินเดือนพนักงานหรือจ่ายค่าเช่าร้านได้ คุณต้องใช้ ‘เงินสด’ เท่านั้น

  2. ธุรกิจเจ๊งเพราะ ‘ขาดเงินสด’ ไม่ใช่ ‘ขาดทุน’

    นี่คือเรื่องจริงที่น่าเศร้าที่สุด! บริษัทมากมาย โดยเฉพาะ SME และ Startup ในไทย ที่มีไอเดียดี สินค้าเจ๋ง และ ‘มีกำไร’ บนกระดาษ แต่สุดท้ายก็ต้องปิดตัวลงไป…ทำไม? เพราะพวกเขา ขาดสภาพคล่อง หรือพูดง่ายๆ คือ “เงินสดหมุนไม่ทัน”

    ลองนึกภาพเราเป็นเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเล็กๆ ในกรุงเทพฯ เรารับงานสร้างบ้านให้ลูกค้ามูลค่า 2 ล้านบาท ต้นทุนเรา 1.5 ล้านบาท บนกระดาษเรามีกำไร 5 แสนบาท! แต่เงื่อนไขการจ่ายเงินคือ ลูกค้าจะจ่ายทั้งหมดเมื่องานเสร็จในอีก 6 เดือนข้างหน้า… แล้วระหว่าง 6 เดือนนี้ล่ะ? เราต้องเอาเงินจากไหนมาจ่ายค่าแรงคนงาน ซื้อปูน ซื้อเหล็ก? ถ้าเราไม่มีเงินสดสำรองเพียงพอ โปรเจกต์ก็เดินต่อไม่ได้ สุดท้ายธุรกิจก็ไปไม่รอด ทั้งๆ ที่ในทางทฤษฎีเรา ‘มีกำไร’ นะ!

  3. เงินสดคือ ‘ออกซิเจน’ สำหรับการเติบโต

    ธุรกิจยุคใหม่โตไวมาก การแข่งขันสูงปรี๊ด ทุกคนอยากขยายกิจการ อยากออกสินค้าใหม่ อยากจ้างคนเก่งๆ มาช่วยทีม แล้วอะไรคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการทำสิ่งเหล่านี้? …ใช่แล้ว “เงินสด” ไงล่ะ!

    • อยากเปิดสาขาใหม่? ต้องใช้เงินสดจ่ายค่าเช่า ค่าตกแต่ง
    • อยากซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต? ต้องใช้เงินสด
    • อยากทุ่มงบการตลาดออนไลน์เพื่อสู้กับคู่แข่ง? ต้องใช้เงินสดจ่ายค่าโฆษณา Facebook, Google, TikTok

    กำไรในงบการเงินเป็นเพียงตัวชี้วัด ‘ความสามารถในการทำกำไร’ แต่กระแสเงินสดคือ ‘เชื้อเพลิง’ ที่ขับเคลื่อนให้ธุรกิจวิ่งไปข้างหน้าได้จริง ถ้ามีแต่กำไรแต่ไม่มีเงินสด ก็เหมือนมีรถแข่งสุดหรูแต่ไม่มีน้ำมันนั่นแหละ

  4. เป็น ‘เรดาร์’ ตรวจจับปัญหาสุขภาพทางการเงิน

    งบกระแสเงินสดเป็นเครื่องมือวินิจฉัยโรคของธุรกิจชั้นเยี่ยมเลยล่ะ มันสามารถส่งสัญญาณเตือนภัยได้เร็วกว่างบกำไรขาดทุนเสียอีก เช่น:

    • กำไรโต แต่เงินสดจากการดำเนินงานติดลบ: สัญญาณอันตราย! อาจหมายความว่าเราขายของได้เยอะจริง แต่เก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้เลย (มีแต่ลูกหนี้การค้า) หรือเราสต็อกสินค้าไว้เยอะเกินไปจนเงินจม
    • เงินสดจากการลงทุนติดลบหนักๆ: อาจเป็นสัญญาณที่ดี (ถ้าเป็นการลงทุนเพื่อขยายกิจการ) หรือสัญญาณร้าย (ถ้าเป็นการเอาเงินไปซื้อสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) ก็ได้ ต้องดูประกอบกัน
    • ต้องกู้เงินหรือเพิ่มทุนตลอดเวลาเพื่อให้มีเงินสดใช้: บ่งบอกว่าธุรกิจอาจจะยังยืนด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งพิงเงินจากภายนอกตลอดเวลา

    การดูงบกระแสเงินสดเป็นประจำ เหมือนการตรวจสุขภาพประจำปีให้ธุรกิจ ช่วยให้เราเห็นปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ และแก้ไขได้ทันท่วงที ก่อนที่มันจะกลายเป็นมะเร็งร้ายที่รักษาไม่หาย

  5. โมเดลธุรกิจยุคใหม่ ‘เผาเงินสด’ เพื่ออนาคต

    ข้อนี้สำคัญมากสำหรับธุรกิจยุคดิจิทัลในไทยเลย พวกเราคุ้นเคยกับแอปฯ เรียกรถ, แอปฯ สั่งอาหาร, หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าดังๆ ใช่ไหม? สังเกตไหมว่าช่วงแรกๆ พวกเขามีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมเยอะมาก? นั่นแหละคือกลยุทธ์ ‘Cash Burning’ หรือการเผาเงินสด

    ธุรกิจ Startup เหล่านี้ ในช่วง 3-5 ปีแรก งบกำไรขาดทุนของพวกเขาจะ ‘ขาดทุน’ อย่างมหาศาล เพราะรายได้ยังน้อย แต่ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด การพัฒนาเทคโนโลยี และการดึงดูดผู้ใช้งานนั้นสูงมาก ถ้าเรามองแค่งบกำไรขาดทุน เราอาจจะคิดว่า “บริษัทนี้แย่แน่ๆ ขาดทุนทุกปี”

    แต่ถ้าไปดูงบกระแสเงินสด (โดยเฉพาะส่วนของกิจกรรมจัดหาเงิน) เราจะเห็นว่าพวกเขาสามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้เงินสดก้อนใหญ่มหาศาลเข้ามาตลอดเวลา เงินสดก้อนนี้แหละคือเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงให้พวกเขายังอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ เพื่อไปถึงจุดที่ครองตลาดและเริ่มทำกำไรได้ในอนาคต ดังนั้น สำหรับธุรกิจประเภทนี้ การบริหาร ‘กระแสเงินสด’ จึงสำคัญกว่าการทำ ‘กำไร’ ในระยะสั้นแบบเทียบกันไม่ติดเลย

Q&A ถามมา-ตอบไป สไตล์รุ่นพี่บริหาร (AEO – Answer Engine Optimization)

รวบรวมคำถามที่น้องๆ น่าจะสงสัยกัน พี่จัดมาให้เป็นชุดๆ เลย!

Q1: สรุปง่ายๆ งบกำไรขาดทุน กับ งบกระแสเงินสด ต่างกันยังไง?

A: งบกำไรขาดทุน เหมือนเกรดเฉลยตอนปลายเทอม บอกว่าเรา ‘ทำผลงาน’ ได้ดีแค่ไหน (อาจจะมีคะแนนช่วยที่ยังไม่เห็นเป็นตัวเงิน) ส่วน งบกระแสเงินสด เหมือนเงินในกระเป๋าตังค์ ณ วินาทีนี้เลย บอกว่าเรามี ‘เงินสดจริงๆ’ เหลือใช้เท่าไหร่ ซึ่งสำคัญต่อการอยู่รอดในวันพรุ่งนี้

Q2: ถ้าบริษัทกำไร แต่ไม่มีเงินสด (หรือเงินสดติดลบ) มันเกิดขึ้นได้ยังไง?

A: เกิดขึ้นได้สบายมาก! สาเหตุหลักๆ คือ:

  • ขายเชื่อเยอะ: ขายของได้เยอะ (ลงบัญชีเป็นรายได้และกำไรแล้ว) แต่ยังเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ เงินเลยยังไม่เข้า
  • สต็อกบวม: เอาเงินสดไปซื้อของมาตุนไว้เยอะเกินไป แต่ยังขายออกไม่ได้ เงินก็ไปจมอยู่กับสินค้าในโกดัง
  • ลงทุนหนัก: เอาเงินสดไปซื้อที่ดิน สร้างโรงงาน หรือซื้อเครื่องจักรใหม่ ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาว ทำให้เงินสดหายไปจากบัญชี

Q3: สำหรับคนเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ หรือขายของออนไลน์ ควรดูงบไหนก่อน?

A: ต้องดูงบกระแสเงินสดก่อนเสมอ! สำหรับธุรกิจเล็กๆ ในไทย สภาพคล่องคือหัวใจเลย น้องต้องรู้ทุกวันว่า “วันนี้มีเงินเข้าเท่าไหร่? ต้องจ่ายอะไรบ้าง? พรุ่งนี้จะมีเงินพอจ่ายค่าของไหม?” ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเงินสดง่ายๆ ในสมุดหรือ Excel ก่อนเลย ส่วนงบกำไรขาดทุนค่อยทำเป็นรายเดือนหรือรายไตรมาสเพื่อดูภาพรวมของผลประกอบการก็ได้

บทสรุป: ไม่ได้บอกว่ากำไรไม่สำคัญ แต่เงินสด… สำคัญกว่า!

สุดท้ายนี้ พี่ไม่ได้จะบอกว่า ‘กำไร’ ไม่สำคัญนะ! การทำธุรกิจแล้วไม่มีกำไรในระยะยาวก็คงไปไม่รอดเหมือนกัน กำไรยังคงเป็นเป้าหมายสูงสุดที่บอกว่าโมเดลธุรกิจของเรามันเวิร์คและยั่งยืน

แต่สิ่งที่อยากจะย้ำกับน้องๆ ทุกคนในวันนี้ก็คือ ลำดับความสำคัญ ครับ ในโลกธุรกิจที่หมุนเร็วและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเหมือนทุกวันนี้ โดยเฉพาะสมรภูมิธุรกิจในประเทศไทย การมี ‘เงินสด’ ในมือเปรียบเสมือนการมี ‘อากาศ’ หายใจ คุณอาจจะอดอาหาร (ขาดทุน) ได้เป็นพักๆ แต่คุณขาดอากาศหายใจ (ขาดเงินสด) ไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว

ดังนั้น ไม่ว่าอนาคตน้องๆ จะอยากเป็นเจ้าของ Startup พันล้าน, เปิดคาเฟ่เล็กๆ ที่เชียงใหม่, หรือแค่เป็นฟรีแลนซ์รับงานออกแบบเก๋ๆ จงจำไว้เสมอว่า “Cash is KING” หัดดูเงินสดเข้า-ออกให้เป็นนิสัย แล้วเส้นทางการเป็นเจ้าของธุรกิจในฝันของน้องๆ จะมั่นคงและไปได้ไกลกว่าที่คิดแน่นอน!

Most Popular

Categories