ทักษะที่นักบัญชีต้องมีเมื่อ AI เป็นส่วนหนึ่งของงานบัญชีปี 2025

ทักษะที่นักบัญชีต้องมีเมื่อ AI เป็นส่วนหนึ่งของงานบัญชีปี 2025

หวัดดีน้องๆ ชาว ม.ปลายทุกคน! พี่เป็นนักศึกษาคณะบัญชี นะ วันนี้อยากจะมาชวนคุยเรื่องที่กำลัง Hot มากๆ ในวงการเรา คือเรื่อง “AI กับงานบัญชี” หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างว่า “เฮ้ย! AI จะมาแย่งงานนักบัญชีรึเปล่า?” หรือ “เรียนบัญชีไปจะตกงานมั้ย?” บอกเลยว่าใจเย็นๆ ก่อน! วันนี้พี่จะมาเคลียร์ทุกข้อสงสัย และจะมาบอกว่าจริงๆ แล้ว AI ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่มันกำลังจะเข้ามาเป็น “คู่หู” สุดเจ๋งที่จะเปลี่ยนโฉมหน้านักบัญชีไปตลอดกาลต่างหาก! โดยเฉพาะในปี 2025 ที่กำลังจะมาถึงเนี่ย ใครมีทักษะพวกนี้ไว้ในมือ บอกเลยว่าอนาคตไกลแน่นอน!

AI จะมาทำอะไรในงานบัญชี? ทำไมเราต้องปรับตัว?

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์เนี่ย มันเก่งเรื่องอะไร? หลักๆ เลยคือมันเก่งเรื่องการทำงานซ้ำๆ ที่มีรูปแบบชัดเจน, การประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ในเวลาอันสั้น และความแม่นยำสูงมาก

ในงานบัญชี มันก็จะเข้ามาช่วยงานพวกนี้แหละ:

  • การบันทึกบัญชี (Bookkeeping): จากที่ต้องมานั่งคีย์บิลทีละใบ AI สามารถสแกนเอกสารแล้วดึงข้อมูลไปลงบัญชีให้เราอัตโนมัติได้เลย
  • การกระทบยอด (Reconciliation): ไม่ต้องมานั่งตาลายเทียบรายการ Statement ธนาคารกับบัญชีบริษัททีละบรรทัด AI จัดการให้เสร็จในไม่กี่นาที
  • การประมวลผลภาษีเบื้องต้น: คำนวณภาษีพื้นฐานต่างๆ ตามกฎที่ตั้งไว้ได้แบบเป๊ะๆ
  • การตรวจสอบเบื้องต้น (Basic Auditing): ช่วยสแกนหาธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือรายการที่ดูไม่ชอบมาพากลได้

เห็นมั้ยว่างานที่ AI เข้ามาทำคืองาน Routine ที่น่าเบื่อและกินเวลาของเรามากๆ พอมี AI มาช่วย เราก็จะมีเวลาไปทำงานที่สำคัญและท้าทายกว่าเดิม นี่แหละคือเหตุผลที่เราต้อง “อัปสกิล” ไม่ใช่เพื่อหนี AI แต่เพื่อ “ใช้ AI ให้เป็น” และก้าวไปเป็นนักบัญชีที่องค์กรไหนๆ ก็ต้องการตัว!

เปิดตำรา! 5 ทักษะโคตรสำคัญของนักบัญชีปี 2025 (ที่ AI ให้ไม่ได้!)

โอเค มาถึงไฮไลต์ของเรากันแล้ว! จากที่พี่ไปศึกษาและฟังจากรุ่นพี่ที่ทำงานจริง รวมถึงอาจารย์ในมหาวิทยาลัย สรุปออกมาได้เป็น 5 ทักษะหลักๆ ที่น้องๆ ควรโฟกัสตั้งแต่วันนี้ ถ้าอยากเป็นนักบัญชีที่ปังในยุค AI

1. ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Data Analytics & Interpretation)

มันคืออะไร?: ไม่ใช่แค่การบวกลบคูณหารตัวเลขในงบการเงิน แต่คือการเป็น “นักสืบข้อมูล” เราต้องมองทะลุตัวเลขพวกนั้นไปให้ได้ว่ามันกำลังบอกอะไรเราอยู่ เช่น ทำไมยอดขายไตรมาสนี้ตก? ต้นทุนส่วนไหนที่สูงผิดปกติ? สินค้าตัวไหนทำกำไรให้บริษัทมากที่สุด?

ทำไมถึงสำคัญในยุค AI?: เพราะ AI จะเป็นคนรวบรวมข้อมูลมหาศาลและจัดเรียงให้เราอย่างสวยงาม แต่ AI ไม่สามารถตีความและเล่าเรื่อง (Storytelling) จากข้อมูลได้ หน้าที่ของเราคือการหยิบข้อมูลที่ AI ประมวลผลมาให้ แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อหา “Insight” หรือข้อมูลเชิงลึก เพื่อเสนอแนะแนวทางให้กับผู้บริหารได้ เช่น “พี่ครับ จากข้อมูลที่ผมวิเคราะห์มา สินค้า B ขายดีมากในภาคอีสาน แต่ต้นทุนค่าขนส่งเราสูงมาก ถ้าเราลองหาโกดังที่นั่น อาจจะลดต้นทุนและเพิ่มกำไรได้อีก 15% เลยนะครับ” นี่แหละคือคุณค่าที่ AI ทำแทนไม่ได้!

แดชบอร์ดแสดงข้อมูลการวิเคราะห์เชิงลึกสำหรับธุรกิจ

เปลี่ยนจากคนทำบัญชี เป็นคนที่เล่าเรื่องจากข้อมูลได้

2. ความเข้าใจในเทคโนโลยีและ AI (Tech & AI Literacy)

มันคืออะไร?: น้องไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเป็นเทพ แต่ต้องเข้าใจว่าเทคโนโลยีต่างๆ ทำงานยังไง และจะนำมาประยุกต์ใช้กับงานบัญชีได้ยังไง ต้องรู้จักและใช้โปรแกรมบัญชีบนคลาวด์ (Cloud Accounting) เป็น เช่น Xero, QuickBooks หรือโปรแกรม ERP ใหญ่ๆ อย่าง SAP, Oracle ต้องเข้าใจคอนเซ็ปต์ของ Blockchain, Machine Learning ว่ามันมีผลกับวงการบัญชียังไงบ้าง

ทำไมถึงสำคัญในยุค AI?: ลองนึกภาพเราเป็นช่างซ่อมรถ แต่ใช้เครื่องมือไม่เป็นเลย…มันก็คงทำงานไม่ได้ใช่มั้ย? ในอนาคต AI และโปรแกรมต่างๆ ก็คือ “เครื่องมือ” ของนักบัญชี เราต้องเป็นคนที่เลือกใช้เครื่องมือได้ถูกต้อง, ตั้งค่าให้มันทำงานตามที่เราต้องการได้ และเมื่อเกิดปัญหา ก็พอจะรู้ว่ามันน่าจะผิดพลาดตรงไหน การที่เราเข้าใจเทคโนโลยีจะทำให้เราทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างราบรื่นและเต็มประสิทธิภาพที่สุด

3. การคิดเชิงกลยุทธ์และเข้าใจธุรกิจ (Strategic Thinking & Business Acumen)

มันคืออะไร?: คือการยกระดับตัวเองจาก “คนบันทึกตัวเลข” ไปเป็น “ที่ปรึกษาทางธุรกิจ” (Business Advisor) เราต้องเข้าใจภาพรวมของธุรกิจทั้งหมด ไม่ใช่แค่แผนกบัญชี ต้องรู้ว่าบริษัทเราขายอะไร? ลูกค้าคือใคร? คู่แข่งเป็นยังไง? เป้าหมายขององค์กรคืออะไร?

ทำไมถึงสำคัญในยุค AI?: เพราะเมื่อเรามีข้อมูลเชิงลึกจากข้อ 1 แล้ว เราต้องใช้ความเข้าใจธุรกิจนี่แหละ ในการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์กับผู้บริหารได้ เช่น “การลงทุนในเครื่องจักรใหม่ตอนนี้อาจจะไม่คุ้ม เพราะกระแสเงินสดเรายังไม่คล่องพอ แต่ถ้าเรารออีก 6 เดือนและทำแคมเปญลดสต็อกสินค้าเก่าออกไปก่อน สถานการณ์การเงินจะดีขึ้นและพร้อมสำหรับการลงทุนมากกว่า” นี่คือการมองไปข้างหน้า การวางแผน ไม่ใช่แค่มองตัวเลขในอดีต ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้ “วิจารณญาณ” ของมนุษย์เท่านั้น

4. ทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ (Soft Skills) ที่ขาดไม่ได้!

นี่คือปราการด่านสุดท้ายที่ AI ยังไงก็สู้มนุษย์ไม่ได้! และเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในทุกสายอาชีพ

  • การสื่อสารและการนำเสนอ (Communication & Presentation): ต้องสามารถอธิบายเรื่องการเงินบัญชีที่ซับซ้อน ให้คนที่ไม่ได้เรียนบัญชีมา (เช่น ฝ่ายการตลาด, ฝ่ายผลิต หรือแม้กระทั่ง CEO) เข้าใจได้ง่ายๆ การทำสไลด์สวยๆ พูดพรีเซนต์เก่งๆ จะทำให้ข้อมูลของเรามีพลังมากขึ้น
  • การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา (Critical Thinking & Problem-Solving): เมื่อ AI แจ้งเตือนว่าเจอรายการผิดปกติ มันอาจจะบอกได้แค่ว่า “เจอ” แต่เราคือคนที่ต้องไปสืบสวนต่อว่า “ทำไมถึงผิดปกติ?” มันเกิดจากการทุจริต? หรือเป็นแค่ความผิดพลาดของระบบ? แล้วจะแก้ปัญหานี้ยังไงไม่ให้เกิดขึ้นอีก?
  • การปรับตัวและการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Adaptability & Lifelong Learning): เทคโนโลยีเปลี่ยนทุกวัน วันนี้เราใช้โปรแกรม A พรุ่งนี้อาจจะมีโปรแกรม B ที่ดีกว่าออกมา เราต้องพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ใครหยุดเรียนรู้คือถอยหลังทันทีในยุคนี้

5. จรรยาบรรณและความซื่อสัตย์ (Ethics & Integrity)

มันคืออะไร?: คือแก่นแท้ของวิชาชีพบัญชี ความถูกต้อง ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือ

ทำไมถึงสำคัญในยุค AI?: สำคัญที่สุด! AI เป็นแค่เครื่องมือ มันไม่มีสามัญสำนึก ไม่มีจรรยาบรรณ มันสามารถถูกสั่งให้บิดเบือนข้อมูลหรือซ่อนตัวเลขบางอย่างได้ คนที่ควบคุมและตรวจสอบก็คือ “นักบัญชี” ที่เป็นมนุษย์นี่แหละ ความน่าเชื่อถือ ของข้อมูลทางการเงินทั้งระบบ ฝากไว้ที่ปลายปากกาและสองมือของนักบัญชี ดังนั้น ทักษะด้านจริยธรรมจึงกลายเป็นสิ่งที่ “แพง” และมีค่าที่สุดในยุคที่ข้อมูลทุกอย่างวิ่งผ่านระบบดิจิทัล

พี่มาตอบ! Q&A คำถามที่น้องๆ ถามบ่อย (AEO Section)

รวบรวมคำถามยอดฮิตที่น้องๆ ชอบทักมาถามพี่ทางโซเชียล มาตอบให้เคลียร์ๆ ตรงนี้เลย!

Q1: เรียนบัญชีต้องเก่งคณิตศาสตร์มากๆ เลยมั้ยครับ/คะ?

A: เอาจริงดิ! นี่คือคำถามคลาสสิกเลย 555+ คำตอบคือ ไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะคณิตศาสตร์ ขอแค่บวกลบคูณหารเป็นก็พอแล้ว! เพราะหัวใจของบัญชีไม่ใช่การคำนวณที่ซับซ้อน แต่เป็นเรื่องของ “ตรรกะ” (Logic) และ “หลักการ” (Principle) มากกว่า เราใช้เครื่องคิดเลขและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยคำนวณอยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือความละเอียดรอบคอบ และความเข้าใจในหลักการเดบิต-เครดิตต่างหาก

Q2: หนูต้องไปเรียนเขียนโค้ด (Coding) เพิ่มมั้ยคะ ถึงจะเป็นนักบัญชีในอนาคตได้?

A: ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดเขียนโปรแกรมเป็น แต่ถ้ามีความรู้พื้นฐานไว้บ้างจะ “ได้เปรียบ” มากๆ ครับ เช่น การเข้าใจโครงสร้างข้อมูล, การใช้สูตร Excel หรือโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง Power BI, Tableau หรือการเขียน SQL Query พื้นฐานได้ จะช่วยให้เราดึงข้อมูลและวิเคราะห์ได้เก่งกว่าคนอื่น แต่ถ้าไม่รู้เลยก็ไม่เป็นไร แค่เราเปิดใจเรียนรู้การใช้โปรแกรมและเครื่องมือใหม่ๆ ที่บริษัทใช้ก็เพียงพอแล้ว

Q3: สรุปว่า AI จะไม่ทำให้นักบัญชีตกงานจริงๆ ใช่มั้ย?

A: พี่ขอยืนยันอีกเสียงว่า “ไม่ตกงานแน่นอน” แต่ “ลักษณะงานจะเปลี่ยนไป” ครับ นักบัญชีที่ทำแค่งานคีย์ข้อมูลซ้ำๆ อาจจะถูกแทนที่ได้ แต่ “นักบัญชีที่มีทักษะ” ที่พี่เล่ามาทั้งหมดข้างบน จะกลายเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก เงินเดือนก็จะสูงขึ้นด้วย เพราะเราจะเปลี่ยนจากผู้ปฏิบัติงาน (Operator) ไปเป็นนักคิด นักวิเคราะห์ และที่ปรึกษา (Analyst & Advisor) ซึ่งมีคุณค่าต่อองค์กรสูงกว่ามาก

Q4: ถ้าอยากเป็นนักบัญชีในยุค AI ตอนนี้อยู่ ม.ปลาย ควรเน้นวิชาอะไรเป็นพิเศษ?

A: ดีมากที่เริ่มวางแผน! นอกจากวิชาพื้นฐานอย่างคณิต, อังกฤษแล้ว ลองหาความรู้เพิ่มเติมด้าน คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ดูครับ ลองฝึกใช้โปรแกรมพวก Microsoft Excel ให้คล่องๆ, ลองดูคลิปสอนเกี่ยวกับ Data Visualization หรือลองติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในโลกธุรกิจดู จะช่วยเปิดโลกเราได้เยอะมาก และที่สำคัญคือฝึก “การคิดเชิงวิพากษ์” โดยการตั้งคำถามว่า “ทำไม?” กับสิ่งต่างๆ รอบตัวให้เป็นนิสัย

Q5: อนาคตของนักบัญชีในประเทศไทยเป็นอย่างไร? ตลาดงานยังดีอยู่ไหม?

A: ตลาดงานบัญชีในไทยยังคงแข็งแกร่งและมีความต้องการสูงมากครับ เพราะทุกธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ต้องมีนักบัญชี! ยิ่งประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) บริษัทต่างๆ ยิ่งต้องการนักบัญชีที่เข้าใจเทคโนโลยีและสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ ดังนั้น อนาคตสดใสแน่นอน สำหรับคนที่พร้อมจะปรับตัวและพัฒนาทักษะใหม่ๆ ครับ

บทสรุป: ไม่ต้องกลัว AI แต่จงก้าวไปพร้อมกับมัน!

น้องๆ คงเห็นภาพแล้วนะครับว่า โลกของนักบัญชีในปี 2025 และต่อไปในอนาคต มันน่าตื่นเต้นและท้าทายขนาดไหน มันไม่ใช่ภาพของคนที่นั่งจมอยู่กับกองเอกสารอีกต่อไป แต่เป็นภาพของนักยุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเป็นอาวุธ

AI ไม่ใช่ศัตรูที่จะมาแย่งงานเรา แต่มันคือผู้ช่วยที่จะมาปลดแอกเราจากงานน่าเบื่อ ให้เราได้ใช้สมองและเวลาไปกับงานที่สร้างสรรค์และมีคุณค่ามากกว่าเดิม หน้าที่ของเราคือการเตรียมตัวให้พร้อม พัฒนาทักษะที่จำเป็นเหล่านี้ตั้งแต่วันนี้ ใครที่ปรับตัวได้ก่อน คนนั้นคือผู้ชนะในสนามรบของโลกการทำงานในอนาคต!

แล้วน้องๆ ล่ะ พร้อมที่จะเป็น “นักบัญชีคู่หู AI” แล้วหรือยัง? เริ่มต้นเรียนรู้วันนี้ได้ที่คณะบัญชี ม.ศรีปทุม!

“`

Most Popular

Categories