“เห็นธรรม คือเห็นด้วยใจ ไม่ใช่แค่ตา”
พระพุทธเจ้าตรัสว่า: “ผู้ใดเห็นธรรม ย่อมเข้าใจความเปลี่ยนแปลง รู้แจ้งในความไม่เที่ยง ไม่หลงใหลในสิ่งชั่วคราว”
(พระไตรปิฎก เล่ม 1 ข้อ 30)
ธรรมะข้อนี้ชี้ให้เห็นถึง การเห็นธรรมด้วยใจ ไม่ใช่แค่การมองด้วยตา
การเห็นธรรม คือการเข้าใจความจริงของชีวิตและโลก การเห็นความไม่เที่ยง ของทุกสิ่ง ทำให้เราไม่ยึดติดกับสิ่งชั่วคราว หรือความสำเร็จชั่วคราว
ในเชิงการบริหาร การมี มุมมองที่ชัดเจนและลึกซึ้ง ช่วยให้สามารถปรับตัวได้อย่างมีสติ ไม่หลงทางในความสำเร็จชั่วคราว แต่โฟกัสไปที่การพัฒนาที่ยั่งยืนและยืนหยัดในคุณธรรมที่ถูกต้อง
Seeing the Dhamma is Seeing with the Mind, Not Just the Eyes
The Buddha said: “One who sees the Dhamma understands change, clearly realizes impermanence, and does not become deluded by temporary things.”
(Tipiṭaka Vol. 1, No. 30)
This principle of Dhamma illustrates the importance of seeing the Dhamma with the mind, rather than merely observing with the eyes. Seeing the Dhamma means grasping the fundamental truths of life and the world. Perceiving the impermanence of all things prevents us from clinging to temporary objects or fleeting success.
From a management perspective, having a clear and profound insight enables a conscious capacity for adaptation. It prevents the organization from being misled by short-term success and directs focus toward sustainable development and unwavering adherence to correct ethical principles.
โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน
วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มุ่งมั่นในการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยบูรณาการหลักธรรมทางพุทธศาสนาเข้ากับแนวคิดด้านการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ ภายใต้ “โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ช่วยให้ผู้บริหาร นักศึกษา และสังคมทั่วไป ได้พัฒนาทัศนะที่ถูกต้อง และนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม โปร่งใส และสมดุล สะท้อนพันธกิจของมหาวิทยาลัยในการเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อสังคมแห่งอนาคต (University for Sustainable Society) ที่มุ่งส่งเสริมทั้ง การพัฒนาปัญญา คุณธรรม และความยั่งยืน ควบคู่กันไป สอดคล้องกับแนวทางของ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้านการศึกษาที่มีคุณภาพ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีจริยธรรม และการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและเป็นธรรม
การเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
SDG 3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-being)
การเห็นความไม่เที่ยงของทุกสิ่งช่วยให้เรายอมรับการเปลี่ยนแปลงและลดความเครียดจากการยึดติด ส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 3.4 — การส่งเสริมสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคน
SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ (Quality Education)
การเรียนรู้ที่จะ “เห็นธรรม” ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิพากษ์และการมองเห็นความจริงของชีวิตและโลก
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 4.7 — การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและคุณค่าทางศีลธรรม
SDG 8: งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Decent Work and Economic Growth)
การมองเห็นความไม่เที่ยงในความสำเร็จและการล้มเหลวช่วยให้เรามุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ยึดติดกับผลลัพธ์ชั่วคราว
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 8.3 — การส่งเสริมผู้ประกอบการและนวัตกรรมในระบบเศรษฐกิจ
SDG 16: สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง (Peace, Justice and Strong Institutions)
การมีมุมมองที่ชัดเจนและเข้าใจในธรรมชาติของความไม่เที่ยงช่วยเสริมสร้างสถาบันที่โปร่งใส มีความยุติธรรม และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 16.6 — การสร้างสถาบันที่โปร่งใส มีคุณธรรม และมีประสิทธิภาพ
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ธรรมะ” คือพลังแห่งปัญญาที่สามารถนำทางให้การบริหารจัดการดำเนินไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน จึงมุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงคุณค่าของในการคิด การตัดสินใจ และการดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนองค์กร สังคม และประเทศชาติไปสู่อนาคตที่สมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และจิตใจ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
“มหาวิทยาลัยแห่งการสร้างสังคมยั่งยืนด้วยปัญญาและคุณธรรม”#DhammaDrivenBusiness, #DrDhammaDriven, #DrVichitUon, #SPU, #SripatumUniversity, #WeCreateProfessionalsByProfessionals, #จากศาลาถึงบอร์ดรูม, #มหาวิทยาลัยศรีปทุม, #วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ, #สร้างมืออาชีพด้วยมืออาชีพ, #เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง



