“ผู้รู้ธรรม ย่อมมีใจเป็นอิสระจากความกลัว”
พระพุทธเจ้าตรัสว่า: “ผู้ใดเห็นธรรมอย่างแจ่มแจ้ง ผู้นั้นย่อมไม่หวั่นไหว แม้ในสิ่งที่น่ากลัวที่สุด”
(พระไตรปิฎก เล่ม 1 ข้อ 22)
ธรรมะข้อนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของ “ปัญญาที่เกิดจากการรู้แจ้งในธรรม”
เมื่อบุคคลเข้าใจธรรม ย่อมเข้าใจความจริงของชีวิต เห็นความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง และไม่หลงกลัวต่อสิ่งที่ไม่แน่นอน
ใจที่เข้าใจธรรม จึงเป็นใจที่มั่นคง ไม่หวั่นไหว และมีอิสรภาพจากความกลัว ไม่ว่าจะเป็นความกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง ความล้มเหลว หรือการสูญเสีย
ในบริบทของการทำงานและการบริหาร การมีสติและปัญญาเช่นนี้จะช่วยให้บุคลากรและผู้นำสามารถรับมือกับความท้าทายได้อย่างมั่นใจและสงบ
The Knower of Dhamma Possesses a Mind Free from Fear
The Buddha said: “One who clearly perceives the Dhamma will not waver, even in the face of the most frightening things.”
(Tipiṭaka Vol. 1, No. 22)
This principle of Dhamma reflects the power of “wisdom arising from the realization of Truth (Dhamma).” When an individual comprehends Dhamma, they grasp the fundamental realities of life, perceive the impermanent nature of all things, and are no longer misled by fear of uncertainty.
The mind that understands Dhamma is therefore stable, unperturbed, and liberated from fear—be it the fear of change, failure, or loss.
In the context of work and management, possessing such mindfulness and wisdom enables personnel and leaders to confront challenges with confidence and tranquility.
โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน
วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มุ่งมั่นในการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยบูรณาการหลักธรรมทางพุทธศาสนาเข้ากับแนวคิดด้านการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ ภายใต้ “โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ช่วยให้ผู้บริหาร นักศึกษา และสังคมทั่วไป ได้พัฒนาทัศนะที่ถูกต้อง และนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม โปร่งใส และสมดุล สะท้อนพันธกิจของมหาวิทยาลัยในการเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อสังคมแห่งอนาคต (University for Sustainable Society) ที่มุ่งส่งเสริมทั้ง การพัฒนาปัญญา คุณธรรม และความยั่งยืน ควบคู่กันไป สอดคล้องกับแนวทางของ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้านการศึกษาที่มีคุณภาพ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีจริยธรรม และการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและเป็นธรรม
การเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
SDG 3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-being)
จิตที่ปราศจากความกลัว คือจิตที่เป็นสุข ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและใจ สร้างสมดุลในการดำเนินชีวิต
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 3.4 — การส่งเสริมสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี
SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ (Quality Education)
การเรียนรู้ธรรมะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจตนเองและโลกอย่างลึกซึ้ง เกิด ปัญญาและความมั่นคงทางอารมณ์ ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 4.7 — การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและค่านิยมแห่งสันติ
SDG 16: สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง (Peace, Justice and Strong Institutions)
ผู้นำและบุคลากรที่ไม่หวั่นไหวต่อความกลัวจะสามารถ ตัดสินใจอย่างมีสติ โปร่งใส และยึดมั่นในคุณธรรม นำไปสู่สังคมและองค์กรที่สงบมั่นคง
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 16.6 — การสร้างสถาบันที่มีธรรมาภิบาลและมีเสถียรภาพ
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ธรรมะ” คือพลังแห่งปัญญาที่สามารถนำทางให้การบริหารจัดการดำเนินไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน จึงมุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงคุณค่าของในการคิด การตัดสินใจ และการดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนองค์กร สังคม และประเทศชาติไปสู่อนาคตที่สมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และจิตใจ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
“มหาวิทยาลัยแห่งการสร้างสังคมยั่งยืนด้วยปัญญาและคุณธรรม”#DhammaDrivenBusiness, #DrDhammaDriven, #DrVichitUon, #SPU, #SripatumUniversity, #WeCreateProfessionalsByProfessionals, #จากศาลาถึงบอร์ดรูม, #มหาวิทยาลัยศรีปทุม, #วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ, #สร้างมืออาชีพด้วยมืออาชีพ, #เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง



