“ธรรมะที่แท้ ต้องสัมผัสได้จากภายใน”
พระพุทธเจ้าตรัสว่า: “ผู้เห็นธรรมย่อมไม่ยึดถือธรรมะด้วยความหลง แต่เข้าใจด้วยปัญญาอันชอบ”
(พระไตรปิฎก เล่ม 1 ข้อ 17)
ธรรมะข้อนี้สื่อถึงแก่นแท้ของการเข้าถึงความจริงว่า “ธรรมะไม่ได้อยู่ที่ถ้อยคำ แต่อยู่ที่การรู้แจ้งในใจ”
ผู้ที่เข้าใจธรรมอย่างแท้จริง ย่อมไม่ยึดติดเพียงรูปแบบหรือพิธีกรรม แต่สามารถนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงด้วยปัญญาและความเข้าใจที่เกิดจากภายใน
ในบริบทของการทำงานหรือการบริหารองค์กร การเข้าใจธรรมด้วยปัญญาแท้ ช่วยให้เรามีวิจารณญาณ แยกแยะถูกผิดได้อย่างมีสติ และไม่หลงตามกระแส ซึ่งนำไปสู่ความมั่นคงและการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในระดับบุคคลและองค์กร
True Dhamma Must Be Realized Internally
The Buddha said: “One who has realized the Dhamma does not cling to forms, sounds, odors, tastes, tactile sensations, or mental objects.”
(Tipiṭaka Vol. 1, No. 17)
This principle of Dhamma highlights “mental liberation” arising from the wisdom of clearly perceiving the reality of the world.
When an individual realizes the Dhamma, they understand that everything is transient and should not be clung to, whether it be momentary pleasure, success, or failure.
In the context of management and organizational development, non-attachment fosters flexibility, a readiness to learn, and the ability to adapt quickly to change. These are essential qualities for modern leaders and organizations striving for sustainability.
โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน
วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มุ่งมั่นในการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยบูรณาการหลักธรรมทางพุทธศาสนาเข้ากับแนวคิดด้านการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ ภายใต้ “โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ช่วยให้ผู้บริหาร นักศึกษา และสังคมทั่วไป ได้พัฒนาทัศนะที่ถูกต้อง และนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม โปร่งใส และสมดุล สะท้อนพันธกิจของมหาวิทยาลัยในการเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อสังคมแห่งอนาคต (University for Sustainable Society) ที่มุ่งส่งเสริมทั้ง การพัฒนาปัญญา คุณธรรม และความยั่งยืน ควบคู่กันไป สอดคล้องกับแนวทางของ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้านการศึกษาที่มีคุณภาพ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีจริยธรรม และการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและเป็นธรรม
การเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
SDG 3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-being)
การเข้าใจธรรมจากภายในช่วยให้จิตใจสงบและลดความทุกข์ทางอารมณ์ ส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจที่มั่นคงและสมดุล
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 3.4 — การส่งเสริมสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี
SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ (Quality Education)
ธรรมะข้อนี้เน้นการเรียนรู้เชิงลึกจากภายใน (Inner Learning) เพื่อสร้าง การรู้เท่าทันและความเข้าใจตนเอง ซึ่งเป็นหัวใจของการเรียนรู้ที่แท้จริง
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 4.7 — การศึกษาเพื่อพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมในชีวิต
SDG 16: สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง (Peace, Justice and Strong Institutions)
ผู้ที่เข้าใจธรรมด้วยปัญญาย่อมเป็นผู้มีจิตสันติ ยึดมั่นในความถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม ส่งผลให้เกิด องค์กรที่มีธรรมาภิบาลและมีเสถียรภาพทางจริยธรรม
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 16.6 — การสร้างสถาบันที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และมีความรับผิดชอบ
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ธรรมะ” คือพลังแห่งปัญญาที่สามารถนำทางให้การบริหารจัดการดำเนินไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน จึงมุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงคุณค่าของในการคิด การตัดสินใจ และการดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนองค์กร สังคม และประเทศชาติไปสู่อนาคตที่สมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และจิตใจ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
“มหาวิทยาลัยแห่งการสร้างสังคมยั่งยืนด้วยปัญญาและคุณธรรม”#DhammaDrivenBusiness, #DrDhammaDriven, #DrVichitUon, #SPU, #SripatumUniversity, #WeCreateProfessionalsByProfessionals, #จากศาลาถึงบอร์ดรูม, #มหาวิทยาลัยศรีปทุม, #วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ, #สร้างมืออาชีพด้วยมืออาชีพ, #เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง



