ความจงรักภักดีของพนักงานสำคัญต่อองค์กร อย่างไร

ความจงรักภักดีของพนักงานสำคัญต่อองค์กร อย่างไร
How important is employee loyalty to the organization

UploadImage
อาจารย์นิวัติ จันทราช
วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

ความจงรักภักดีต่อองค์กรของพนักงานนั้นเป็นความรู้สึกและการแสดงออกของพนักงาน ซึ่งเคารพต่อองค์กร มีความเต็มใจปฏิบัติงานและอุทิศตนต่อองค์กร มีความผูกพันมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ มีความต้องการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรการที่บุคคลมีความผูกพันต่อองค์กรภูมิใจในการเป็นสมาชิกขององค์กรรู้สึก เป็นเจ้าของมีความตั้งใจจะทำงานอยู่กับองค์กรนี้ตลอดไป ทั้งนี้ความจงรักภักดีต่อองค์กรมีมิติแบ่งออกเป็น 3 ด้านได้แก่ ด้านพฤติกรรมที่แสดงออก (Behavioral aspect) เป็น การแสดงออกถึงความไม่อยากย้ายไปจากบริษัทความต้องการที่จะย้ายตามบริษัท เมื่อบริษัทย้ายไปที่อื่น ปรารถนาที่จะคงความเป็นสมาชิกของบริษัทตลอดไปด้านความรู้สึก (Affective aspect) เป็นความรักที่จะทำงานกับบริษัท รู้สึกว่า ตนเองมีความสำคัญต่อบริษัทและยินดีมีส่วนร่วมทุกกิจกรรมของบริษัท ซึ่งเปรียบเสมือนทุกคนเป็นครอบครัว และ ด้านการรับรู้ (Cognitive aspect) เป็นความเชื่อมั่น และไว้วางใจในบริษัท มีความรู้สึกโดยตรงว่า มีความจงรักภักดีต่อบริษัท มีทัศนคติเชิงบวกต่อคุณค่าและเป้าหมายของบริษัท ดังนั้น หากพนักงานเกิดความจงรักภักดีต่อองค์กรแล้ว องค์กรจะประสบผลสำเร็จและบรรลุจุดหมายปลายทางที่กำหนดได้เพราะการใช้ทรัพยากร ประกอบด้วย คน เงิน วัสดุอุปกรณ์ (รวมถึงอาคารสถานที่)และเทคโนโลยีที่มีอยู่ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ความจงรักภักดีของพนักงานที่มีต่อองค์กรของพนักงาน (Employee Loyalty)
องค์กรทุกองค์กรจะประสบผลสำเร็จและบรรลุจุดหมายปลายทางที่กำหนดได้นั้น การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในบรรดาทรัพยากรในองค์กรนั้นประกอบด้วย คน เงิน วัสดุอุปกรณ์ (รวมถึงอาคารสถานที่) และเทคโนโลยีได้รับการกล่าวถึงว่า มีบทบาทสำคัญเพราะ คนนั้นเป็นปัจจัยที่มีค่ามหาศาลและองค์กรต้องรักษารวมถึงต้องทำการพัฒนาคนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอเพราะคนหรือที่เราเรียกว่า ทรัพยากรมนุษย์
ทั้งนี้ความจงรักภักดีของพนักงานที่มีต่อองค์กรนั้นมีองค์ประกอบหลายประการ ซึ่ง เฟล็ทเชอร์ (Fletcher, 1993, pp. 191-192) ได้แสดงแนวคิดว่า ความจงรักภักดีต่อองค์กรมี 3 องค์ประกอบสำคัญคือ
1) การแสดงประวัติของตนเองต่อองค์กร (An expression of the historical self) เพราะการแสดงประวัติของตนเองเป็นพื้นฐานที่สำคัญของความจงรักภักดีต่อองค์กร
2) ความผูกพันที่มีมากกว่า การแสดงออกที่เป็นนิสัย (More than a habit of attachment) เป็นการกระทำเพื่อองค์กรโดยตระหนักว่า เป็นหน้าที่ของตนรับผิดชอบต่อหน้าที่ ที่มีความยึดเหนี่ยวความผูกพันในองค์กร
3) หลีกเลี่ยงการไม่ซื่อตรงต่อองค์กร (Avoidance of betrayal) เป็นการแสดงความจริงใจต่อเป้าหมายขององค์กรไม่ต่อสู้เพื่อองค์กรอื่นๆไม่กระทำสิ่งที่เกิดอันตรายต่อองค์กรมีการต่อสู้ และป้องกันองค์กรจากผู้ให้ร้ายแสดงความกตัญญูต่อองค์กร
นอกจากนี้ ยังมีนักวิชาการที่แสดงให้เห็นว่า องค์ประกอบความจงรักภักดีต่อองค์กรยังมีอีก 5 ประการด้วยกัน โดยแอดเลอร์ และแอดเลอร์ (Adler & Adler, 1988, pp. 401-407) ได้กล่าวว่า มี 5 องค์ประกอบที่พัฒนาให้สมาชิกเกิดความจงรักภักดีต่อองค์กรอย่างมากคือ
1) ความมีอำนาจเหนือผู้อื่น (Domination) คือการที่สมาชิกองค์กรทำงานภายใต้การบริหารของผู้ที่มีความเข้มแข็ง
และควบคุมกิจกรรมในชีวิตของตนเองและงานได้ผู้นำยอมรับสถานะของผู้ใต้บังคับบัญชา
2) การแสดงเอกลักษณ์ (Identification) คือการที่สมาชิกองค์กรรับรู้ว่าตนเองมีการแสดงเอกลักษณ์ของตนเองและกลุ่ม จะทำให้ได้รับรางวัลตอบแทน เกิดแรงบันดาลใจจากบรรยากาศที่มีการกระตุ้นซึ่งกันและกัน มีบรรยากาศที่สนิทสนมเป็นกันเอง
3) ความผูกพัน (Commitment)คือการที่สมาชิกองค์กรรับรู้ว่าตนเองได้รับการกระตุ้นให้เกิดความจงรักภักดีจากกิจกรรม
ที่ทำให้เกิดการ ปฏิบัติงานที่ดีและเห็นความสำคัญของการลงทุนจากการได้เข้าร่วมพิธีปฏิญาณตนว่าจะจงรักภักดี
ต่อองค์กรและปฏิบัติตามกฎขององค์กร
4) การบูรณาการ (Integration) คือการที่สมาชิกองค์กรรับรู้ว่า ตนเองมีความรู้สึกในระดับสูงเกี่ยวกับการ
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีสัมพันธภาพ มีความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรมีความสามัคคีภายในหมู่คณะ
5) กำหนดเป้าหมาย (Goal alignment) คือการที่สมาชิกองค์กรรับรู้ว่าตนเองมีการยอมรับจุดมุ่งหมายเป็นอันหนึ่ง
อันเดียวกันกับ องค์กร ในขณะที่ ฟิลาเกอร์และบาร์ลิ่ง (Fullager&Barling, 1989, pp. 215-217) ได้สรุปโดยรวมว่า บุคคลที่มีความจงรักภักดีต่อองค์กรมี 3 ลักษณะ ดังนี้
1) มีทัศนคติเชิงบวกต่อคุณค่าและเป้าหมายขององค์กร
2) มีความภูมิใจในการเป็นสมาชิกขององค์กร
3) ปรารถนาที่จะคงความเป็นสมาชิกขององค์กรไว้ ทั้งนี้ วิภา จันทร์หล้า (2559: 8) ได้สรุปแนวคิด ความจงรักภักดี
ต่อองค์กรคือ การที่บุคคลมีความผูกพันต่อองค์กรภูมิใจในการเป็นสมาชิกขององค์กรรู้สึกเป็นเจ้าของโดยเสียสละ
และทุ่มเทในการปฏิบัติ งานให้กับองค์กรเต็มที่ด้วยความเต็มใจ ด้วยกัน 3 มิติ ดังนี้
1) ด้านพฤติกรรมที่แสดงออก (Behavioral aspect) หมายถึง การแสดงออกถึงความไม่อยากย้ายไปจาก
บริษัทความต้องการที่จะย้ายตามบริษัท เมื่อบริษัทย้ายไปที่อื่น ปรารถนาที่จะคงความเป็นสมาชิกของบริษัทตลอดไป
2) ด้านความรู้สึก (Affective aspect) หมายถึงความรักที่จะทำงานกับบริษัท ความพึงพอใจในบริษัท มีความภูมิใจในการเป็นสมาชิกของบริษัท มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท
3) ด้านการรับรู้ (Cognitive aspect) หมายถึงความเชื่อมั่น และไว้วางใจในบริษัทความเชื่อถือในผู้บังคับบัญชา

UploadImage
บทสรุปความจงรักภักดีของพนักงานสำคัญต่อองค์กร
การเปลี่ยนแปลงต่างๆในปัจจุบัน ทำให้องค์กรต้องเผชิญกับสิ่งใหม่พร้อมทั้งปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายทั้งสภาพแวดล้อม ภายในและภายนอก แต่สิ่งสำคัญเพื่อให้เกิดประสิทธิผลของงานสำหรับองค์กรในการขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
นั้นเป็นเรื่องความจงรักภักดีของพนักงานที่มีต่อองค์กรองค์กรจึงต้องทำการพัฒนาให้พนักงานมีความจงรักภักดี ต่อองค์กร โดยใช้แนวทางตามแนวคิดของ แอด เลอร์ และแอดเลอร์ ที่ทำการพัฒนาให้สมาชิกของบริษัทเกิดความ
จงรักภักดีต่อองค์กร 5 ประการ คือ
1) ความมีอำนาจเหนือผู้อื่น เป็นเรื่องที่องค์กรต้องสร้างให้พนักงานสามารถทำงานภายใต้การบริหารของผู้ที่มี
ความเข้มแข็งและควบคุมกิจกรรม ในชีวิตของตนเองและงานได้
2) การแสดงเอกลักษณ์ โดยในประเด็นนี้องค์กรจะต้องทำให้พนักงานรับรู้ว่าตนเองมีการแสดงเอกลักษณ
์ของตนเองและกลุ่ม เพื่อสร้างแรงบันดาลใจจากบรรยากาศที่มีการกระตุ้นซึ่งกันและกัน ทำให้พนักงาน
เกิดความสนิทสนมกัน
3) ความผูกพัน เป็นการเน้นให้พนักงานในองค์กรรับรู้ว่าตนเองได้รับการกระตุ้นให้เกิดความจงรักภักดี
จากกิจกรรมที่ทำให้เกิดการปฏิบัติงานที่ดีและเห็นความสำคัญของการลงทุนจากการเข้าร่วมพิธีการต่างๆที่องค์กร จัดให้
4) การบูรณาการ องค์กรจะต้องทำให้พนักงานมีความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กร มีความสามัคคีภายในหมู่คณะ ทำงานร่วมกันมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สามารถทำงานเป็นทีมเดียวกันได้
5) กำหนดเป้าหมาย เป็นการสร้างให้พนักงานในองค์กรรับรู้ว่าตนเองต้องมีเป้าหมายในชีวิต เพื่อให้องค์กร
มีความภูมิใจ พึงพอใจในการปฏิบัติงาน โดยมุ่งพัฒนาให้องค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้
การที่จะพัฒนาให้พนักงานมีความผูกพันต่อองค์กรและมีความภาคภูมิใจในการเป็นพนักงานขององค์กรรู้สึก
เป็นเจ้าของโดยเสียสละและทุ่มเทในการปฏิบัติงานให้กับองค์กรเต็มที่ด้วยความเต็มใจนั้น สามารถพิจารณาได้จาก ความจงรักภักดีที่พนักงานแสดงออก 3 มิติด้วยกัน คือ
1) พฤติกรรมที่แสดงออก เช่น การทุ่มเทเวลาทำงานให้กับองค์กร
2) ความรู้สึก เช่น แจ้งผู้อื่นว่าตนทำงานในองค์กรแห่งนี้อย่างภาคภูมิใจ และ
3) การรับรู้ เช่น มีทัศนคติต่อองค์กรในทางที่ดี
ดังนั้น หากพนักงานเกิดความจงรักภักดีต่อองค์กรแล้ว องค์กรจะประสบผลสำเร็จและบรรลุจุดหมายปลายทางที่กำหนดได้ นอกจากนี้ พนักงานจะสามารถใช้ทรัพยากร ประกอบด้วย คน เงิน วัสดุอุปกรณ์ (รวมถึงอาคารสถานที่) และเทคโนโลยีที่มีอยู่ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด

เอกสารอ้างอิง

กรองกาญจน์ ทองสุข. (2554). แรงจูงใจในการปฏิบัติงานที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของบุคลากรในวิทยาลัยการอาชีพร้อยเอ็ดจังหวัดร้อยเอ็ด. การค้นคว้าอิสระบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, สาขาวิชาเอกการจัดการทั่วไป, คณะบริหารธุรกิจ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
จาตุรงค์ วัฒนศิริ. (2552).ความผูกพันความจงรักภักดีและการมีความสุขในการทำงานของครูโรงเรียนจินดาวัฒน์ จังหวัดระยอง. งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชา.
น้ำผึ้ง บุบผา. (2552). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความภักดีต่อองค์กร: บริษัทในเครือสยามกลการ จำกัด. การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เสนอเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาหลักสูตรปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารธุรกิจ ของมหาวิทยาลัยนเรศวร.
พยอม วงศ์สารศรี. (2545). การบริหารทรัพยากรมนุษย์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สุภา.
วรารัตน์ เขียวไพรี. (2550). การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ : Human resources management. กรุงเทพฯ: สิรบุตรการพิมพ์.
สาคร สุขศรีวงศ์. (2551). การจัดการ: จากมุมมองนักบริหาร (พิมพ์ครั้งที่4). กรุงเทพฯ: จี พี ไซเบอร์พรินท์.
วิภา จันทร์หล้า. (2559). ความจงรักภักดีของพนักงานที่มีต่อบริษัทโตโยต้า โกเซ เอเชีย จำกัด จังหวัดชลบุรี. หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร. (2560). ความจงรักภักดีของพนักงานต่อองค์กร มันหายไปจริงๆหรือ.สืบค้น 1 มิถุนายน 2560, จาก https://prakal.wordpress.com/
Adler,P. A., &Adler,P. (1988). Intense loyalty in Organizations: A case study of college Athleties.Administrative Science Quarterly, 33(3), 401-417.
Fletcher, G.P. (1993).Loyalty: An essay on the morality of relationships. New York: Oxford University Press.
Fullagar, C., &Barling, J. (1989).A longitudinal test of model of the antecedents and Consequences of union loyalty.Jounal of Appled Psychology, 71(2), 213-227

Most Popular

Categories

On Key

Related Posts

SPU เปิดตัว AI เพื่อนซี้ 24 ชั่วโมง นวัตกรรมเพื่อการศึกษายุคใหม่

SPU เปิดตัว AI เพื่อนซี้ 24 ชั่วโมง นวัตกรรมเพื่อการศึกษายุคใหม่

SPU เปิดตัว AI เพื่อนซี้ 24 ชั่วโมง นวัตกรรมสุดปัง! เพื่อการศึกษายุคใหม่ วงการการศึกษาต้องสั่นสะเทือน! เมื่อมหาวิทยาลัยศรีปทุม

ขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ระดับบัณฑิตศึกษา ประจำปีการศึกษา 2568 🎓 Graduate School Orientation 2025 at Sripatum University

🎓 ขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ระดับบัณฑิตศึกษา ประจำปีการศึกษา 2568 🗓 วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2568

ประกาศกิจกรรมและวันหยุดทำการ ประจำเดือนสิงหาคม 2568 ศูนย์รับสมัครนักศึกษา ระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยศรีปทุม

วันหยุดปฏิบัติงาน12 ส.ค. 68 | เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กิจกรรมประจำเดือน 2 ส.ค. 68

ค่าเทอมสาขา

คณะ/สาขาวิชาลักษณะการกู้ยืมฯเทอม 1ตลอด หลักสูตร
วิทยาลัยการบินและคมนาคม
การจัดการความปลอดภัยการบิน2 + Human*39,800 34,800310,200