“ธรรมแท้ ทำให้คนเป็นอิสระจากการยึดติด”
พระพุทธเจ้าตรัสว่า: “ผู้เห็นธรรมแล้วย่อมไม่ยึดมั่นในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และอารมณ์ทั้งหลาย”
(พระไตรปิฎก เล่ม 1 ข้อ 16)
ธรรมะข้อนี้ชี้ให้เห็นถึง “อิสรภาพทางใจ” อันเกิดจากปัญญาแห่งการรู้เท่าทันความจริงของโลก
เมื่อบุคคลเห็นธรรม ย่อมเข้าใจว่าทุกสิ่งเป็นของชั่วคราว ไม่ควรยึดมั่นหรือหลงติดในความสุขชั่วขณะ ความสำเร็จ หรือความล้มเหลว
ในทางการบริหารและการพัฒนาองค์กร การไม่ยึดติดทำให้เกิดความยืดหยุ่น พร้อมเรียนรู้ และปรับตัวได้ต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้นำและองค์กรยุคใหม่ที่มุ่งสู่ความยั่งยืน
True Dhamma Leads to Freedom from Attachment
The Buddha said: “One who has realized the Dhamma does not cling to forms, sounds, odors, tastes, tactile sensations, or mental objects.”
(Tipiṭaka Vol. 1, No. 16)
This principle of Dhamma highlights “mental liberation” arising from the wisdom of clearly perceiving the reality of the world.
When an individual realizes the Dhamma, they understand that everything is transient and should not be clung to, whether it be momentary pleasure, success, or failure.
In the context of management and organizational development, non-attachment fosters flexibility, a readiness to learn, and the ability to adapt quickly to change. These are essential qualities for modern leaders and organizations striving for sustainability.
โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน
วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มุ่งมั่นในการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยบูรณาการหลักธรรมทางพุทธศาสนาเข้ากับแนวคิดด้านการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ ภายใต้ “โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ช่วยให้ผู้บริหาร นักศึกษา และสังคมทั่วไป ได้พัฒนาทัศนะที่ถูกต้อง และนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม โปร่งใส และสมดุล สะท้อนพันธกิจของมหาวิทยาลัยในการเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อสังคมแห่งอนาคต (University for Sustainable Society) ที่มุ่งส่งเสริมทั้ง การพัฒนาปัญญา คุณธรรม และความยั่งยืน ควบคู่กันไป สอดคล้องกับแนวทางของ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้านการศึกษาที่มีคุณภาพ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีจริยธรรม และการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและเป็นธรรม
การเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
SDG 3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-being)
การปล่อยวางจากความยึดติดช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล สร้างจิตใจที่สงบและสมดุล
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 3.4 — การส่งเสริมสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีในทุกช่วงวัย
SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ (Quality Education)
ธรรมะข้อนี้ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ภายใน (Inner Growth) เพื่อพัฒนาปัญญาและเข้าใจความจริงของชีวิต
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 4.7 — การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและคุณค่าทางจริยธรรม
SDG 8: งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Decent Work and Economic Growth)
องค์กรที่ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม แต่เรียนรู้และปรับตัวได้อย่างมีสติ ย่อมสามารถสร้างนวัตกรรมและเติบโตอย่างยั่งยืน
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 8.2 — การเพิ่มผลิตภาพและนวัตกรรมในกระบวนการทำงาน
SDG 16: สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง (Peace, Justice and Strong Institutions)
เมื่อบุคคลและผู้นำมีจิตเป็นอิสระจากการยึดติด ย่อมดำเนินชีวิตและบริหารงานด้วยเมตตา โปร่งใส และยุติธรรม
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 16.6 — การสร้างสถาบันที่มีธรรมาภิบาลและโปร่งใส
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ธรรมะ” คือพลังแห่งปัญญาที่สามารถนำทางให้การบริหารจัดการดำเนินไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน จึงมุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงคุณค่าของในการคิด การตัดสินใจ และการดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนองค์กร สังคม และประเทศชาติไปสู่อนาคตที่สมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และจิตใจ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
“มหาวิทยาลัยแห่งการสร้างสังคมยั่งยืนด้วยปัญญาและคุณธรรม”#DhammaDrivenBusiness, #DrDhammaDriven, #DrVichitUon, #SPU, #SripatumUniversity, #WeCreateProfessionalsByProfessionals, #จากศาลาถึงบอร์ดรูม, #มหาวิทยาลัยศรีปทุม, #วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ, #สร้างมืออาชีพด้วยมืออาชีพ, #เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง



