“ธรรมะเป็นสิ่งที่ไม่จำกัดด้วยเวลา”
พระพุทธเจ้าตรัสว่า: “ธรรมะนี้ เป็นของเก่าแก่ มีมาแต่ดั้งเดิม ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา ใครเห็นธรรมนี้ ย่อมเห็นตถาคต”
(พระไตรปิฎก เล่ม 1 ข้อ 13)
ธรรมะข้อนี้สะท้อนให้เห็นว่า “สัจธรรมไม่เปลี่ยนตามกาลเวลา” ความจริงแท้ของธรรมะยังคงเป็นแนวทางแห่งปัญญาและคุณธรรมได้ในทุกยุคสมัย
แม้สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ หลักแห่งธรรมสามารถปรับใช้ได้เสมอ ทั้งในการดำเนินชีวิต การทำงาน และการบริหารองค์กร เพื่อให้ทุกการตัดสินใจตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและความดีงาม
Dhamma is Not Limited by Time (Akāliko)
The Buddha said: “This Dhamma is ancient, having existed from primordial times. It is not dependent on time. Whoever sees this Dhamma sees the Tathāgata.”
(Tipiṭaka Vol. 1, No. 13)
This principle of Dhamma reflects that “Truth does not change with time.” The ultimate reality of Dhamma remains a timeless guide toward wisdom and virtue in every era.
Even as society undergoes rapid change, the principles of Dhamma are universally applicable to one’s conduct of life, professional work, and organizational management. This ensures that every decision is founded upon the basis of correctness and goodness.
โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน
วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มุ่งมั่นในการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยบูรณาการหลักธรรมทางพุทธศาสนาเข้ากับแนวคิดด้านการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ ภายใต้ “โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ช่วยให้ผู้บริหาร นักศึกษา และสังคมทั่วไป ได้พัฒนาทัศนะที่ถูกต้อง และนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม โปร่งใส และสมดุล สะท้อนพันธกิจของมหาวิทยาลัยในการเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อสังคมแห่งอนาคต (University for Sustainable Society) ที่มุ่งส่งเสริมทั้ง การพัฒนาปัญญา คุณธรรม และความยั่งยืน ควบคู่กันไป สอดคล้องกับแนวทางของ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้านการศึกษาที่มีคุณภาพ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีจริยธรรม และการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและเป็นธรรม
การเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ (Quality Education)
การเรียนรู้ธรรมะซึ่งเป็นสัจธรรมที่ไม่จำกัดด้วยเวลา ช่วยปลูกฝังความเข้าใจในคุณธรรมและจริยธรรมที่มั่นคง
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 4.7 — การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
SDG 11: เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities)
เมื่อผู้คนยึดมั่นในธรรมะที่ไม่เปลี่ยนตามเวลา สังคมและชุมชนย่อมดำรงอยู่อย่างมีระเบียบ สมดุล และยั่งยืน
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 11.4 — การส่งเสริมคุณค่าทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาในสังคม
SDG 16: สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง (Peace, Justice and Strong Institutions)
ธรรมะในฐานะหลักความจริงที่ยืนยง เป็นรากฐานของการสร้างสังคมที่มีความยุติธรรม โปร่งใส และมั่นคงในคุณธรรม
🔗 สอดคล้องกับเป้าหมายย่อย 16.3 — การส่งเสริมหลักนิติธรรมและความเท่าเทียม
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ธรรมะ” คือพลังแห่งปัญญาที่สามารถนำทางให้การบริหารจัดการดำเนินไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน โครงการให้ความรู้แก่สังคมด้านธรรมะเชิงบริหารและการจัดการอย่างยั่งยืน จึงมุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงคุณค่าของในการคิด การตัดสินใจ และการดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนองค์กร สังคม และประเทศชาติไปสู่อนาคตที่สมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และจิตใจ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
“มหาวิทยาลัยแห่งการสร้างสังคมยั่งยืนด้วยปัญญาและคุณธรรม”#DhammaDrivenBusiness, #DrDhammaDriven, #DrVichitUon, #SPU, #SripatumUniversity, #WeCreateProfessionalsByProfessionals, #จากศาลาถึงบอร์ดรูม, #มหาวิทยาลัยศรีปทุม, #วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ, #สร้างมืออาชีพด้วยมืออาชีพ, #เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง



