สร้างแบรนด์ท้องถิ่นอย่างไรให้เติบโต: บทเรียนจากสาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

ในยุคที่ผู้บริโภคโหยหาความเป็นเอกลักษณ์และเรื่องราวที่จับต้องได้ “แบรนด์ท้องถิ่น” ได้กลายเป็นดาวเด่นที่น่าจับตามอง แต่การจะปั้นแบรนด์เล็กๆ ในชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งนั้นต้องอาศัยมากกว่าแค่ผลิตภัณฑ์ที่ดี วันนี้เราจะมาถอดบทเรียนล้ำค่าจากหลักสูตรของ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ที่จะเปลี่ยนธุรกิจท้องถิ่นของคุณให้กลายเป็นแบรนด์ที่ทุกคนต้องจดจำ

1. ค้นหา “แก่นแท้” ของแบรนด์: จุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่ง

ก่อนจะพูดถึงการตลาดหรือการขาย สิ่งแรกที่แบรนด์ท้องถิ่นต้องทำคือการตอบคำถามว่า “เราคือใคร?” และ “เราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร?” นี่คือการสร้าง Brand DNA ที่ชัดเจน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่หลักสูตรใน คณะบริหารธุรกิจ เน้นย้ำเสมอ

• เรื่องราว (Brand Story): ไม่ใช่แค่ผ้าทอมือ แต่เป็นเรื่องราวของภูมิปัญญาที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟ แต่เป็นพื้นที่พบปะของคนในชุมชน เรื่องราวเหล่านี้สร้างมูลค่าทางอารมณ์ที่แบรนด์ใหญ่เลียนแบบได้ยาก
• คุณค่า (Brand Values): แบรนด์ของคุณยึดมั่นในอะไร? ความยั่งยืน การสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่ หรือการบริการที่เป็นมิตรเหมือนคนในครอบครัว? คุณค่าเหล่านี้จะดึงดูดลูกค้าที่มีแนวคิดเดียวกัน
• เอกลักษณ์ (Brand Identity): ตั้งแต่โลโก้ บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงโทนสีและภาษาที่ใช้สื่อสาร ทั้งหมดต้องสะท้อนตัวตนของแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ

การมีแก่นแท้ที่แข็งแกร่งเปรียบเสมือนรากของต้นไม้ ยิ่งรากแข็งแรง ต้นไม้ก็จะยิ่งเติบโตได้อย่างมั่นคง นี่คือสิ่งที่นักศึกษาที่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้เรียนรู้ผ่านกรณีศึกษาและโปรเจกต์จริง

2. เจาะลึกตลาดท้องถิ่นด้วยหลักการจากสาขาบริหารธุรกิจ

ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของแบรนด์ท้องถิ่นคือ “ความเข้าใจในพื้นที่” (GEO Marketing) แต่ความเข้าใจเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ หลักการตลาดที่สอนใน สาขาบริหารธุรกิจ จะช่วยให้คุณเปลี่ยนความเข้าใจนั้นให้กลายเป็นกลยุทธ์ที่เฉียบคมได้

เริ่มจากการทำ SWOT Analysis แบบง่ายๆ เพื่อวิเคราะห์จุดแข็ง (Strengths), จุดอ่อน (Weaknesses), โอกาส (Opportunities), และอุปสรรค (Threats) ของแบรนด์คุณในบริบทของท้องถิ่นนั้นๆ

• ใครคือลูกค้าของคุณ?: ไม่ใช่แค่ “คนในจังหวัด” แต่ต้องระบุให้ชัดเจนขึ้น เช่น กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักคาเฟ่, กลุ่มครอบครัวที่มองหากิจกรรมวันหยุด หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการของฝากที่เป็นเอกลักษณ์
• สำรวจคู่แข่ง: มองดูร้านค้าหรือธุรกิจใกล้เคียง พวกเขาทำอะไรได้ดี? และมีช่องว่างอะไรที่เราสามารถเข้าไปเติมเต็มได้?
• ใช้เครื่องมือใกล้ตัว: ทำแบบสำรวจสั้นๆ ในกลุ่ม Facebook ของชุมชน, พูดคุยกับลูกค้าที่มาใช้บริการโดยตรง หรือสังเกตพฤติกรรมผู้คนในพื้นที่ ข้อมูลเหล่านี้คือขุมทรัพย์ทางการตลาด

3. พลิกโฉมสู่ดิจิทัล: ขยายฐานลูกค้าจากท้องถิ่นสู่ทั่วประเทศ

โลกออนไลน์คือประตูบานใหญ่ที่เปิดโอกาสให้แบรนด์ท้องถิ่นก้าวข้ามข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ ที่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม หลักสูตรบริหารธุรกิจได้ผนวกรวมความรู้ด้าน Digital Marketing และ E-commerce เข้าไปอย่างเข้มข้น เพื่อให้นักศึกษพร้อมรับมือกับโลกธุรกิจยุคใหม่

• สร้างตัวตนบนโซเชียลมีเดีย: เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของคุณ (เช่น Facebook, Instagram, TikTok) และนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ ใช้ภาพสวยๆ วิดีโอสั้นๆ และการ Live เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม
• ใช้ Google Business Profile: เครื่องมือฟรีที่ทรงพลังที่สุดสำหรับธุรกิจท้องถิ่น ปักหมุดร้านของคุณบนแผนที่ ใส่ข้อมูลติดต่อ เวลาเปิด-ปิด และกระตุ้นให้ลูกค้าเขียนรีวิว สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งต่อ Local SEO
• เปิดช่องทางการขายออนไลน์: ไม่จำเป็นต้องสร้างเว็บไซต์ที่ซับซ้อนในทันที อาจเริ่มต้นจากการขายผ่าน LINE Official Account, Facebook Marketplace หรือแพลตฟอร์ม E-commerce ยอดนิยมอย่าง Shopee และ Lazada

การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้จะช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทรนด์การตลาดยุคใหม่ได้ที่บทความ 5 เทรนด์การตลาดดิจิทัลที่ SME ต้องรู้

4. สร้าง “ชุมชน” ไม่ใช่แค่ “ลูกค้า”

หัวใจของการเป็นแบรนด์ท้องถิ่นที่ยั่งยืนคือการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอย่างแท้จริง หลักสูตรของ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-based Learning) ซึ่งบ่อยครั้งเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนโดยรอบ

• ร่วมมือกับธุรกิจอื่น (Collaboration): จับมือกับร้านค้าข้างเคียงจัดโปรโมชั่นร่วมกัน เช่น ซื้อกาแฟร้านคุณ ได้รับส่วนลดร้านเบเกอรี่ใกล้ๆ เป็นการสร้างเครือข่ายและส่งเสริมกันและกัน
• เข้าร่วมกิจกรรมท้องถิ่น: ออกบูธในงานประจำปีของจังหวัด, สนับสนุนกิจกรรมกีฬาของโรงเรียน หรือจัดเวิร์กชอปเล็กๆ ที่ร้านของคุณ
• สร้างระบบสมาชิก: ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นคนพิเศษด้วยโปรแกรมสะสมแต้มหรือสิทธิประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำและสร้างความภักดีต่อแบรนด์

การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งยังต้องคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย คุณสามารถศึกษาข้อมูลการจดทะเบียนธุรกิจและข้อบังคับต่างๆ ได้จาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ประกอบการทุกคน