บทบาทของตราสารอนุพันธ์ในการบริหารความเสี่ยงทางบัญชี

ไขรหัส ตราสารอนุพันธ์ เครื่องมือบริหารความเสี่ยงคู่ใจนักบัญชียุคใหม่

ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยความผันผวน การบริหารความเสี่ยงทางการเงินไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดความอยู่รอดขององค์กร บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกบทบาทของ “ตราสารอนุพันธ์” ซึ่งเป็น เครื่องมือ ทาง การเงิน ที่ซับซ้อน แต่ทรงพลัง และเป็นสิ่งที่บัณฑิต ปริญญาตรีบัญชี แห่งอนาคตต้องทำความเข้าใจ โดยเฉพาะที่ ม.ศรีปทุม (SPU) ที่พร้อมปั้น นักบัญชี มืออาชีพให้ก้าวทันโลก

ตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) คืออะไร

ตราสาร อนุพันธ์ (Derivatives) คือ สัญญาทาการเงินประเภทหนึ่งที่มูลค่าของมันไม่ได้มาจากตัวมันเอง แต่ อ้างอิง หรือ ผันแปร ตามมูลค่าของสินทรัพย์อื่น ที่เรียกว่า “สินทรัพย์อ้างอิง” (Underlying Asset)

ลองนึกภาพง่ายๆ เหมือนเราทำสัญญาจองซื้อทุเรียนจากสวนล่วงหน้า 3 เดือนในราคากิโลกรัมละ 150 บาท โดยจ่ายค่าจองไว้ส่วนหนึ่ง สัญญานี้ก็เปรียบเสมือนตราสารอนุพันธ์ เพราะมูลค่าของมันจะสูงขึ้นหรือต่ำลงขึ้นอยู่กับ “ราคาทุเรียนในตลาด” (สินทรัพย์อ้างอิง) ณ วันที่ครบกำหนดนั่นเอง

สินทรัพย์อ้างอิงสามารถเป็นได้หลากหลาย เช่น

  • อัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rates) สำหรับบริษัทที่มีการนำเข้า-ส่งออก
  • อัตราดอกเบี้ย (Interest Rates) สำหรับบริษัทที่มีหนี้สินหรือเงินกู้
  • ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) เช่น น้ำมัน ทองคำ สินค้าเกษตร
  • ราคาหุ้น หรือ ดัชนีหลักทรัพย์ (Stocks / Stock Indices)

ทำไม อนุพันธ์ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักบัญชี

หน้าที่หลักของ นักบัญชี ไม่ได้จบแค่การบันทึกตัวเลข แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลทางการเงินเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหาร โดยเฉพาะการ บริหารความเสี่ยง (Risk Management) ซึ่งตราสาร อนุพันธ์ เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในฐานะ เครื่องมือ ป้องกันความเสี่ยง (Hedging)

ตัวอย่างเช่น บริษัท A นำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกาและต้องจ่ายเงินเป็นดอลลาร์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า แต่มีความกังวลว่าค่าเงินบาทอาจจะอ่อนค่าลง (ต้องใช้เงินบาทมากขึ้นเพื่อแลก 1 ดอลลาร์) ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น บริษัทจึงสามารถใช้ตราสาร อนุพันธ์ ประเภทสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) เพื่อ “ล็อก” อัตราแลกเปลี่ยนไว้ ณ วันนี้ได้ ทำให้บริษัทสามารถคำนวณต้นทุนที่แน่นอนและตัดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินออกไป

บทบาทของนักบัญชีที่เรียนจบปริญญาตรีบัญชีในการจัดการอนุพันธ์

นักบัญชี คือผู้ที่ต้องบันทึกบัญชีและประเมินมูลค่าของตราสาร อนุพันธ์ เหล่านี้ให้ถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชี ซึ่งมีความซับซ้อนและต้องการความเข้าใจในหลัก การเงิน อย่างลึกซึ้ง การประเมินมูลค่ายุติธรรม (Fair Value) และการรับรู้ผลกำไรขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ล้วนเป็นทักษะสำคัญที่บัณฑิต ปริญญาตรีบัญชี ต้องมีติดตัว

ประเภทของตราสารอนุพันธ์ที่นักบัญชีควรรู้จัก

ตราสารอนุพันธ์มีหลายประเภท แต่ที่พบบ่อยในโลกธุรกิจ ได้แก่

  • สัญญาฟอร์เวิร์ด (Forwards) และฟิวเจอร์ส (Futures): สัญญาที่ตกลงจะซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในอนาคตตามราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เหมาะสำหรับการล็อกราคา
  • ออปชัน (Options): สัญญาที่ให้ “สิทธิ” (แต่ไม่ใช่ภาระผูกพัน) ในการซื้อ (Call Option) หรือขาย (Put Option) สินทรัพย์อ้างอิงในอนาคตตามราคาที่กำหนด ผู้ซื้อออปชันจะมีความยืดหยุ่นสูงกว่า
  • สวอป (Swaps): สัญญาแลกเปลี่ยนกระแสเงินสดในอนาคตระหว่างคู่สัญญา 2 ฝ่าย เช่น การแลกเปลี่ยนภาระดอกเบี้ยจากอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Interest Rate Swap)

เรียน ปริญญาตรีบัญชี ที่ SPU เตรียมพร้อมสู่โลกการเงินยุคใหม่

การทำความเข้าใจเรื่องที่ซับซ้อนอย่างตราสาร อนุพันธ์ และการนำมาประยุกต์ใช้ในงานบัญชีนั้น จำเป็นต้องอาศัยหลักสูตรการเรียนการสอนที่ทันสมัยและลงลึกในรายละเอียด หลักสูตร ปริญญาตรีบัญชี ที่ ม.ศรีปทุม (SPU) ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายนี้โดยเฉพาะ

ที่ SPU นักศึกษาจะได้เรียนรู้มากกว่าแค่เดบิต-เครดิต แต่จะเจาะลึกไปถึงการบัญชีการเงินขั้นสูง การวิเคราะห์งบการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ เครื่องมือ ทาง การเงิน ที่ซับซ้อน ทำให้นักศึกษามีความพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็น นักบัญชี ยุคใหม่ที่ไม่ได้เป็นแค่ผู้บันทึกข้อมูล แต่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่องค์กรไว้วางใจ


ดูรายละเอียดหลักสูตรบัญชี SPU ที่นี่

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับตราสารอนุพันธ์และงานบัญชี

ถาม: ต้องเก่งคณิตศาสตร์มากไหมถึงจะเข้าใจเรื่องอนุพันธ์ในงานบัญชี?

ตอบ: ไม่จำเป็นต้องเป็นเลิศด้านคณิตศาสตร์ แต่ต้องมีทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงตรรกะที่แข็งแกร่ง หลักสูตร ปริญญาตรีบัญชี ที่ ม.ศรีปทุม จะช่วยสร้างพื้นฐานและพัฒนาทักษะเหล่านี้ผ่านกรณีศึกษาและโจทย์ที่นำไปใช้ได้จริง ทำให้คุณเข้าใจแนวคิดเบื้องหลังและวิธีการบันทึกบัญชีได้อย่างถูกต้อง

ถาม: การใช้ตราสารอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) กับการเก็งกำไร (Speculation) ต่างกันอย่างไรในมุมมองนักบัญชี?

ตอบ: Hedging คือการใช้ อนุพันธ์ เพื่อลดหรือขจัดความเสี่ยงที่มีอยู่แล้ว เช่น บริษัทนำเข้าที่กังวลเรื่องค่าเงิน ส่วน Speculation คือการสร้างความเสี่ยงขึ้นมาใหม่โดยคาดหวังผลกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคา ในทางบัญชี การบันทึกบัญชีสำหรับ Hedging จะมีหลักเกณฑ์เฉพาะ (Hedge Accounting) ที่ช่วยให้งบการเงินสะท้อนวัตถุประสงค์ของการป้องกันความเสี่ยงได้ดีกว่า ซึ่ง นักบัญชี ต้องแยกแยะและบันทึกให้ถูกต้อง

ถาม: จะหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับตราสารอนุพันธ์ในประเทศไทยได้จากที่ไหน?

ตอบ: แหล่งข้อมูลที่ดีเยี่ยมคือเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ อนุพันธ์ ที่มีการซื้อขายในประเทศ รวมถึงความรู้พื้นฐานและข้อมูลสถิติต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและทำงานจริง
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ


โดยสรุป ตราสาร อนุพันธ์ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็น เครื่องมือ ทาง การเงิน ที่สำคัญซึ่ง นักบัญชี ยุคใหม่ต้องเชี่ยวชาญ การเลือกศึกษาต่อในหลักสูตร ปริญญาตรีบัญชี ที่เข้าใจถึงความต้องการของโลกธุรกิจปัจจุบันอย่างที่ คณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญสู่ความสำเร็จในสายอาชีพนี้


“`

Most Popular

Categories