Data Analytics และคลาวด์ : เครื่องมือสำคัญยกระดับธุรกิจบัญชีสู่ยุคดิจิทัล

Data Analytics ทักษะสำคัญสร้างนักบัญชียุคดิจิทัล

 

สวัสดีน้องๆ ชาว Gen Z ทุกคน วันนี้อยากจะมาชวนคุยเรื่องที่หลายคนอยากรู้… นั่นคือเรื่อง “บัญชี” พี่สัญญาว่ามันจะไม่ใช่เรื่องตัวเลขน่าเบื่อๆ กองเอกสารท่วมหัว หรือภาพจำนักบัญชีใส่แว่นหนาเตอะอีกต่อไป เพราะวันนี้เราจะมาพูดถึง 2 ฮีโร่ที่จะมาปฏิวัติวงการนี้ให้โคตรคูล นั่นก็คือ Data Analytics และ Cloud Computing นั่นเอง

เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Netflix ถึงรู้ใจเราว่าชอบดูหนังแนวไหน? หรือทำไม Shopee ถึงยิงโฆษณาสินค้าที่เราเพิ่งนึกอยากได้มาให้เห็นเป๊ะๆ? คำตอบของเรื่องพวกนี้ซ่อนอยู่ใน “ข้อมูล” และคนที่อยู่เบื้องหลังการไขความลับนี้ ก็คือคนที่มีสกิลด้าน Data Analytics นี่แหละ และตอนนี้สกิลนี้กำลังจะกลายเป็นสกิลสามัญประจำตัวของ “นักบัญชียุคใหม่” ที่ไม่ได้มีหน้าที่แค่บวกเลข แต่เป็นถึง “ที่ปรึกษาคนสำคัญ” ของธุรกิจเลยทีเดียว!

“บัญชี” ไม่ใช่แค่ตัวเลขและเครื่องคิดเลขอีกต่อไป

ลบภาพจำเก่าๆ ทิ้งไปให้หมด! สมัยก่อนงานบัญชีอาจจะเน้นไปที่การบันทึกข้อมูลที่เกิดขึ้นแล้ว (Past Data) เช่น เดือนที่แล้วขายได้เท่าไหร่? มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง? ซึ่งก็สำคัญนะ แต่มันเหมือนการมองกระจกหลัง ขับรถไปข้างหน้าแต่มองแต่สิ่งที่ผ่านไปแล้ว

แต่ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) ธุรกิจต้องการมากกว่านั้น พวกเขาต้องการคนที่สามารถมองไปข้างหน้า (Forward-Looking) สามารถใช้ข้อมูลในมือมาวิเคราะห์เพื่อตอบคำถามที่ซับซ้อนขึ้นได้ เช่น:

  • ทำไมยอดขายเดือนนี้ถึงตก? เป็นเพราะคู่แข่งออกโปรใหม่ หรือเพราะแคมเปญการตลาดเราไม่ปัง?
  • สินค้าตัวไหนคือดาวเด่นที่ทำกำไรสูงสุด และตัวไหนคือตัวถ่วงที่ควรเลิกขาย?
  • ลูกค้ากลุ่มไหนคือกลุ่มที่ “รักจริง” และมีแนวโน้มจะกลับมาซื้อซ้ำมากที่สุด?
  • ในอีก 3 เดือนข้างหน้า บริษัทเราจะมีเงินสดพอจ่ายเงินเดือนพนักงานมั้ย?

เห็นมั้ยว่าคำถามพวกนี้มันไม่ใช่แค่การบวกลบคูณหารธรรมดา แต่มันคือการ “วิเคราะห์” เพื่อหา Insight หรือความจริงที่ซ่อนอยู่ ซึ่งนี่แหละคือสนามเด็กเล่นใหม่ของนักบัญชีที่พกอาวุธสุดเทพอย่าง Data Analytics และ Cloud ติดตัวมาด้วย!

ทำความรู้จัก 2 ฮีโร่ : Data Analytics และ Cloud

ก่อนจะไปดูว่าสองอย่างนี้มันรวมพลังกันยังไง เรามาทำความรู้จักทีละตัวแบบเข้าใจง่ายๆ สไตล์เด็กมหา’ลัยกันก่อน

1. Cloud Computing: ออฟฟิศลอยฟ้า ทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา

น้องๆ ทุกคนใช้ Cloud กันอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัว! ไม่ว่าจะเป็น Google Drive, iCloud, Spotify, หรือ Netflix ทั้งหมดนี้คือบริการบนคลาวด์ทั้งนั้น พูดง่ายๆ Cloud ก็เหมือน “ฮาร์ดดิสก์ขนาดยักษ์บนอินเทอร์เน็ต” ที่เราสามารถเก็บข้อมูล โปรแกรม หรืออะไรก็ตามไว้ในนั้น แล้วเรียกใช้จากที่ไหนก็ได้ที่มีเน็ต ไม่ต้องพกแฟลชไดรฟ์หรือ External Harddisk ให้วุ่นวายอีกต่อไป

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับบัญชี?

  • ข้อมูลรวมศูนย์แบบ Real-time: ลืมเรื่องการส่งไฟล์ Excel ไปมาทางอีเมลแล้วสับสนว่าอันไหนคือเวอร์ชันล่าสุดไปได้เลย โปรแกรมบัญชีบนคลาวด์ (เช่น Xero, FlowAccount) ทำให้ทุกคนในทีมเห็นข้อมูลชุดเดียวกัน อัปเดตพร้อมกันแบบวินาทีต่อวินาที เจ้าของกิจการเปิดดูรายงานได้จากมือถือตอนไปเที่ยวต่างประเทศ ส่วนนักบัญชีก็ทำงานจากที่บ้านได้สบายๆ
  • ลดความผิดพลาดและงานซ้ำซ้อน: โปรแกรมพวกนี้สามารถเชื่อมต่อกับธนาคารเพื่อดึงข้อมูลรายการเดินบัญชีได้อัตโนมัติ ไม่ต้องมานั่งคีย์ทีละรายการ ลดโอกาสพิมพ์ผิดไปได้เยอะมาก!
  • ความปลอดภัยสูงกว่าที่คิด: หลายคนกลัวว่าเอาข้อมูลไปไว้บนคลาวด์จะโดนแฮก แต่จริงๆ แล้วผู้ให้บริการระดับโลกเขามีทีมงานและระบบรักษาความปลอดภัยที่โหดกว่าการเก็บไฟล์ไว้ในคอมพิวเตอร์ที่ออฟฟิศเยอะ แถมยังมีการสำรองข้อมูลอัตโนมัติ ไฟดับ ฮาร์ดดิสก์พัง ข้อมูลก็ไม่หาย!

2. Data Analytics: นักสืบข้อมูล ไขรหัสลับทางธุรกิจ

ถ้า Cloud คือที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ Data Analytics ก็คือ “แว่นขยายอัจฉริยะ” หรือ “เครื่องมือของนักสืบ” ที่ใช้ส่องเข้าไปในกองข้อมูลมหาศาลนั้นเพื่อหา “รูปแบบ (Pattern)”, “แนวโน้ม (Trend)”, และ “ความเชื่อมโยง (Connection)” ที่คนธรรมดามองไม่เห็น

ลองนึกภาพตามนะ: สมมติเราเปิดร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ ข้อมูลที่เรามีคือ…

  • ข้อมูลการขาย: เสื้อแบบไหนขายดี? สีอะไรขายดีสุด? ขายดีวันไหนของสัปดาห์?
  • ข้อมูลลูกค้า: ลูกค้าส่วนใหญ่อายุเท่าไหร่? อยู่จังหวัดไหน? ซื้อผ่านช่องทางไหน (Facebook, IG, Website)?
  • ข้อมูลการตลาด: โฆษณาตัวไหนคนคลิกเยอะสุด? คอนเทนต์แบบไหนคนชอบ?

Data Analytics จะช่วยเอาข้อมูลทั้งหมดนี้มายำรวมกัน แล้วบอกเราได้ว่า “กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นหญิงอายุ 15-18 ปีในกรุงเทพฯ ที่เห็นโฆษณาบน Instagram Story ตอน 2 ทุ่มของวันศุกร์ มีแนวโน้มจะซื้อเสื้อยืดสีพาสเทลมากที่สุด”

พอเรารู้แบบนี้ปุ๊บ… ก็เหมือนมีแผนที่ขุมทรัพย์อยู่ในมือ เราจะรู้เลยว่าต้องทำโฆษณาแบบไหน ยิงไปหาใคร ในเวลาไหน เพื่อให้ขายดีที่สุด! นี่แหละคือพลังของการวิเคราะห์ข้อมูล

เมื่อ Cloud + Data Analytics รวมพลังในงานบัญชี : The Perfect Combo!

เมื่อสองฮีโร่มารวมพลังกัน งานบัญชีก็จะอัปเกรดจากเลเวล 1 ไปเป็นเลเวล 99 ทันที! มาดูกันว่ามันเจ๋งยังไง

“นักบัญชีในอนาคตจะไม่ใช่คนที่มาบอกคุณว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน แต่จะเป็นคนที่ใช้ข้อมูลเพื่อบอกคุณว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ และคุณควรจะทำอย่างไรกับมัน”

1. จาก “ผู้บันทึก” สู่ “ที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์”

นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด! เพราะ Cloud ช่วยลดงานเอกสารซ้ำซ้อนน่าเบื่อ (Automation) ทำให้นักบัญชีมีเวลามากขึ้น และ Data Analytics ก็มอบเครื่องมือให้นำเวลานั้นไปทำงานที่ “ใช้สมอง” และมีคุณค่ามากขึ้น

  • แบบเก่า: “นี่คือรายงานกำไรขาดทุนของเดือนที่แล้วค่ะ” (บอกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว)
  • แบบใหม่ (ใช้ Data Analytics): “จากรายงานจะเห็นว่ากำไรเราลดลง 15% ซึ่งสาเหตุหลักมาจากต้นทุนวัตถุดิบ A ที่สูงขึ้น และยอดขายจากสาขาเชียงใหม่ตกลงอย่างมีนัยสำคัญ พี่แนะนำว่าเราควรลองหาซัพพลายเออร์เจ้าใหม่สำหรับวัตถุดิบ A และทำโปรโมชันกระตุ้นยอดขายที่เชียงใหม่โดยด่วนค่ะ” (วิเคราะห์สาเหตุ + เสนอทางแก้ปัญหา)

นักบัญชีจะกลายเป็นเหมือน Co-pilot หรือผู้ช่วยนักบินที่คอยให้ข้อมูลสำคัญๆ กับ CEO (กัปตัน) เพื่อช่วยตัดสินใจนำพาธุรกิจไปในทิศทางที่ถูกต้อง

2. สร้าง Dashboard เห็นภาพรวมธุรกิจแบบเรียลไทม์

ลืมรายงาน Excel ที่เต็มไปด้วยตัวเลขตาลายไปได้เลย! เดี๋ยวนี้เราสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Power BI, Google Data Studio, หรือ Tableau ดึงข้อมูลจากโปรแกรมบัญชีบนคลาวด์ มาสร้างเป็น “Dashboard” หรือแผงควบคุมที่แสดงผลเป็นกราฟสวยงาม เข้าใจง่าย อัปเดตตลอดเวลา ผู้บริหารแค่มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าตอนนี้สถานการณ์บริษัทเป็นยังไง ยอดขายถึงเป้าไหม เงินสดเหลือเท่าไหร่ เหมือนเล่นเกมแล้วเห็นค่าพลังชีวิตของตัวเองตลอดเวลานั่นแหละ!

3. คาดการณ์อนาคต (Predictive Analytics)

นี่คือขั้นกว่าของการวิเคราะห์! โดยการนำข้อมูลในอดีตมาเข้าโมเดลทางสถิติเพื่อ “ทำนาย” สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น

  • ทำนายยอดขายในไตรมาสหน้า
  • ทำนายกระแสเงินสด (Cash Flow) เพื่อวางแผนการเงินล่วงหน้า
  • วิเคราะห์หาโอกาสในการทุจริต โดยการหา Pattern การทำธุรกรรมที่ผิดปกติ

มันเหมือนมีเวทมนตร์ที่ช่วยให้เรามองเห็นอนาคตลางๆ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเตรียมตัวรับมือได้ก่อนที่ปัญหาจะเกิดจริง

แล้วเราในฐานะ “เด็กยุคใหม่” ต้องเตรียมตัวยังไง?

ฟังมาถึงตรงนี้ ถ้าน้องๆ เริ่มรู้สึกว่า “เฮ้ย! มันก็เจ๋งดีนะ” พี่บอกเลยว่านี่คือโอกาสทอง! เพราะทักษะด้านนี้ยังขาดแคลนและเป็นที่ต้องการของตลาดมากๆ ใครมีสกิลนี้ติดตัวไปรับรองว่าอนาคตไกลแน่นอน แล้วจะเริ่มยังไงดีล่ะ?

  1. เปิดใจกับเทคโนโลยีและตัวเลข: อย่าเพิ่งกลัว! มองว่ามันคือเครื่องมือไขปริศนาสนุกๆ ลองเล่นโปรแกรมง่ายๆ อย่าง Google Sheets หรือ Excel ให้คล่อง (ฟังก์ชัน PivotTable, VLOOKUP, การสร้างกราฟ คือพื้นฐานที่สำคัญมาก)
  2. ฝึกสกิลการคิดวิเคราะห์ (Analytical Thinking): ทักษะนี้ไม่ได้อยู่แค่ในวิชาคณิตฯ เวลาเราอ่านข่าว ดูหนัง หรือเล่นเกม ลองฝึกตั้งคำถาม “ทำไม?” เสมอ ทำไมตัวละครนี้ถึงตัดสินใจแบบนั้น? ทำไมข่าวนี้ถึงเป็นกระแส? การฝึกตั้งคำถามและหาเหตุผลคือหัวใจของการวิเคราะห์
  3. เรียนรู้เครื่องมือพื้นฐาน: ลองเข้าไปดูว่าโปรแกรมอย่าง Power BI หรือ Google Data Studio หน้าตาเป็นยังไง มีคลิปสอนฟรีใน YouTube เยอะแยะมากมาย ลองทำตามดู ไม่ต้องเก่ง แต่แค่ให้รู้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง
  4. ภาษาอังกฤษคือประตูสู่โลกกว้าง: อันนี้เรื่องจริง! เพราะแหล่งความรู้ คอร์สเรียนดีๆ และโปรแกรมส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษหมด ใครได้ภาษาจะได้เปรียบแบบสุดๆ

Q&A ถาม-ตอบสไตล์รุ่นพี่ เคลียร์ทุกข้อสงสัย!

Q1: Emอยากทำสายนี้ ต้องเก่งคณิตศาสตร์ระดับโอลิมปิกเลยมั้ยครับ/คะ?

A: ไม่จำเป็นเลย! สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ทักษะการคิดเชิงตรรกะ (Logical Thinking)” และการเข้าใจธุรกิจมากกว่าการแก้สมการแคลคูลัสยากๆ เพราะการคำนวณซับซ้อนส่วนใหญ่โปรแกรมคอมพิวเตอร์จัดการให้หมดแล้ว หน้าที่ของเราคือตั้งคำถามให้ถูก และตีความผลลัพธ์ที่โปรแกรมแสดงออกมาให้เป็น ถ้าบวกลบคูณหารได้ เข้าใจเรื่องเปอร์เซ็นต์และค่าเฉลี่ย ก็เริ่มต้นได้สบายมาก!

Q2: ถ้าไม่ได้อยากเป็นนักบัญชี เรียนรู้เรื่อง Data Analytics ไปทำอะไรได้บ้าง?

A: โอ้โห! ทำได้ทุกอย่างเลย! นี่คือ “ทักษะข้ามสายพันธุ์” ที่เอาไปใช้ได้กับทุกอาชีพจริงๆ นะ
การตลาด: วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อทำแคมเปญให้โดนใจ
เจ้าของธุรกิจ: ตัดสินใจขยายสาขา หรือออกสินค้าใหม่โดยใช้ข้อมูล ไม่ใช่แค่ความรู้สึก
HR: วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาว่าทำไมพนักงานถึงลาออกเยอะ และจะรักษาคนเก่งๆ ไว้ได้ยังไง
สายเกม: วิเคราะห์พฤติกรรมผู้เล่นเพื่อออกแบบด่านหรือไอเทมใหม่ๆ
เรียกได้ว่าไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรในอนาคต สกิลนี้จะทำให้เราโดดเด่นกว่าคนอื่นแน่นอน

Q3: น่าสนใจมาก! อยากลองเริ่มเรียนรู้ตอนนี้เลย มีคอร์สฟรีหรือช่องทางไหนแนะนำมั้ย?

A: จัดไป! ยุคนี้ความรู้อยู่แค่ปลายนิ้ว
YouTube: คือครูที่ดีที่สุด! ลองค้นหาคำว่า “Power BI Tutorial for Beginners” หรือ “Google Data Studio พื้นฐาน” มีช่องไทยและเทศดีๆ เพียบ
Google Analytics Academy: Google มีคอร์สสอนใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลของตัวเองฟรีๆ เลย ลองเข้าไปดูได้ ได้ใบเซอร์ด้วยนะ
Kaggle: สำหรับสายแอดวานซ์ขึ้นมาหน่อย ที่นี่เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นของคนทำ Data มีข้อมูลจริงให้ลองเอาไปวิเคราะห์เล่นๆ และมีการแข่งขันด้วย

Q4: เอาข้อมูลสำคัญของบริษัทไปไว้บน Cloud จะปลอดภัยจริงเหรอ? กลัวข้อมูลรั่วมาก

A: เป็นคำถามที่ดีมาก! จริงๆ แล้วการเก็บข้อมูลบน Cloud กับผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ (เช่น Microsoft Azure, Amazon Web Services, Google Cloud) มีความปลอดภัยสูงกว่าการเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเองด้วยซ้ำ เพราะเขามีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยระดับโลกคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง มีการเข้ารหัสข้อมูลที่ซับซ้อน และมีระบบป้องกันการโจมตีที่ดีกว่าที่เราจะทำเองได้เยอะมาก เทียบง่ายๆ ก็เหมือนฝากเงินไว้ในตู้เซฟของธนาคาร กับเก็บเงินสดไว้ใต้หมอนที่บ้านนั่นแหละ แบบแรกปลอดภัยกว่าแน่นอน!

บทสรุป : อนาคตอยู่ในมือเรา

โลกกำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และอาชีพบัญชีก็เช่นกัน มันไม่ใช่สายงานที่น่าเบื่อหรือตันอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในอาชีพที่น่าตื่นเต้นและสำคัญที่สุดในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล การผสมผสานระหว่างความรู้ด้านบัญชี, เทคโนโลยีคลาวด์, และทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล คือ “สูตรสำเร็จ” ที่จะทำให้น้องๆ กลายเป็นบุคลากรที่ทุกบริษัทต้องการตัว

ดังนั้น อย่ากลัวที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ลองผิดลองถูก และก้าวออกจากกรอบเดิมๆ อนาคตของวงการบัญชีและโลกธุรกิจอยู่ในมือของคนรุ่นใหม่อย่างพวกเรานี่แหละ!

Most Popular

Categories