Cloud Accounting: การบัญชีบนคลาวด์กับการปรับตัวของธุรกิจยุคดิจิทัล

Hey เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาว Gen Z! เคยฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองมั้ย?

เชื่อว่าหลายคนในที่นี้ต้องเคยแน่ๆ! ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านขายของออนไลน์เล็กๆ, ทำแบรนด์เสื้อผ้าเท่ๆ, เป็น Youtuber, หรือแม้แต่ทำสติ๊กเกอร์ไลน์ขาย ทุกวันนี้การเป็น “เจ้าของกิจการ” มันเข้าถึงง่ายกว่าสมัยก่อนเยอะมาก แต่พอเริ่มทำไปสักพัก… เราก็จะเจอกับกำแพงด่านหนึ่งที่ชื่อว่า “การบัญชี”

แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกปวดหัวแล้วใช่ปะ? ภาพของตัวเลขยุบยับ, เอกสารกองเท่าภูเขา, โปรแกรม Excel ที่สูตรซับซ้อนจนงงไปหมด… ภาพจำพวกนี้แหละที่ทำให้หลายคนถอดใจ แต่เดี๋ยวก่อน! วันนี้ในฐานะรุ่นพี่ที่คลุกคลีกับเรื่องพวกนี้มาพอสมควร จะมาเล่าให้ฟังว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เรามีสุดยอดผู้ช่วยที่เรียกว่า “Cloud Accounting” หรือ “การบัญชีบนคลาวด์” ที่จะมาเปลี่ยนเรื่องน่าเบื่อให้กลายเป็นเรื่องโคตรง่าย!

Cloud Accounting คืออะไร? มันกินได้มั้ย?

ใจเย็นๆ มันกินไม่ได้ 555+ แต่ประโยชน์ของมันอร่อยมาก!

ให้ลองนึกภาพตามง่ายๆ นะ…

Cloud Accounting ก็เหมือนกับ Google Docs หรือ Canva แต่เป็นเวอร์ชันสำหรับ “ตัวเลขและการเงิน” ของธุรกิจเรานั่นเอง

สมัยก่อน เวลาจะทำบัญชี เราต้องลงโปรแกรมบัญชีไว้ในคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งเท่านั้น (เรียกว่า On-premise) อยากจะดูข้อมูลทีก็ต้องเปิดคอมเครื่องนั้น จะส่งให้คนอื่นดูก็ต้องเซฟไฟล์ใส่แฟลชไดรฟ์หรือส่งอีเมลไปมา วุ่นวายสุดๆ แถมถ้าคอมพังหรือติดไวรัส… บอกเลยว่าน้ำตาตกใน ข้อมูลหายหมด!

แต่ Cloud Accounting จะเก็บข้อมูลทุกอย่างของธุรกิจเรา ไม่ว่าจะเป็นรายรับ, รายจ่าย, บิล, ใบเสร็จ, ข้อมูลลูกค้า ไว้บน “เซิร์ฟเวอร์กลาง” ที่เราเรียกกันติดปากว่า “คลาวด์” (Cloud) ซึ่งเราสามารถเข้าถึงข้อมูลพวกนี้ได้จากทุกที่ ทุกเวลา แค่มีอินเทอร์เน็ตกับอุปกรณ์อะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก, แท็บเล็ต หรือแม้แต่มือถือ!

ตารางเทียบชัดๆ: บัญชีแบบเก่า (On-premise) VS บัญชีบนคลาวด์ (Cloud Accounting)

หัวข้อ 💾 บัญชีแบบดั้งเดิม (On-premise) ☁️ การบัญชีบนคลาวด์ (Cloud Accounting)
การเข้าถึงข้อมูล ต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่ลงโปรแกรมไว้เท่านั้น เข้าถึงได้จากทุกที่ ทุกอุปกรณ์ แค่มีอินเทอร์เน็ต
ความเรียลไทม์ ข้อมูลไม่อัปเดตทันที ต้องรอคนมาคีย์ข้อมูล ข้อมูลอัปเดตแบบ Real-time เห็นยอดขายทันทีที่เกิด
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น สูงมาก! ต้องซื้อ License โปรแกรมราคาแพง ต่ำมาก หรือไม่มีเลย จ่ายเป็นรายเดือน/รายปี (Subscription)
การทำงานร่วมกัน ทำได้ยาก ต้องส่งไฟล์ไปมา เสี่ยงข้อมูลไม่ตรงกัน ง่ายมาก! ชวนทีมงานหรือนักบัญชีเข้ามาดูข้อมูลได้พร้อมกัน
ความปลอดภัยของข้อมูล ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์ของเรา ถ้าคอมพัง/โดนไวรัส ข้อมูลอาจหาย สูงมาก ผู้ให้บริการมีทีมงานดูแลเซิร์ฟเวอร์และมีการสำรองข้อมูลตลอดเวลา
การอัปเดตโปรแกรม ต้องทำเอง หรือจ้างคนมาทำ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ผู้ให้บริการอัปเดตให้อัตโนมัติ เราได้ใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ ตลอด

ข้อดีของ Cloud Accounting มีอะไรบ้าง? ทำไมธุรกิจยุคใหม่ถึงต้องใช้?

1. ทำงานที่ไหนก็ได้ แค่ใจเราอยากทำ (Work from Anywhere)

นี่คือจุดแข็งที่สุด! เราอาจจะกำลังนั่งคาเฟ่คิดงาน, เดินทางไปต่างจังหวัด, หรือนอนเล่นอยู่บ้าน ก็สามารถเปิดมือถือขึ้นมาเช็คยอดขาย, ออกใบเสนอราคาให้ลูกค้า, หรือดูว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรที่ต้องจ่ายได้ทันที ไม่ต้องรอเข้าออฟฟิศ ไม่ต้องแบกโน้ตบุ๊กเครื่องหนักๆ ไปทุกที่ มันคือความอิสระที่เจ้าของธุรกิจยุคดิจิทัลต้องการ

2. เห็นข้อมูลแบบเรียลไทม์ ตัดสินใจได้คมกว่า! (Real-time Data)

ลืมไปเลยกับการรอสิ้นเดือนเพื่อให้นักบัญชีสรุปยอด! ด้วย Cloud Accounting ทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นจะถูกบันทึกทันที เช่น พอเราขายของได้ 1 ชิ้น ระบบก็จะตัดสต็อกและบันทึกรายรับให้เลย ทำให้เราเห็นสถานะการเงินของธุรกิจแบบสดๆ ร้อนๆ ว่าตอนนี้กำไรหรือขาดทุน มีเงินสดในมือเท่าไหร่ ทำให้เราตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ได้เร็วและแม่นยำขึ้น เช่น ควรจะสั่งของเพิ่มมั้ย? ควรจะจัดโปรโมชันลดราคาตอนนี้ดีรึเปล่า?

3. ประหยัดต้นทุนกว่าที่คิดเยอะ (Cost-Effective)

อย่างที่บอกไปในตาราง การใช้โปรแกรมบัญชีแบบเก่าต้องลงทุนก้อนใหญ่เพื่อซื้อโปรแกรม แต่ Cloud Accounting ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบการ “เช่าใช้” หรือที่เรียกว่า SaaS (Software as a Service) คือจ่ายเป็นรายเดือนหรือรายปีในราคาที่จับต้องได้ เริ่มต้นแค่หลักร้อยบาทต่อเดือนเท่านั้น! ซึ่งมันเหมาะมากๆ กับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นหรือ SME ในประเทศไทยที่งบยังไม่เยอะ แถมยังช่วยลดต้นทุนค่ากระดาษ ค่าปรินต์เอกสาร และค่าจัดเก็บไปได้อีกมหาศาล

4. ทำงานร่วมกับทีมง่ายเหมือนสั่งพิซซ่า (Easy Collaboration)

ถ้าเรามีหุ้นส่วนหรือมีทีมงานหลายคน Cloud Accounting จะเป็นเหมือนศูนย์กลางที่ทุกคนเข้ามาดูข้อมูลชุดเดียวกันได้ เราสามารถกำหนดสิทธิ์ได้ว่าใครจะเห็นหรือแก้ไขอะไรได้บ้าง เช่น ให้ฝ่ายขายดูได้แค่ใบเสนอราคา, ให้ฝ่ายจัดซื้อดูได้แค่ใบสั่งซื้อ และให้นักบัญชีดูได้ทั้งหมด ไม่ต้องส่งไฟล์ Excel เวอร์ชัน v.1, v.2, final, final_real, final_ส่งอาจารย์ ไปมาให้สับสนอีกต่อไป!

5. ปลอดภัยหายห่วง เหมือนมี รปภ. ดูแลข้อมูล 24 ชั่วโมง (High Security)

หลายคนอาจกังวลว่าเอาข้อมูลการเงินไปไว้บนออนไลน์จะปลอดภัยเหรอ? คำตอบคือ “ปลอดภัยกว่าเก็บไว้ในคอมเราเครื่องเดียว” ซะอีก! เพราะผู้ให้บริการ Cloud Accounting ระดับมืออาชีพ เขามีทีมงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์โดยเฉพาะ, มีการเข้ารหัสข้อมูลระดับเดียวกับธนาคาร, และมีการสำรองข้อมูล (Backup) ไว้หลายๆ ที่ ต่อให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ข้อมูลของเราก็ยังอยู่ครบ ไม่สูญหายแน่นอน

6. ระบบอัตโนมัติ ช่วยลดงานน่าเบื่อ (Automation)

นี่คือฟีเจอร์ที่เจ๋งสุดๆ! โปรแกรมบัญชีออนไลน์สมัยใหม่สามารถเชื่อมต่อกับธนาคารได้โดยตรง พอดึงรายการเดินบัญชี (Bank Statement) เข้ามาในระบบ มันสามารถเรียนรู้และบันทึกบัญชีให้เราอัตโนมัติได้เลยว่ารายการนี้คือค่าเช่าร้าน, รายการนี้คือค่าน้ำค่าไฟ นอกจากนี้ยังตั้งเวลาออกใบแจ้งหนี้ (Invoice) หรือใบเสร็จรับเงินให้ลูกค้าตามรอบได้อัตโนมัติ ช่วยให้เรามีเวลาไปโฟกัสกับการพัฒนาสินค้าและบริการมากขึ้น

Cloud Accounting กับธุรกิจ SME ในประเทศไทย

สำหรับบริบทของประเทศไทยโดยเฉพาะ การใช้ Cloud Accounting ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นไปอีก เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวกสบาย แต่ยังเกี่ยวข้องกับข้อกำหนดของภาครัฐด้วย

  • การเชื่อมต่อกับภาครัฐ (e-Tax Invoice & e-Receipt): ปัจจุบันกรมสรรพากรผลักดันระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์อย่างมาก โปรแกรมบัญชีออนไลน์ชั้นนำในไทยหลายเจ้า เช่น PEAK, FlowAccount, SMEMOVE สามารถสร้างและนำส่งเอกสาร e-Tax Invoice & e-Receipt ให้กับกรมสรรพากรได้โดยตรงจากในโปรแกรมเลย ช่วยลดขั้นตอนการทำงานเอกสารและลดความผิดพลาดได้มาก
  • เหมาะกับธุรกิจทุกขนาด: ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์เล็กๆ, คาเฟ่, บริษัทสตาร์ทอัพ ไปจนถึงโรงงานขนาดกลาง ก็สามารถเลือกใช้แพ็กเกจที่เหมาะสมกับขนาดของธุรกิจตัวเองได้ เริ่มต้นง่ายๆ พอธุรกิจโตขึ้นก็ค่อยอัปเกรดแพ็กเกจตาม
  • การสนับสนุนจากนักบัญชีรุ่นใหม่: สำนักงานบัญชีสมัยใหม่ในไทยส่วนใหญ่ก็หันมาใช้ Cloud Accounting ในการให้บริการลูกค้ากันหมดแล้ว ทำให้การทำงานระหว่างเจ้าของธุรกิจกับนักบัญชีเป็นไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว

อนาคตของการบัญชี: เมื่อ AI เข้ามามีบทบาท

Cloud Accounting เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น อนาคตเราจะได้เห็นเทคโนโลยีอย่าง AI (Artificial Intelligence) และ Machine Learning เข้ามาช่วยงานบัญชีมากขึ้นไปอีก เช่น

  • AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการเงิน: ระบบจะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและให้คำแนะนำทางธุรกิจได้ เช่น “เดือนหน้าคาดว่ายอดขายจะตก ควรจัดโปรโมชันกระตุ้นยอด” หรือ “ต้นทุนวัตถุดิบตัวนี้สูงเกินไป ควรหาซัพพลายเออร์เจ้าใหม่”
  • AI ช่วยตรวจจับความผิดปกติ: ระบบสามารถตรวจหาธุรกรรมที่น่าสงสัยหรือมีแนวโน้มทุจริตได้อัตโนมัติ
  • Chatbot ให้คำปรึกษาด้านบัญชีภาษี: เราอาจจะมีผู้ช่วย AI ที่สามารถตอบคำถามพื้นฐานด้านบัญชีและภาษีได้ตลอด 24 ชั่วโมง

การปรับตัวมาใช้ Cloud Accounting ในวันนี้ จึงไม่ใช่แค่การตามเทรนด์ แต่คือการวางรากฐานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่กำลังจะมาถึง

บทสรุป: Cloud Accounting ไม่ใช่แค่โปรแกรม แต่คือ “Mindset”

สำหรับพวกเรา Gen Z ที่เติบโตมากับเทคโนโลยีดิจิทัล การทำความเข้าใจและนำ Cloud Accounting มาใช้กับธุรกิจในฝันของเรา ไม่ใช่เรื่องยากเลย มันคือเครื่องมือที่จะปลดล็อกศักยภาพของเรา ช่วยลดงานเอกสารที่น่าเบื่อ ทำให้เรามีข้อมูลในการตัดสินใจที่ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือ ทำให้เรามีเวลาไปสร้างสรรค์สิ่งที่เรารักจริงๆ

การบัญชีบนคลาวด์ไม่ได้มาเพื่อแทนที่นักบัญชี แต่มาเพื่อเป็น “ผู้ช่วย” ที่ดีที่สุดของเจ้าของธุรกิจและนักบัญชี มันคือการเปลี่ยน Mindset จากการมองว่าบัญชีเป็นแค่ “งานเอกสารที่ต้องทำให้เสร็จ” ไปสู่การมองว่าบัญชีคือ “เข็มทิศนำทางธุรกิจ”

ใครที่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจ หรือคิดอยากจะทำ ลองเปิดใจศึกษาเรื่องนี้ดูนะ รับรองว่ามันจะเปลี่ยนโลกการทำธุรกิจของพวกเราไปเลย!


ถาม-ตอบ ข้อสงสัยยอดฮิตเกี่ยวกับ Cloud Accounting

รวบรวมคำถามที่หลายคนน่าจะสงสัย มาตอบให้เคลียร์กันไปเลย!

Q: ต้องเรียนจบบัญชีมาก่อนมั้ย ถึงจะใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ได้?

A: ไม่จำเป็นเลย! โปรแกรมส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย (User-friendly) หน้าตาไม่ซับซ้อน คนที่ไม่มีพื้นฐานบัญชีก็สามารถเรียนรู้และใช้งานฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การเปิดบิล, บันทึกรายจ่าย ได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ซับซ้อนอย่างการปิดงบหรือยื่นภาษี ก็ยังแนะนำให้ปรึกษานักบัญชีมืออาชีพอยู่ดีครับ/ค่ะ

Q: แล้วถ้าวันไหนไม่มีอินเทอร์เน็ต จะทำงานได้มั้ย?

A: นี่คือข้อจำกัดหลักเลย ถ้าไม่มีอินเทอร์เน็ตก็จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ แต่ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตค่อนข้างครอบคลุม และเราสามารถใช้เน็ตมือถือเป็น Hotspot ชั่วคราวได้ ผู้ให้บริการบางรายก็มี Offline Mode ให้ทำงานบางอย่างได้ก่อน แล้วค่อย Sync ข้อมูลเมื่อต่อเน็ตได้อีกครั้ง

Q: ค่าบริการรายเดือนแพงมั้ย?

A: ราคาหลากหลายมาก มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับฟีเจอร์และขนาดของธุรกิจเรา สำหรับธุรกิจเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่ม แพ็กเกจเริ่มต้นก็มักจะเพียงพอแล้ว ถือว่าคุ้มค่ากว่าการลงทุนซื้อโปรแกรมบัญชีราคาหลายหมื่นบาทมาก

Q: เลือกใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ของเจ้าไหนดี?

A: ในไทยมีหลายเจ้าที่ดีครับ/ค่ะ เช่น PEAK, FlowAccount, TRCLOUD, SMEMOVE เป็นต้น แต่ละเจ้าก็มีจุดเด่นต่างกันไป แนะนำให้ลองเข้าไปดูเว็บไซต์ของแต่ละที่ และส่วนใหญ่จะมีให้ “ทดลองใช้ฟรี” (Free Trial) ก่อนตัดสินใจ ลองสมัครเล่นดูทุกเจ้าเลย เพื่อหาอันที่หน้าตาถูกใจและใช้งานถนัดที่สุดสำหรับเรา

Q: ถ้าใช้ไปแล้วอยากจะย้ายข้อมูลไปโปรแกรมอื่น ทำได้มั้ย?

A: ทำได้ครับ/ค่ะ โดยทั่วไปแล้วเราสามารถ Export ข้อมูลสำคัญๆ เช่น รายงานต่างๆ, ข้อมูลลูกค้า, รายการสินค้า ออกมาเป็นไฟล์ Excel หรือ CSV เพื่อนำไปใช้กับโปรแกรมอื่นต่อได้ แต่อาจจะต้องมีการจัดรูปแบบข้อมูลใหม่บ้าง

Most Popular

Categories