7 ทักษะสำคัญที่นักบัญชีต้องมีในยุคดิจิทัลและ AI

7 ทักษะสำคัญที่นักบัญชีต้องมีในยุคดิจิทัลและ AI (ฉบับพี่สอนน้อง เตรียมพร้อมก่อนเข้าคณะบัญชี!)

ฮัลโหลน้องๆ ชาวมัธยมทุกคน! พี่เป็นรุ่นพี่ที่เรียนอยู่คณะบัญชีนะค้าบ วันนี้อยากจะมานั่งคุยเปิดใจกับน้องๆ ที่กำลังเล็งๆ อยากเข้าคณะนี้ หรืออาจจะยังลังเลอยู่ เพราะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่า “เรียนบัญชีน่าเบื่อ” “มีแต่ตัวเลข” “เดี๋ยว AI ก็มาแย่งงานหมดแล้ว”… พี่บอกเลยว่า หยุดความคิดนั้นไว้ก่อน! เพราะวันนี้พี่จะมาเปิดโลกให้น้องๆ เห็นว่า อาชีพบัญชีในยุคดิจิทัลและ AI เนี่ย มันโคตรเท่ โคตรปัง และท้าทายกว่าที่คิดเยอะมาก!

จริงอยู่ที่ว่า AI และเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทเยอะขึ้นมากๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่างานของเราจะหายไปนะทุกคน มันแค่ ‘เปลี่ยนรูปแบบ’ ไปเท่านั้นเอง จากคนที่เคยนั่งคีย์ข้อมูล ทำเอกสารซ้ำๆ เรากำลังจะอัปเกรดตัวเองไปเป็น “นักวิเคราะห์” เป็น “ที่ปรึกษา” เป็น “นักวางกลยุทธ์” ให้กับองค์กร ซึ่งเป็นบทบาทที่สำคัญและมีมูลค่าสูงมากๆ เลยล่ะ

ดังนั้น ใครที่อยากจะก้าวเข้ามาในสายงานนี้และเติบโตไปได้อย่างมั่นคงในอนาคต มันไม่ใช่แค่เรื่องการบวกลบคูณหาร หรือการจำเดบิต-เครดิตให้แม่นอีกต่อไปแล้ว แต่มันคือการพัฒนา “ทักษะ” ใหม่ๆ ที่จะทำให้เราทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้อย่างเทพ และนี่คือ 7 ทักษะสำคัญที่นักบัญชียุคใหม่ต้องมี พี่สรุปมาให้แบบเข้าใจง่ายๆ พร้อมไกด์วิธีเตรียมตัวให้น้องๆ ด้วย ไปดูกันเลย!

1. สกิลนักสืบข้อมูล (Data Analytics)

ลืมภาพนักบัญชีก้มหน้าก้มตาอยู่กับกองเอกสารไปได้เลย! ตอนนี้นักบัญชีคือ “นักสืบข้อมูล” ตัวยงเลยนะแก! เราไม่ได้แค่บันทึกตัวเลขว่ามีเงินเข้า-ออกเท่าไหร่ แต่เราต้องสามารถ ‘อ่านเรื่องราว’ ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูลมหาศาลเหล่านั้นได้

แล้วมันสำคัญยังไง?

ลองนึกภาพตามนะ บริษัทมีข้อมูลการขายเป็นล้านๆ รายการ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราก็แค่รวมยอดแล้วจบ แต่ด้วยทักษะ Data Analytics เราสามารถวิเคราะห์ลึกลงไปได้ว่า…

  • สินค้าตัวไหนขายดีที่สุดในภาคอีสานช่วงหน้าฝน?
  • ทำไมยอดขายสาขานี้ถึงตก ทั้งๆ ที่อยู่ในทำเลดี?
  • ลูกค้ากลุ่มอายุไหนมีแนวโน้มจะกลับมาซื้อซ้ำมากที่สุด?

เห็นมั้ย? คำตอบของคำถามเหล่านี้แหละ ที่จะช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจทางธุรกิจได้เฉียบคมขึ้นมากๆ เช่น ควรจะสต็อกสินค้าอะไรเพิ่ม ควรจะทำโปรโมชั่นแบบไหน หรือควรจะไปเปิดสาขาใหม่ที่ไหนดี นี่คือการเปลี่ยนข้อมูลตัวเลขธรรมดาๆ ให้กลายเป็น “อาวุธ” ทางธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังทำแทนเราไม่ได้ 100% เพราะมันต้องอาศัยความเข้าใจในบริบทของธุรกิจด้วย

แล้วจะเริ่มฝึกสกิลนี้ได้ยังไง?

น้องๆ เริ่มได้ง่ายๆ เลยนะ ลองใช้โปรแกรมอย่าง Microsoft Excel หรือ Google Sheets ให้คล่องๆ ไม่ใช่แค่บวกลบธรรมดา แต่ลองหัดใช้ฟังก์ชันที่ซับซ้อนขึ้นอย่าง PivotTable, VLOOKUP หรือการสร้างกราฟสวยๆ เพื่อนำเสนอข้อมูล ถ้าใครแอดวานซ์ขึ้นมาหน่อย อาจจะลองไปศึกษาโปรแกรมเฉพาะทางอย่าง Power BI หรือ Tableau ผ่านคอร์สออนไลน์ฟรีๆ ใน YouTube หรือ Coursera ก็ได้ ถือเป็นการปูพื้นฐานที่แข็งแกร่งมากๆ ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยเลย


2. สกิลความไฮเทค (Digital Literacy & Tech Savviness)

ยุคนี้ใครไม่รู้จัก Cloud ก็คงจะไม่ได้แล้วเนอะ! วงการบัญชีก็เหมือนกัน เรากำลังย้ายจากการทำบัญชีบนโปรแกรมในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว ไปสู่การใช้ Cloud Accounting Software (เช่น Xero, QuickBooks) ซึ่งทำให้เราทำงานได้จากทุกที่ ทุกเวลา แถมยังเชื่อมต่อกับข้อมูลอื่นๆ ของบริษัทได้แบบเรียลไทม์ด้วย

แล้วมันสำคัญยังไง?

การมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีเหล่านี้ จะทำให้น้องๆ ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้นมาก ลดความผิดพลาดจากการคีย์ข้อมูลเอง และมีเวลาไปโฟกัสกับงานที่สำคัญกว่าอย่างการวิเคราะห์ข้อมูล (เหมือนในข้อ 1) นอกจากนี้ หลายๆ บริษัทใหญ่ในไทยยังใช้ระบบที่เรียกว่า ERP (Enterprise Resource Planning) เช่น SAP ซึ่งเป็นระบบที่เชื่อมโยงข้อมูลของทุกแผนกในบริษัทเข้าด้วยกัน นักบัญชีที่เข้าใจและใช้ระบบพวกนี้เป็น จะเป็นที่ต้องการของตลาดงานสุดๆ เลยล่ะ

แล้วจะเริ่มฝึกสกิลนี้ได้ยังไง?

ง่ายที่สุดคือการเปิดใจลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ ลองติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจ ลองไปดูวิดีโอสาธิตการใช้งานโปรแกรมบัญชีออนไลน์ต่างๆ ใน YouTube เพื่อให้เห็นภาพว่าโลกการทำงานจริงๆ เขาใช้อะไรกันอยู่ แค่มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี ก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว!


3. สกิลนักคิดเชิงวิพากษ์และนักแก้ปัญหา (Critical Thinking & Problem-Solving)

AI อาจจะคำนวณตัวเลขได้เร็วกว่าและแม่นยำกว่ามนุษย์ แต่สิ่งที่ AI ยังไม่มีคือ “วิจารณญาณ” และ “ความคิดสร้างสรรค์” ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน

แล้วมันสำคัญยังไง?

งานของนักบัญชีในอนาคต จะไม่ใช่แค่การทำตามกฎเป๊ะๆ แต่จะเป็นการเจอปัญหาที่ไม่มีคำตอบตายตัว เช่น “บริษัทควรจะลงทุนในโปรเจกต์ใหม่นี้ดีไหม? มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?” หรือ “ตัวเลขกำไรดูดี แต่ทำไมบริษัทถึงขาดเงินสด? ปัญหามันอยู่ตรงไหน?” การจะตอบคำถามพวกนี้ได้ น้องๆ ต้องสามารถมองทะลุตัวเลข ไปเห็นถึงสาเหตุที่แท้จริง ประเมินข้อดี-ข้อเสีย และเสนอทางออกที่เหมาะสมที่สุดให้กับองค์กรได้ นี่คือคุณค่าที่มนุษย์อย่างเรามอบให้ และเป็นสกิลที่สำคัญมากๆ

แล้วจะเริ่มฝึกสกิลนี้ได้ยังไง?

ฝึกตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ รอบตัวเสมอ อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่ายๆ ลองถาม “ทำไม?” บ่อยๆ เวลาอ่านข่าวธุรกิจ ลองวิเคราะห์ดูว่าทำไมบริษัทนี้ถึงประสบความสำเร็จ หรือทำไมบริษัทนั้นถึงล้มเหลว ลองเล่นเกมที่ต้องใช้การวางแผนและแก้ปัญหา หรือแม้แต่การเข้าร่วมกิจกรรมโต้วาทีในโรงเรียน ก็ช่วยฝึกการคิดอย่างเป็นระบบและมีเหตุผลได้ดีมากๆ เลยนะ


4. สกิลนักเล่าเรื่อง (Communication & Storytelling with Data)

ใครว่านักบัญชีต้องเป็นคนเงียบๆ พูดไม่เก่ง? ไม่จริงเลย! ในยุคนี้ นักบัญชีที่เก่งคือคนที่สามารถ “สื่อสาร” เรื่องการเงินที่ซับซ้อน ให้นายช่างฝ่ายผลิต หรือพี่ๆ ฝ่ายการตลาดที่ไม่ได้มีพื้นฐานบัญชี เข้าใจได้ง่ายๆ

แล้วมันสำคัญยังไง?

มันไม่มีประโยชน์เลยถ้าเราวิเคราะห์ข้อมูลมาอย่างดีเยี่ยม แต่กลับนำเสนอให้ใครฟังไม่รู้เรื่อง ทักษะการสื่อสารในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่การพูดนะ แต่รวมถึงการทำ Presentation, การเขียนรายงาน, และที่สำคัญคือ การเล่าเรื่องผ่านข้อมูล (Storytelling with Data) คือการหยิบข้อมูลตัวเลขที่ดูน่าเบื่อ มาสร้างเป็นกราฟ แผนภูมิ หรือ Dashboard ที่สวยงามและเล่าเรื่องได้ในตัวเอง ทำให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมและตัดสินใจได้ทันที

แล้วจะเริ่มฝึกสกิลนี้ได้ยังไง?

ฝึกฝนการนำเสนอหน้าชั้นเรียนบ่อยๆ พยายามอธิบายเรื่องยากๆ ให้เพื่อนเข้าใจด้วยภาษาของเราเอง ลองหัดใช้โปรแกรมทำสไลด์อย่าง PowerPoint หรือ Canva ให้สวยงามและน่าสนใจ ลองดูตัวอย่างการนำเสนอเก่งๆ จากเวที TED Talks เพื่อเรียนรู้เทคนิคการเล่าเรื่องให้น่าติดตาม


5. สกิลมองการณ์ไกล (Business Acumen & Strategic Thinking)

นักบัญชีที่ดี จะไม่มองแค่แผนกของตัวเอง แต่จะมองเห็นภาพรวมทั้งหมดของธุรกิจ หรือที่เรียกว่ามี “หัวธุรกิจ” นั่นเอง

แล้วมันสำคัญยังไง?

การมี Business Acumen คือการเข้าใจว่าบริษัทของเราทำธุรกิจอะไร? ลูกค้าคือใคร? คู่แข่งคือใคร? และสภาพตลาดเป็นอย่างไร? เมื่อเราเข้าใจสิ่งเหล่านี้ เราจะสามารถให้คำแนะนำที่มีประโยชน์จริงๆ ได้ เช่น ถ้าเรารู้ว่าตอนนี้เทรนด์รักษ์โลกกำลังมา เราอาจจะเสนอให้บริษัทลงทุนในโครงการที่ช่วยลดคาร์บอน ซึ่งนอกจากจะดีต่อโลกแล้ว ยังอาจจะช่วยลดหย่อนภาษีและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้บริษัทได้อีกด้วย นี่คือการก้าวข้ามจากการเป็นแค่คนทำบัญชี ไปสู่การเป็น “คู่คิดทางธุรกิจ (Business Partner)”

แล้วจะเริ่มฝึกสกิลนี้ได้ยังไง?

อ่านข่าวธุรกิจเยอะๆ เลยน้องๆ ไม่ว่าจะเป็นจากเว็บไซต์ Brand Inside, The Standard Wealth หรือ Marketing Oops! เพื่อให้รู้ว่าโลกธุรกิจเขาไปถึงไหนกันแล้ว ลองติดตามดูว่าบริษัทใหญ่ๆ ในไทยเขามีกลยุทธ์อะไรใหม่ๆ การทำแบบนี้จะช่วยเปิดมุมมองของเราให้กว้างขึ้นมากๆ


6. สกิลพร้อมปรับตัวและเรียนรู้ตลอดชีวิต (Adaptability & Lifelong Learning)

ข้อนี้อาจจะดูเป็นนามธรรม แต่มันสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้! โลกหมุนเร็วมาก เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน กฎหมายภาษีก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ นักบัญชีที่ไม่ยอมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว

แล้วมันสำคัญยังไง?

การมีทัศนคติที่พร้อมจะ “เรียนรู้, เลิกเรียนรู้, และเรียนรู้ใหม่” (Learn, Unlearn, Relearn) จะทำให้น้องๆ อยู่รอดและเติบโตได้ในทุกสถานการณ์ เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่จะกลัว เราจะมองว่ามันเป็นเครื่องมือใหม่ที่จะช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้น เมื่อมีกฎเกณฑ์ใหม่ๆ เราก็พร้อมที่จะอัปเดตความรู้เพื่อให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่ลูกค้าหรือบริษัทได้เสมอ

แล้วจะเริ่มฝึกสกิลนี้ได้ยังไง?

สร้างนิสัยรักการเรียนรู้ให้กับตัวเอง อาจจะตั้งเป้าหมายว่าจะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ สัปดาห์ละ 1 เรื่อง (ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องบัญชีก็ได้นะ) อาจจะเป็นการหัดเขียนโค้ดเบื้องต้น, การเรียนรู้เรื่อง Digital Marketing, หรือการเรียนภาษาที่สาม ทุกอย่างล้วนเป็นประโยชน์และช่วยฝึกสมองให้พร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ


7. สกิลเกราะป้องกันทางไซเบอร์และจรรยาบรรณ (Cybersecurity Awareness & Ethics)

เมื่อทุกอย่างกลายเป็นดิจิทัล ข้อมูลทางการเงินที่สำคัญของบริษัทก็อยู่บนโลกออนไลน์เช่นกัน ความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมข้อมูลหรือการโจมตีทางไซเบอร์จึงสูงขึ้นมาก นักบัญชีจึงต้องเป็นเหมือน “ผู้พิทักษ์” ด่านหน้าให้กับข้อมูลเหล่านี้

แล้วมันสำคัญยังไง?

เราต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ “จรรยาบรรณ” ซึ่งเป็นหัวใจของวิชาชีพบัญชี ความน่าเชื่อถือคือสิ่งที่มีค่าที่สุดของเรา เราต้องซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา เพราะการตัดสินใจของผู้คนมากมายขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เราทำขึ้นมา เทคโนโลยีอย่าง Blockchain ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในการเพิ่มความโปร่งใสและปลอดภัยในการทำธุรกรรม ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่นักบัญชียุคใหม่ต้องจับตามอง

แล้วจะเริ่มฝึกสกิลนี้ได้ยังไง?

ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการหลอกลวงทางออนไลน์และวิธีป้องกันตัวเองอยู่เสมอ สร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคล และที่สำคัญที่สุดคือปลูกฝังความซื่อสัตย์ให้กับตัวเองในทุกๆ เรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องเรียน แต่รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันด้วย


Q&A ถามมา-ตอบไป สไตล์พี่บัญชี (AEO Section)

พี่รวบรวมคำถามที่น้องๆ น่าจะสงสัยกันบ่อยๆ มาตอบให้ตรงนี้เลย!

คำถาม: สรุปแล้ว AI จะมาแย่งงานนักบัญชีมั้ยครับ/คะ?
คำตอบ: ไม่ได้แย่งงาน 100% แต่จะมา ‘เปลี่ยน’ ลักษณะงานค่ะ AI จะเข้ามาทำงานในส่วนที่ต้องทำซ้ำๆ เช่น การบันทึกข้อมูล, การกระทบยอดบัญชี ซึ่งจะช่วยให้เรามีเวลาไปทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการตัดสินใจที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล, การวางแผนกลยุทธ์, การให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ถ้าเราพัฒนา 7 ทักษะที่พี่บอกไป รับรองว่าเราจะเป็นที่ต้องการและทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างแน่นอน!
คำถาม: เรียนบัญชีต้องเก่งคณิตศาสตร์มากๆ อย่างเดียวเลยเหรอ?
คำตอบ: เป็นความเข้าใจผิดที่เจอบ่อยมาก! จริงๆ แล้วบัญชีใช้คณิตศาสตร์แค่ในระดับพื้นฐาน (บวก ลบ คูณ หาร) เท่านั้นเอง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ตรรกะ” (Logic) และความละเอียดรอบคอบ การคิดอย่างเป็นระบบ และการทำความเข้าใจเหตุและผลของรายการต่างๆ ถ้าเรามีทักษะด้านตรรกะที่ดี ก็สามารถเรียนบัญชีได้สบายมาก
คำถาม: จบ ม.6 สายไหนเรียนบัญชีได้บ้าง?
คำตอบ: ส่วนใหญ่แล้วคณะบัญชีจะเปิดรับนักเรียนจากทุกสายการเรียนเลยนะ ทั้งสายวิทย์-คณิต, ศิลป์-คำนวณ หรือแม้กระทั่งศิลป์-ภาษา แต่ละมหาวิทยาลัยอาจมีเกณฑ์แตกต่างกันไป แนะนำให้น้องๆ ลองเช็คระเบียบการรับสมัครของ คณะบัญชีในมหาวิทยาลัยที่สนใจ อีกทีเพื่อความชัวร์ที่สุดครับ
คำถาม: เริ่มเตรียมตัวเป็นนักบัญชียุคใหม่ตั้งแต่ตอนนี้ยังไงดี?
คำตอบ: เริ่มจากสิ่งที่พี่แนะนำในแต่ละข้อได้เลย! ฝึกใช้ Excel, ติดตามข่าวสารธุรกิจ, ฝึกการนำเสนอ, เข้าร่วมกิจกรรมที่ได้ฝึกการคิดวิเคราะห์ และที่สำคัญคือเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีหรือทักษะอื่นๆ การสร้าง Portfolio เล็กๆ ของตัวเอง เช่น การทำโปรเจกต์วิเคราะห์ข้อมูลจากเรื่องที่สนใจ ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจและเอาไปใช้ตอนยื่นเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วยนะ

บทสรุป: อนาคตของนักบัญชีอยู่ในมือเรา!

เห็นมั้ยครับว่าอาชีพนักบัญชีในยุคนี้มันเปลี่ยนไปมากจริงๆ มันไม่ใช่แค่งานเอกสารน่าเบื่ออีกต่อไป แต่เป็นอาชีพที่ต้องใช้ทั้งสมองซีกซ้าย (การวิเคราะห์, ตรรกะ) และสมองซีกขวา (ความคิดสร้างสรรค์, การสื่อสาร) ไปพร้อมๆ กัน เป็นอาชีพที่ท้าทายและมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของทุกองค์กร

สำหรับน้องๆ ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย การเตรียมพร้อมและสร้างทักษะเหล่านี้ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะทำให้น้องๆ ได้เปรียบและโดดเด่นกว่าใครแน่นอน อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง แต่จงมองว่ามันเป็นโอกาสให้เราได้พัฒนาตัวเองไปสู่เวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม พี่ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนนะ! ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติม คอมเมนต์ไว้ได้เลย เดี๋ยวพี่จะแวะมาตอบให้ มาสร้างอนาคตปังๆ ในสายงานบัญชียุคใหม่ไปด้วยกันนะ!

“`

Most Popular

Categories