Data Analytics: นักบัญชีต้องอ่านข้อมูลและมองเห็นโอกาสใหม่

Data Analytics: เมื่อนักบัญชีไม่ได้มีดีแค่ตัวเลข แต่ต้องอ่านเกมธุรกิจให้ออก!

สวัสดีเพื่อนๆ น้องๆ ชาว ม.ปลาย ทุกคนนะครับ! พี่เป็นรุ่นพี่ปี 4 คณะบัญชีฯ ที่กำลังหัวหมุนอยู่กับโปรเจกต์จบ แต่ก็อยากจะแวบมาคุยกับน้องๆ ที่กำลังเล็งๆ หรือสนใจจะเข้าคณะบัญชีฯ กันอยู่

ลองหลับตานึกภาพ “นักบัญชี” ดูสิ… พี่เชื่อว่าภาพในหัวของหลายคนคงหนีไม่พ้นคนใส่แว่นหนาเตอะ นั่งจมอยู่กับกองเอกสารมหึมาพร้อมเครื่องคิดเลขคู่ใจ หน้าตาเคร่งเครียดกับการปิดงบการเงินให้ตัวเลขมันลงตัวเป๊ะๆ ใช่ไหมล่ะ? บอกเลยว่าภาพนั้นมันโคตรจะ Old School! เหมือนดูหนังขาวดำยุคคุณปู่เลย

โลกมันหมุนไปไกลมากแล้วเพื่อนๆ โดยเฉพาะในยุคที่ “ข้อมูล” (Data) มีค่ามากกว่าทองคำ นักบัญชีในศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่แค่ “ผู้บันทึกตัวเลข” อีกต่อไป แต่พวกเรากำลังถูกอัปเกรดให้กลายเป็น “นักกลยุทธ์ข้อมูล” ที่ต้องอ่านข้อมูลให้ออก มองเห็นโอกาสใหม่ๆ ที่ซ่อนอยู่ และเป็นเหมือนเนวิเกเตอร์ที่คอยชี้ทางให้ธุรกิจพุ่งไปข้างหน้าอย่างมั่นคงต่างหาก! และอาวุธลับสุดยอดที่ทำให้เราทำแบบนั้นได้ก็คือ Data Analytics (DA) นั่นเอง

ทำไม ‘นักบัญชี’ ยุคใหม่ต้องสกิลเทพด้าน Data Analytics?

เอาจริง ๆ นะ ตอนพี่เข้าปี 1 ก็ยังงงๆ ว่าเรียนบัญชีทำไมต้องไปยุ่งกับ Data อะไรพวกนี้ด้วย แค่เดบิต-เครดิตก็ปวดหัวจะแย่แล้ว (ฮา) แต่พอเรียนลึกลงไปเรื่อยๆ ถึงได้เก็ตเลยว่ามันคือ Game Changer ของจริงเลย นี่คือเหตุผลที่พี่สรุปมาให้เข้าใจง่ายๆ

1. จาก “นักบันทึกประวัติศาสตร์” สู่ “โหรทำนายอนาคต” (Predictive Insights)

แบบเดิม: นักบัญชีจะดูข้อมูลงบการเงินในอดีต เช่น “ไตรมาสที่แล้วเรามีกำไร 5 ล้านบาท” มันคือการบอกว่า เกิดอะไรขึ้นไปแล้ว

แบบใหม่ (ใช้ DA): เราไม่ได้หยุดแค่นั้น เราเอาข้อมูลยอดขายรายวัน รายชั่วโมง ข้อมูลลูกค้าจากโซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่ข้อมูลสภาพอากาศ มาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อ “ทำนาย” อนาคต เช่น “จากข้อมูล 3 ปีล่าสุด ทุกครั้งที่ฝนตกหนักในวันศุกร์ ยอดขายกาแฟร้อนจะเพิ่มขึ้น 20% ในสาขาใจกลางกรุงเทพฯ ดังนั้นสัปดาห์หน้าพยากรณ์ว่าฝนจะตกหนัก เราควรสต็อกเมล็ดกาแฟเพิ่มที่สาขานั้น และยิงแอดโปรโมชั่นกาแฟร้อนเจาะกลุ่มคนทำงานในพื้นที่นั้น” เห็นมั้ย? จากคนบันทึกตัวเลข กลายเป็นคนวางแผนธุรกิจไปเลย!

2. เป็น “นักล่าขุมทรัพย์” ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล (Finding Opportunities & Risks)

ในข้อมูลมหาศาลของบริษัท มันมีทั้ง “โอกาส” และ “ความเสี่ยง” ซ่อนอยู่เต็มไปหมด หน้าที่ของนักบัญชีที่ใช้ DA เป็น คือการไปขุดมันขึ้นมา!

  • หาโอกาส: อาจจะเจอว่ามีกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นในจังหวัดเชียงใหม่ที่ซื้อสินค้า A พร้อมกับสินค้า B บ่อยที่สุด ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เคยมีใครสังเกตมาก่อน นี่คือโอกาสในการทำโปรโมชั่น Cross-selling หรือ Bundle Set เพื่อกระตุ้นยอดขายในพื้นที่เป้าหมาย (GEO-Targeting) ได้ตรงจุด
  • หาความเสี่ยง: สามารถวิเคราะห์แพทเทิร์นการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ เพื่อจับสัญญาณการทุจริต (Fraud Detection) ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่บริษัทจะเสียหายหนัก

3. อัปเกรดตัวเองเป็น “MVP” ของทีม (Most Valuable Player)

ผู้บริหารไม่ได้ต้องการแค่รายงานตัวเลขสวยๆ แต่เขาต้องการ “Insight” หรือ “ความเข้าใจเชิงลึก” เพื่อใช้ตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ของบริษัท

แทนที่จะบอกแค่ว่า “ต้นทุนเราสูงขึ้น 10%” นักบัญชีที่ใช้ DA จะสามารถเจาะลึกลงไปได้ว่า “ต้นทุนสูงขึ้น 10% เพราะค่าขนส่งจากซัพพลายเออร์เจ้าที่สองในภาคตะวันออกเพิ่มขึ้นถึง 30% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมัน และถ้าเราเปลี่ยนไปใช้ซัพพลายเออร์เจ้าที่สาม อาจจะประหยัดต้นทุนส่วนนี้ไปได้ 15%”

พอเราให้ข้อมูลที่ actionable (นำไปใช้ได้จริง) แบบนี้ได้ เราจะกลายเป็นคนสำคัญที่ทุกคนต้องฟังทันที ไม่ใช่แค่แผนกหลังบ้านที่รอส่งเอกสารอีกต่อไป

4. Future-Proof อาชีพตัวเองในยุค AI

หลายคนกลัวว่า AI จะมาแย่งงานนักบัญชี… พี่บอกเลยว่า จริง! แต่มันจะแย่งงาน “นักบัญชีแบบเดิมๆ” ที่ทำงานซ้ำๆ รูทีน เช่น คีย์ข้อมูล บันทึกบัญชี แต่ AI ไม่สามารถแทนที่การคิดวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ การตีความข้อมูลที่ซับซ้อน และการสื่อสาร Insight ให้คนอื่นเข้าใจได้

การมีสกิล Data Analytics คือการที่เราขยับตัวเองไปทำงาน “ร่วมกับ” AI ให้ AI ช่วยทำงานน่าเบื่อ แล้วเราเอาเวลาและพลังสมองไปโฟกัสกับงานที่สร้างมูลค่าได้สูงกว่า นี่แหละคือการอยู่รอดและเติบโตในอนาคต

อยากเป็นนักบัญชีสายดาต้า ต้องเริ่มยังไง? เตรียมตัวอะไรบ้าง?

1. ปรับ Mindset: มองทุกอย่างเป็นข้อมูล

เริ่มจากเปลี่ยนมุมมองก่อนเลย ลองฝึกตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว เช่น “ทำไมร้านชานมไข่มุกร้านนี้คนเยอะตลอด?” “ทำไมเพื่อนเราถึงชอบซื้อของออนไลน์ตอนเที่ยงคืน?” ทุกอย่างมันมี “ข้อมูล” ซ่อนอยู่เบื้องหลังเสมอ การฝึกเป็นคนช่างสังเกตและตั้งคำถาม คือจุดเริ่มต้นของนักวิเคราะห์ข้อมูลที่ดี

2. ทำความรู้จักกับเครื่องมือ (Tools of the Trade)

ไม่ต้องถึงกับเป็นโปรแกรมเมอร์จ๋านะ แต่ควรรู้จักและใช้เครื่องมือพวกนี้ให้เป็น

  • Microsoft Excel (ระดับเทพ): ไม่ใช่แค่บวกลบคูณหารธรรมดา แต่ต้องไปให้ถึง PivotTables, VLOOKUP, Power Query พวกนี้คือพื้นฐานที่แข็งแกร่งมากในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
  • SQL (Structured Query Language): ภาษานี้ใช้สำหรับ “คุย” กับฐานข้อมูลโดยตรง เพื่อดึงข้อมูลที่เราต้องการออกมาวิเคราะห์ บอกเลยว่าใครใช้ SQL เป็นในสายบัญชีคือโคตรเท่และได้เปรียบสุดๆ
  • BI Tools (Power BI, Tableau): โปรแกรมพวกนี้ใช้เปลี่ยนข้อมูลตัวเลขที่น่าเบื่อ ให้กลายเป็นกราฟ หรือ Dashboard สวยๆ ที่ดูง่าย เข้าใจง่าย และ tương tác ได้ ทำให้การนำเสนอข้อมูลของเราดูโปรและน่าสนใจขึ้นเยอะมาก
  • Python/R (สำหรับสาย Advance): ถ้าใครอยากไปให้สุดทาง ภาษาโปรแกรมมิ่งอย่าง Python (โดยเฉพาะ Library อย่าง Pandas, NumPy) จะช่วยให้เราจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่มากๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. หาความรู้เพิ่มเติมตั้งแต่ตอนนี้!

ยุคนี้ความรู้ฟรีมีอยู่ทุกที่ ไม่ต้องรอเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเดียว

  • คอร์สออนไลน์: ลองเข้าไปดูใน Coursera, edX หรือของไทยอย่าง Skooldio, FutureSkill มีคอร์สสอนพื้นฐาน Data Analytics, SQL, Power BI เยอะแยะเลย
  • YouTube: ช่องดีๆ ที่สอนเรื่องพวกนี้ฟรีมีเพียบ ลองหาดูได้เลยทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
  • เข้าร่วมกิจกรรม/แข่งขัน: ลองหา Case Competition ที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจเข้าร่วมดู จะได้ลองแก้ปัญหาจริงและฝึกทักษะไปในตัว

แล้วในมหาวิทยาลัยมีสอนไหม? คณะบัญชีในไทยปรับตัวทันโลกหรือเปล่า?

คำถามนี้ดีมาก! พี่ขอยืนยันเลยว่า ทันแน่นอน! ตอนนี้หลักสูตรบัญชีของมหาวิทยาลัยชั้นนำในไทย เช่น จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์, เกษตรศาสตร์, มหิดล, ม.เชียงใหม่ และอีกหลายๆ ที่ ได้ผนวกเรื่อง Data Analytics, Data Visualization, Business Intelligence เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรแล้ว

บางที่อาจจะมีเป็นวิชาเลือก หรือบางที่ก็ปรับเนื้อหาในวิชาหลักอย่างการสอบบัญชี (Audit) ให้มีการใช้โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสุ่มตรวจเอกสาร (Data-Driven Audit) ซึ่งมันทำให้การเรียนการสอนทันสมัยและตอบโจทย์โลกการทำงานจริงมากๆ ดังนั้นน้องๆ ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะได้เรียนแต่ทฤษฎีเก่าๆ ถ้าเลือกเรียนบัญชีในมหาวิทยาลัยดีๆ รับรองว่าได้จับเครื่องมือพวกนี้แน่นอน

Q&A พี่ตอบให้! คำถามที่น้องๆ น่าจะสงสัย

Q1: ต้องเก่งเลขหรือเก่งสถิติมากๆ ไหม ถึงจะเรียน Data Analytics ได้?

A: ไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์! สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “Logical Thinking” หรือการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล และ “Business Sense” คือความเข้าใจในธุรกิจมากกว่า ถ้าเราเข้าใจว่าธุรกิจทำงานยังไง เราจะรู้ว่าควรจะตั้งคำถามอะไรกับข้อมูล และจะตีความผลลัพธ์ที่ได้ออกมายังไง ส่วนเรื่องสถิติที่ซับซ้อน โปรแกรมต่างๆ มันช่วยคำนวณให้เราได้อยู่แล้ว หน้าที่ของเราคือการตีความและนำไปใช้ให้ถูก

Q2: สรุปว่านักบัญชีต้องเขียนโค้ด (Coding) ด้วยเหรอ? ไม่ชอบเลยทำไงดี?

A: ใจเย็นๆ! ไม่ใช่นักบัญชีทุกคนต้องเขียนโค้ด Python/R เก่งกาจขนาดนั้น แต่การเข้าใจ SQL ถือเป็นทักษะที่สำคัญและได้เปรียบมากๆ ซึ่ง SQL มันไม่ใช่ภาษาโปรแกรมมิ่งจ๋าๆ แต่มันเหมือนชุดคำสั่งภาษาอังกฤษง่ายๆ ในการดึงข้อมูลมากกว่า ส่วน Power BI หรือ Tableau ก็เป็นแบบลาก-วาง (Drag-and-Drop) เป็นหลัก เริ่มจากตรงนี้ก่อนก็ได้ แล้วถ้าทำไปแล้วรู้สึกสนุก อยากจะไปต่อสายโค้ดดิ้งก็ค่อยว่ากัน!

Q3: แล้วแบบนี้นักบัญชีที่มีสกิล DA ต่างจาก Data Analyst แท้ๆ ยังไง?

A: เป็นคำถามที่ดีมาก! Data Analyst อาจจะมาจากหลากหลายสายและเน้นที่เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหลัก แต่ นักบัญชีที่มีสกิล DA จะมีจุดแข็งคือ “ความเข้าใจในข้อมูลการเงินและธุรกิจอย่างลึกซึ้ง” (Domain Knowledge) เราจะรู้ว่าตัวเลขแต่ละตัวในงบการเงินมันหมายความว่าอะไร มีที่มาที่ไปยังไง ซึ่งทำให้การวิเคราะห์ของเรามันคมคายและตรงจุดในเชิงธุรกิจมากกว่า เราคือลูกผสมที่เข้าใจทั้งโลกของตัวเลขการเงินและโลกของข้อมูลนั่นเอง

Q4: อยู่ ม.ปลาย ตอนนี้ เริ่มเตรียมตัวอะไรได้บ้าง นอกจากหาคอร์สเรียนออนไลน์?

A: ง่ายๆ เลยคือ “ฝึกใช้ Excel ให้คล่อง” ครับ! ลองเอาข้อมูลใกล้ตัวมาเล่นดู เช่น บันทึกค่าขนมของตัวเองรายวัน แล้วลองทำกราฟสรุปรายจ่ายแต่ละประเภทในแต่ละเดือน หรือลองเอาสถิติผลการเรียนมาพล็อตกราฟดูว่าเทอมไหนวิชาอะไรขึ้นลงเพราะอะไร การได้ลงมือทำกับข้อมูลจริงๆ แม้จะเล็กน้อย จะทำให้เราเห็นภาพและเข้าใจมันมากขึ้นเยอะเลย

บทสรุป: อนาคตของนักบัญชีอยู่ในมือเรา

โลกเปลี่ยนไปแล้ว และอาชีพนักบัญชีก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่ต้อง Transform ตัวเองมากที่สุด จากงานที่หลายคนมองว่าน่าเบื่อ กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในอาชีพที่น่าตื่นเต้นและท้าทายที่สุดในโลกธุรกิจ เราไม่ได้ทำงานกับตัวเลขในอดีตอีกต่อไป แต่เรากำลังใช้ “ข้อมูล” เพื่อสร้างและออกแบบอนาคตขององค์กร

สำหรับน้องๆ ที่กำลังจะเลือกเส้นทางเดินในระดับมหาวิทยาลัย ถ้าชอบการวิเคราะห์ ชอบการแก้ปัญหา และอยากเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ พี่บอกเลยว่า “คณะบัญชี” คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ และอนาคตไกลสุดๆ ขอแค่น้องๆ เปิดใจเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อย่าง Data Analytics เพิ่มเข้าไป รับรองว่าเรียนจบไปแล้วจะเป็นที่ต้องการของทุกบริษัทแน่นอนครับ!

ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติม คอมเมนต์ทิ้งไว้ได้เลยนะ เดี๋ยวพี่จะแวะเข้ามาตอบให้ สู้ๆ นะครับน้องๆ ทุกคน!

Most Popular

Categories