ทักษะ Soft Skills ที่นักบัญชีรุ่นใหม่ต้องมี มากกว่าความรู้ในตำรา

ทักษะ Soft Skills ที่นักบัญชีรุ่นใหม่ต้องมี: เก่งกว่าตำรา พาไปรอดในโลกจริง!

เรื่องของ “Soft Skills” หรือทักษะด้านอารมณ์และสังคม ที่บอกเลยว่าสำคัญไม่แพ้ความรู้เรื่องเดบิต-เครดิตในตำราเรียนเลยล่ะ!

หลายคนอาจจะติดภาพว่า “นักบัญชี” คือคนที่ใส่แว่นหนาๆ นั่งก้มหน้าก้มตากับตัวเลขในห้องเงียบๆ ไม่คุยกับใคร… พี่ขอบอกดังๆ ตรงนี้เลยว่า ภาพนั้นมันเก่าไปแล้ว! ในยุคที่ AI และโปรแกรมบัญชีออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น งาน Routine ที่ต้องทำซ้ำๆ กำลังจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี แต่งานที่ต้องใช้ความเป็น “มนุษย์” นี่แหละ ที่จะทำให้นักบัญชีอย่างเราๆ มีคุณค่าและไปได้ไกลกว่าเดิม

Soft Skills คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับนักบัญชีในไทยยุคนี้?

ถ้าจะให้พูดแบบเข้าใจง่ายๆ นะ Hard Skills คือความรู้เฉพาะทางที่เรียนกันในห้องเรียน เช่น การทำงบการเงิน, กฎหมายภาษีอากร, การใช้โปรแกรมบัญชีต่างๆ อันนี้คือพื้นฐานที่ทุกคนต้องมี

แต่ Soft Skills คือทักษะที่เกี่ยวข้องกับผู้คน การแก้ปัญหา และการจัดการตัวเอง เช่น การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม การคิดวิเคราะห์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจาก AI และทำให้เราสามารถเปลี่ยนจากแค่ “คนทำบัญชี” กลายเป็น “ที่ปรึกษาทางธุรกิจที่ไว้ใจได้ (Trusted Business Advisor)” ซึ่งเป็นตำแหน่งที่บริษัทใหญ่ๆ ในย่านสาทร-สีลม หรือแม้กระทั่ง Startup ไฟแรงทั่วประเทศไทยกำลังมองหา!

ลองนึกภาพตามนะ โปรแกรมอาจจะคำนวณตัวเลขได้เป๊ะๆ ว่าบริษัทกำไรหรือขาดทุน แต่โปรแกรมบอกไม่ได้หรอกว่า… “เราจะสื่อสารข่าวร้ายเรื่องตัวเลขที่ขาดทุนนี้กับบอร์ดบริหารยังไงให้สร้างสรรค์และหาทางออกร่วมกันได้?” หรือ “เราจะทำงานร่วมกับฝ่ายการตลาดเพื่อวางแผนงบประมาณแคมเปญใหม่ยังไงให้คุ้มค่าที่สุด?” เห็นมั้ยว่านี่แหละคือจุดที่ Soft Skills เข้ามาเฉิดฉาย

เจาะลึก 7 Soft Skills ที่นักบัญชี Gen Z ต้องลับให้คม!

มาดูกันดีกว่าว่ามีทักษะอะไรบ้างที่น้องๆ ควรเริ่มสร้างและฝึกฝนตั้งแต่ตอนนี้ บอกเลยว่าทำได้ไม่ว่าจะเป็นตอนทำกิจกรรมที่โรงเรียน หรือตอนไปฝึกงานเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม

1. ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill) – พูดตัวเลขให้เป็นเรื่องราว

นี่คือทักษะที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้! นักบัญชีไม่ได้คุยกับแค่ตัวเลข แต่ต้องคุยกับคนหลากหลายกลุ่มมากๆ

  • การนำเสนอ (Presentation): ลองนึกภาพน้องต้องไปพรีเซนต์งบการเงินให้ CEO หรือนักลงทุนฟัง น้องจะแค่เปิดตารางตัวเลขยาวเป็นพรืดให้เขาดูเหรอ? ไม่ได้! น้องต้องสามารถย่อยข้อมูลที่ซับซ้อน แล้วเล่าออกมาเป็น Story ที่เข้าใจง่าย ชี้ให้เห็นว่าตัวเลขพวกนี้มันบอกอะไรเกี่ยวกับทิศทางของบริษัทได้บ้าง
  • การอธิบาย (Explanation): ต้องอธิบายเรื่องภาษีที่ยากๆ ให้เจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ ที่เชียงใหม่เข้าใจได้ หรืออธิบายความเสี่ยงทางการเงินให้ฝ่ายการตลาดที่อาจไม่ถนัดเรื่องตัวเลขฟังรู้เรื่อง
  • การเขียน (Writing): การเขียนอีเมลรายงานสรุปที่ชัดเจน กระชับ และเป็นมืออาชีพ คือสิ่งจำเป็นในทุกวัน

How to practice: ลองฝึกอธิบายเรื่องยากๆ ให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวฟัง, สมัครเป็นพิธีกรงานโรงเรียน, หัดเขียนสรุปบทความหรือหนังสือที่อ่าน

2. การคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา (Critical Thinking & Problem Solving) – นักสืบแห่งโลกการเงิน

งานบัญชีไม่ใช่แค่การบันทึกตัวเลขตามบิล แต่มันคือการเป็น “นักสืบ” เมื่อเจอตัวเลขที่ไม่ตรงกัน หรือเห็นแนวโน้มแปลกๆ ในงบการเงิน น้องต้องสามารถ:

  • ตั้งคำถาม: “ทำไมค่าใช้จ่ายด้านการตลาดในไตรมาสนี้ถึงพุ่งสูงกว่าปกติ?” “ยอดขายที่ลดลงนี้เกี่ยวข้องกับคู่แข่งเจ้าใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวรึเปล่า?”
  • วิเคราะห์ข้อมูล: ไม่ใช่แค่ดูตัวเลข แต่ต้องเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายๆ แหล่งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
  • เสนอทางออก: เมื่อเจอปัญหาแล้ว ต้องคิดเสนอทางแก้ไขที่เป็นไปได้ เช่น “เราอาจต้องพิจารณาลดงบโฆษณาที่ไม่เห็นผล และไปเพิ่มในส่วนที่สร้างยอดขายได้จริง”

How to practice: เล่นเกมไขปริศนา, ฝึกทำโจทย์ปัญหาที่ซับซ้อน, เวลาเจอปัญหาในชีวิตประจำวันลองคิดหาสาเหตุและทางแก้หลายๆ แบบ

3. ความสามารถในการปรับตัวและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี (Adaptability & Tech Savviness)

โลกหมุนเร็วมาก! โดยเฉพาะในวงการบัญชีที่มีโปรแกรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา น้องๆ Gen Z ที่โตมากับเทคโนโลยีอยู่แล้วยิ่งต้องใช้ข้อได้เปรียบนี้ให้เป็นประโยชน์

  • เรียนรู้โปรแกรมใหม่ๆ: นอกจากโปรแกรมพื้นฐานอย่าง Excel แล้ว ทุกวันนี้มีโปรแกรมบัญชีบนคลาวด์ (Cloud Accounting) อย่าง Xero, FlowAccount หรือเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง Power BI, Tableau ที่กำลังมาแรงมากๆ
  • เปิดใจรับการเปลี่ยนแปลง: พร้อมที่จะเรียนรู้กระบวนการทำงานแบบใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ทำงานได้เร็วและแม่นยำขึ้น

How to practice: ลองหัดใช้ Google Sheets หรือ Excel สูตรที่ซับซ้อนขึ้น, ลองเรียนรู้การใช้งานโปรแกรมใหม่ๆ ผ่าน YouTube หรือคอร์สออนไลน์ฟรี

4. การทำงานเป็นทีม (Teamwork & Collaboration)

ลืมภาพการทำงานคนเดียวไปได้เลย นักบัญชีคือศูนย์กลางข้อมูลของบริษัทที่ต้องทำงานร่วมกับแทบทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย, ฝ่ายการตลาด, ฝ่ายบุคคล (HR), หรือฝ่ายผลิต การเข้าใจเป้าหมายของทีมอื่นและทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น จะทำให้องค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้

How to practice: เข้าร่วมชมรมหรือทำกิจกรรมกลุ่มที่โรงเรียน, ทำโปรเจกต์กลุ่มกับเพื่อนๆ และเรียนรู้ที่จะรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น

5. จรรยาบรรณและความซื่อสัตย์ (Ethical Judgement & Integrity)

นี่คือหัวใจของวิชาชีพนักบัญชีเลยก็ว่าได้ ความน่าเชื่อถือคือสิ่งที่มีค่าที่สุด ข้อมูลทางการเงินเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย ตั้งแต่พนักงานไปจนถึงนักลงทุน น้องจึงต้องมีความซื่อสัตย์ ยึดมั่นในหลักการ และกล้าที่จะทักท้วงเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

How to practice: ฝึกเป็นคนตรงไปตรงมา, มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม

6. ความเป็นผู้นำและความคิดริเริ่ม (Leadership & Proactivity)

ไม่จำเป็นต้องรอให้เป็นหัวหน้าก็มีภาวะผู้นำได้ มันคือการทำงานเชิงรุก ไม่ใช่แค่นั่งรอรับคำสั่ง เช่น การเสนอไอเดียปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดีขึ้น, การอาสาช่วยเพื่อนร่วมทีมเมื่อเห็นว่าเขางานล้นมือ หรือการมองไปข้างหน้าและเตรียมข้อมูลเพื่อช่วยผู้บริหารตัดสินใจได้ดีขึ้น

How to practice: อาสาเป็นหัวหน้าโปรเจกต์กลุ่ม, เมื่อเห็นปัญหาอย่าแค่บ่น แต่ลองคิดเสนอทางแก้ไขไปด้วย

7. การบริหารเวลาและจัดการองค์กร (Time Management & Organization)

นักบัญชีมักจะมีเดดไลน์ที่ต้องรับผิดชอบเยอะมาก โดยเฉพาะช่วงปิดงบสิ้นเดือน สิ้นปี การจัดลำดับความสำคัญของงาน, การวางแผนล่วงหน้า, และการทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ จะช่วยลดความเครียดและป้องกันความผิดพลาดได้

How to practice: ใช้ Planner หรือแอปฯ ช่วยจัดตารางเวลา, ฝึกทำการบ้านให้เสร็จก่อนเดดไลน์เสมอ

Q&A ถาม-ตอบกับรุ่นพี่: เคลียร์ทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับเส้นทางนักบัญชี

พี่รวบรวมคำถามยอดฮิตที่น้องๆ มักจะสงสัยมาตอบให้ตรงนี้เลย!

Q1: เรียนบัญชีต้องเก่งคณิตศาสตร์มากๆ เลยมั้ยครับ/คะ?

A: เป็นคำถามที่เจอบ่อยมาก! คำตอบคือ “ไม่จำเป็นต้องเป็นเซียนคณิตศาสตร์” ครับ/ค่ะ งานบัญชีใช้แค่คณิตศาสตร์พื้นฐาน บวก ลบ คูณ หาร เท่านั้นเอง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ทักษะด้านตรรกะ (Logic)” การคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล และความละเอียดรอบคอบ ถ้าเราเข้าใจหลักการและที่มาที่ไปของตัวเลข เราก็ทำได้แน่นอน!

Q2: จบแล้วทำงานอะไรได้บ้าง นอกจากเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี (Auditor)?

A: โห… ได้เยอะมาก! นี่คือข้อดีของการเรียนบัญชีเลย เส้นทางอาชีพเปิดกว้างสุดๆ ทั้งในบริษัทไทยและบริษัทต่างชาติในกรุงเทพฯ หรือแม้แต่การทำงานจากที่บ้านให้บริษัทที่อยู่ขอนแก่นก็ยังได้ ตัวอย่างอาชีพ เช่น:

  • นักบัญชีในองค์กร (Corporate Accountant): ดูแลบัญชีของบริษัทโดยตรง
  • นักวิเคราะห์การเงิน (Financial Analyst): วิเคราะห์ข้อมูลการเงินเพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
  • ที่ปรึกษาด้านภาษี (Tax Consultant): เชี่ยวชาญด้านการวางแผนภาษี
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระบบบัญชี (Accounting System Specialist)
  • นักวางแผนทางการเงิน (Financial Planner)
  • เจ้าของธุรกิจ/ผู้ประกอบการ: ความรู้บัญชีคือพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุดในการทำธุรกิจ!

Q3: แล้วจะฝึก Soft Skills พวกนี้ให้เก่งขึ้นได้จากที่ไหนบ้าง?

A: เริ่มได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย!

  • กิจกรรมในโรงเรียน: เข้าร่วมชมรม, คณะกรรมการนักเรียน, การแข่งขันต่างๆ จะช่วยฝึกทั้งการทำงานเป็นทีม, ความเป็นผู้นำ, และการสื่อสาร
  • งานพาร์ทไทม์: ไม่ว่าจะเป็นงานร้านกาแฟ หรือร้านสะดวกซื้อ ล้วนสอนให้เรารู้จักการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การสื่อสารกับลูกค้า และการบริหารเวลา
  • การฝึกงาน: ถ้ามีโอกาส นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้เห็นการทำงานจริงและเรียนรู้จากรุ่นพี่ในสายงานโดยตรง หลายบริษัทในกรุงเทพฯ เปิดรับนักศึกษาฝึกงานช่วงปิดเทอม ลองหาข้อมูลดูนะ
  • เรียนรู้ด้วยตัวเอง: ดู TED Talks, อ่านหนังสือพัฒนาตัวเอง, หรือลงคอร์สออนไลน์สั้นๆ เกี่ยวกับ Soft Skills ต่างๆ

Q4: อนาคตของอาชีพนักบัญชีในไทยจะเป็นยังไง จะโดน AI แย่งงานมั้ย?

A: พี่มองว่า AI ไม่ได้มา “แย่งงาน” แต่มา “เปลี่ยนรูปแบบการทำงาน” ของเรามากกว่า AI จะเข้ามาช่วยงานเอกสารซ้ำๆ ที่น่าเบื่อ ทำให้เรามีเวลามากขึ้นไปทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ และการตัดสินใจที่ซับซ้อน ซึ่งก็คือการใช้ Soft Skills ที่พี่เล่ามาทั้งหมดนั่นเอง ดังนั้น นักบัญชีที่มี Soft Skills ครบเครื่อง จะยิ่งเป็นที่ต้องการตัวและมีอนาคตที่สดใสแน่นอน!

บทสรุปส่งท้ายถึงน้องๆ

การเป็นนักบัญชีที่ประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัล มันไปไกลกว่าการเก่งแค่ตัวเลขในตำราเรียนแล้ว มันคือการผสมผสานระหว่างความรู้ chuyên môn (Hard Skills) เข้ากับทักษะด้านสังคมและอารมณ์ (Soft Skills) ได้อย่างลงตัว

น้องๆ ไม่จำเป็นต้องเก่งทุกอย่างตั้งแต่วันนี้ แต่การที่เรารู้ตัวและเริ่มฝึกฝนทักษะเหล่านี้ไปทีละนิด จะทำให้น้องๆ กลายเป็นคนที่โดดเด่นและพร้อมสำหรับโลกการทำงานจริง ไม่ว่าจะอยากทำงานในบริษัทข้ามชาติใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ หรืออยากกลับไปพัฒนาธุรกิจที่บ้านเกิดก็ตาม

พี่ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนในการค้นหาตัวเองนะ สู้ๆ แล้วเจอกันในรั้วมหาวิทยาลัยครับ/ค่ะ!

“`

Most Popular

Categories