ข้อผิดพลาดทางบัญชีที่ขวางทางเติบโต และวิธีป้องกัน

บัญชีพลาด ชีวิตพัง! 7 ข้อผิดพลาดทางบัญชีที่วัยรุ่นต้องรู้ ถ้าไม่อยากให้ธุรกิจในฝันสะดุด

น้องๆ ชาว Gen Z ทุกคน พี่เรียนอยู่คณะบัญชี วันนี้ไม่ได้มาสอนเรื่องเดบิต-เครดิตให้น่าเบื่อ แต่จะมาแชร์เรื่องจริงที่เจอมากับตัวและกับเพื่อนๆ ที่เริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง ตั้งแต่ขายของใน IG, รับวาดรูป, สตรีมเกม ไปจนถึงทำเสื้อยืดขาย

พวกเราหลายคนมีความฝัน มีไอเดียเจ๋งๆ อยากสร้างตัว แต่ดันมาตกม้าตายเรื่องที่ดูเหมือนจะน่าเบื่อที่สุด นั่นคือ เรื่องบัญชี ครับ เชื่อพี่เถอะว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขน่าปวดหัว แต่มันคือแผนที่นำทางให้ธุรกิจของเรารอดและเติบโตได้จริงๆ วันนี้พี่จะมาตีแผ่ 7 ข้อผิดพลาดสุดคลาสสิกที่ขวางทางโตของพวกเรา พร้อมวิธีป้องกันแบบเข้าใจง่าย สไตล์รุ่นพี่สอนรุ่นน้อง!


ข้อผิดพลาดที่ 1: ใช้บัญชีเดียวกันมั่วซั่วไปหมด (เงินส่วนตัว VS เงินธุรกิจ)

🤔 มันคืออะไร?

นี่คือข้อผิดพลาดอันดับหนึ่งเลย! คือการใช้บัญชีธนาคารเดียวกันรับเงินค่าขนมจากพ่อแม่, จ่ายค่าเน็ตฟลิกซ์, รับเงินจากลูกค้าที่ซื้อสติกเกอร์, แล้วก็โอนไปซื้อวัตถุดิบทำขนมขาย… ทุกอย่างรวมกันอยู่ในบัญชีเดียว เหมือนเอาการบ้านวิชาเลขไปปนกับเรียงความภาษาไทยอะ มันงง!

😱 ทำไมถึงพัง?

  • ไม่รู้กำไรที่แท้จริง: สิ้นเดือนเห็นเงินในบัญชีเหลือ 5,000 บาท เอ๊ะ… นี่กำไรหรือเงินค่าขนมที่ยังไม่ได้ใช้? ตอบไม่ได้หรอก เพราะมันปนกันมั่วไปหมด ทำให้เราไม่รู้ว่าธุรกิจที่เราทำอยู่มันเวิร์คจริงมั้ย
  • วางแผนการเงินไม่ได้: อยากซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆ มาต่อยอดธุรกิจ แต่ไม่รู้ว่ามีเงินธุรกิจเหลือจริงๆ เท่าไหร่ สุดท้ายอาจจะเผลอเอาเงินส่วนตัวไปใช้จนหมด
  • ปวดหัวตอนยื่นภาษี (ในอนาคต): ถ้าธุรกิจโตขึ้นจนต้องยื่นภาษี การที่เงินปนกันจะทำให้การแยกรายรับ-รายจ่ายทางธุรกิจเป็นเรื่องนรกแตกมาก สรรพากรอาจมองว่าเงินทุกบาทที่เข้ามาคือรายได้ทั้งหมดก็ได้นะ!

💡 วิธีป้องกันฉบับตัวตึง:

แยกบัญชีสถานเดียว! ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด เปิดบัญชีธนาคารใหม่เลย 1 บัญชีสำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ อาจจะเป็นบัญชีออมทรัพย์ธรรมดานี่แหละ ไม่ต้องหรูหรา บัญชีนี้ใช้สำหรับ:

  • รับเงินจากลูกค้าเท่านั้น
  • จ่ายค่าของ ค่าวัตถุดิบ ค่าการตลาด ทุกอย่างที่เกี่ยวกับธุรกิจ

ส่วนเงินส่วนตัวก็ใช้อีกบัญชีไปเลย ถ้าอยากใช้เงินจากธุรกิจ ก็ให้โอนเงินเดือนให้ตัวเองจากบัญชีธุรกิจมาบัญชีส่วนตัว แบบนี้ชัดเจนกว่าเยอะ!


ข้อผิดพลาดที่ 2: “เล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องจดหรอก” ความคิดมหาภัย

🤔 มันคืออะไร?

คือการที่เรามองข้ามรายจ่ายเล็กๆ น้อยๆ เช่น ค่ากล่องพัสดุ 5 บาท, ค่าปริ้นท์ใบปะหน้า 1 บาท, ค่าเดินทางไปส่งของ 20 บาท, ค่ากาแฟที่ซื้อตอนไปคุยงานกับเพื่อน… แล้วคิดในใจว่า “ไม่กี่บาทเอง ช่างมันเถอะ”

😱 ทำไมถึงพัง?

เพราะ เล็กๆ น้อยๆ นี่แหละที่รวมกันแล้วเป็นเงินก้อนโต! สมมติว่าค่าใช้จ่ายจิปาถะพวกนี้วันละ 50 บาท เดือนนึงก็ 1,500 บาทแล้วนะ ปีนึงก็ 18,000 บาท! เงินจำนวนนี้อาจจะพอซื้อโทรศัพท์ใหม่ได้เลย การไม่จดค่าใช้จ่ายพวกนี้ทำให้เราคำนวณต้นทุน ผิดพลาด และคิดว่าตัวเองได้กำไร เยอะเกินจริง ทั้งที่จริงแล้วกำไรอาจจะน้อยนิดหรืออาจจะกำลังขาดทุนอยู่ก็ได้!

💡 วิธีป้องกันฉบับตัวตึง:

จดทุกบาททุกสตางค์! ไม่ว่าจะจ่ายอะไรไปเพื่อธุรกิจ ต้องจด! ไม่ต้องใช้สมุดบัญชีหรูๆ ก็ได้

  • ใช้แอปฯ ในมือถือ: มีแอปฯ จดรายรับรายจ่ายเยอะมาก เช่น Money Lover, Spendee หรือแม้แต่แอปฯ Notes ในมือถือก็ยังได้
  • สร้าง Google Sheets ง่ายๆ: ทำตาราง 3 ช่อง: วันที่, รายการ, จำนวนเงิน (แยกเป็นรายรับ/รายจ่าย)
  • กฎเหล็ก: จ่ายปุ๊บ จดปั๊บ! อย่ารอให้ลืม ทำให้เป็นนิสัยเหมือนเช็คโซเชียลเลย

ข้อผิดพลาดที่ 3: ทิ้งขว้างใบเสร็จ/สลิปโอนเงิน เหมือนกระดาษไร้ค่า

🤔 มันคืออะไร?

เวลาเราซื้อของเข้าร้าน หรือจ่ายค่าอะไรต่างๆ แล้วได้ใบเสร็จมา ก็ขยำทิ้งถังขยะไป หรือสลิปโอนเงินในมือถือก็ปล่อยให้มันหายไปกับแชท ไม่เคยเซฟเก็บไว้เลย

😱 ทำไมถึงพัง?

ใบเสร็จและสลิปพวกนั้นไม่ใช่แค่กระดาษรกๆ นะครับ แต่มันคือ ‘หลักฐานชั้นดี’ ที่ยืนยันว่าเรามีรายจ่ายเกิดขึ้นจริง ถ้าไม่มีหลักฐานพวกนี้:

  • จำไม่ได้ว่าจ่ายอะไรไป: ผ่านไป 2 อาทิตย์ อาจจะลืมไปแล้วว่าเงิน 500 บาทที่หายไปจากบัญชีคือค่าอะไร
  • มีปัญหาด้านภาษีในอนาคต: สรรพากรไม่เชื่อคำพูดลอยๆ นะครับ เขาเชื่อเอกสาร การมีใบเสร็จครบถ้วนจะช่วยให้เรานำรายจ่ายไปหักลดหย่อนภาษีได้อย่างถูกต้อง (เรื่องนี้สำคัญมากเมื่อเราโตขึ้น)
  • พิสูจน์ความโปร่งใสไม่ได้: ถ้าทำธุรกิจกับเพื่อน แล้วเกิดปัญหาว่าเงินหายไปไหน การมีหลักฐานครบจะช่วยเคลียร์ปัญหาได้

💡 วิธีป้องกันฉบับตัวตึง:

สร้างแฟ้มเก็บหลักฐานดิจิทัล!

  1. ถ่ายรูปใบเสร็จทุกใบที่ได้มาทันที
  2. แคปหน้าจอ E-slip หรือสลิปการโอนเงินทุกครั้ง
  3. สร้างอัลบั้มในมือถือชื่อ “หลักฐานรายจ่าย [เดือน/ปี]” หรือสร้างโฟลเดอร์ใน Google Drive / Dropbox
  4. สิ้นเดือนก็เอายอดจากหลักฐานพวกนี้ไปกระทบกับรายการที่จดไว้ในข้อ 2 เพื่อความชัวร์

ง่ายๆ แค่นี้เอง แต่ทรงพลังมากๆ!


พี่นัทตอบคำถาม! Q&A บัญชีจากเพื่อนๆ

Q: ขายของใน IG เล็กๆ น้อยๆ รายได้เดือนละ 2-3 พันบาท จำเป็นต้องทำบัญชีจริงจังขนาดนี้เลยเหรอคะ?

A: คำตอบคือ โคตรจำเป็นเลยครับ! ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวเราเอง การทำบัญชีตั้งแต่ตอนที่ธุรกิจยังเล็กๆ จะทำให้เรารู้ ‘สุขภาพทางการเงิน’ ของร้านเราจริงๆ ว่าขายดีแล้วกำไรมั้ย? ควรขึ้นราคาหรือลดต้นทุนตรงไหน? มันคือการสร้างนิสัยที่ดี ถ้าวันนึงร้านเราโตขึ้น รับรองว่าสบายกว่าคนอื่นเยอะ!

Q: “รายได้” กับ “กำไร” ต่างกันยังไงอ่ะพี่? หนูงง

A: คำถามดีมาก! เข้าใจง่ายๆ แบบนี้ครับ
รายได้ (Revenue): คือเงินทั้งหมดที่เรารับมาจากลูกค้า ยังไม่ได้หักอะไรเลย เช่น ขายเสื้อได้ 10 ตัว ตัวละ 300 บาท รายได้คือ 3,000 บาท
กำไร (Profit): คือ ‘เงินที่เหลือจริงๆ’ ในกระเป๋าเรา หลังจากหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างออกไปแล้ว เช่น รายได้ 3,000 – ค่าเสื้อ 1,500 – ค่าส่ง 300 – ค่ากล่อง 50 = กำไร 1,150 บาท
คนส่วนใหญ่พลาดตรงที่มองแค่รายได้ แล้วคิดว่าตัวเองรวยแล้ว แต่ลืมหักต้นทุนไงล่ะ!


ข้อผิดพลาดที่ 4: ไม่เคยตั้งเป้าหมายทางการเงินและงบประมาณ

🤔 มันคืออะไร?

คือการทำธุรกิจไปวันๆ แบบไร้ทิศทาง มีเงินเข้ามาก็ใช้ไป มีของต้องซื้อก็ซื้อไป ไม่เคยวางแผนล่วงหน้าเลยว่าเดือนนี้อยากได้กำไรเท่าไหร่ หรือมีงบสำหรับค่าการตลาด (เช่น ยิงแอด) เท่าไหร่

😱 ทำไมถึงพัง?

เหมือนกับการวิ่งโดยไม่มีเส้นชัยนั่นแหละครับ เราจะวิ่งสะเปะสะปะและหมดแรงไปเอง การไม่มีเป้าหมายทำให้เรา:

  • ใช้เงินเกินตัว: เห็นของใหม่อยากได้ ก็ซื้อมาสต็อกโดยไม่คิดว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ สุดท้ายเงินจม ของขายไม่ออก
  • วัดผลความสำเร็จไม่ได้: เราจะไม่รู้เลยว่าเดือนนี้เราทำได้ดีกว่าเดือนที่แล้วมั้ย เพราะไม่มีตัวเลขเป้าหมายมาเปรียบเทียบ
  • ขาดแรงจูงใจ: การไปถึงเป้าหมายเล็กๆ ได้ในแต่ละเดือนมันเป็นกำลังใจที่ดีมากนะ!

💡 วิธีป้องกันฉบับตัวตึง:

ตั้งเป้าหมายแบบ SMART Goal และทำงบประมาณง่ายๆ

  • S (Specific): เจาะจงไปเลย เช่น “อยากมีกำไร 5,000 บาทในเดือนนี้” ไม่ใช่แค่ “อยากรวย”
  • M (Measurable): วัดผลได้เป็นตัวเลข (กำไร 5,000 บาท)
  • A (Achievable): เป็นไปได้จริง ไม่ใช่ตั้งเป้ากำไรล้านนึงในเดือนแรก
  • R (Relevant): สอดคล้องกับธุรกิจของเรา
  • T (Time-bound): มีเดดไลน์ชัดเจน (ภายในเดือนนี้)

จากนั้นก็ทำ งบประมาณ คร่าวๆ ว่าเดือนนี้เราคาดว่าจะมีรายจ่ายอะไรบ้าง เช่น ค่าวัตถุดิบ 3,000 บาท, ค่าแพ็กเกจจิ้ง 500 บาท, ค่ายิงแอด 1,000 บาท แล้วพยายามควบคุมรายจ่ายให้อยู่ในงบนี้ให้ได้


ข้อผิดพลาดที่ 5: คิดว่า “ภาษี” เป็นเรื่องไกลตัว

🤔 มันคืออะไร?

น้องๆ หลายคนอาจจะคิดว่า “โหพี่ แค่นี้ก็ปวดหัวแล้ว ยังจะให้คิดเรื่องภาษีอีกเหรอ หนูยังเด็กอยู่เลย รายได้ก็ไม่เยอะ” ซึ่งเป็นความคิดที่อันตรายในระยะยาวครับ

😱 ทำไมถึงพัง?

ในประเทศไทย ถ้าเรามีรายได้ (แม้จะเป็นการขายของออนไลน์) เราก็มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีนะครับ แม้รายได้อาจจะยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องจ่ายเงินภาษี แต่ การยื่น’ เป็นหน้าที่ แม้กฎหมายอาจจะยังไม่เข้มงวดกับเด็กๆ แต่ถ้าธุรกิจเราโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี อาจจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือถ้ามีกำไรสุทธิเกินเกณฑ์ที่กำหนด ก็ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การไม่รู้เรื่องนี้เลย พอถึงเวลาที่ต้องทำจริงๆ จะวุ่นวายมาก และอาจโดนค่าปรับย้อนหลังได้

💡 วิธีป้องกันฉบับตัวตึง:

เริ่มศึกษา ไม่ต้องรอ! พี่ไม่ได้บอกให้ไปนั่งอ่านประมวลรัษฎากรนะ! แค่:

  • เข้าใจคอนเซ็ปต์: รู้ว่ารายได้จากการขายของของเราถือเป็น ‘เงินได้ประเภทที่ 8’ (เงินได้จากการค้าขาย)
  • ติดตามข่าวสาร: เดี๋ยวนี้มีเพจให้ความรู้เรื่องภาษีสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เยอะมาก ลองไปกดติดตามอ่านผ่านๆ ตาก็ยังดี
  • เก็บเอกสารให้ดี: การทำตามข้อ 1, 2, 3 ที่พี่บอกมานั่นแหละ คือการเตรียมตัวเรื่องภาษีที่ดีที่สุดแล้ว!

ข้อผิดพลาดที่ 6: DIY ทุกอย่าง ไม่ยอมใช้เครื่องมือช่วย

🤔 มันคืออะไร?

คือความเชื่อที่ว่า “ฉันทำเองได้หมดแหละ” ยังคงจดบัญชีในสมุดที่ยับเยิน, คำนวณต้นทุนกำไรด้วยเครื่องคิดเลขทีละรายการ, ไม่ยอมใช้เทคโนโลยีหรือแอปพลิเคชันใดๆ มาช่วยเลย

😱 ทำไมถึงพัง?

มันเสียเวลาและเสี่ยงต่อความผิดพลาดสูงมาก! เวลาที่เราควรจะเอาไปคิดเรื่องการตลาด, พัฒนาสินค้า, หรือคุยกับลูกค้า กลับต้องมาจมอยู่กับงานเอกสารที่ซ้ำซาก แถมการคำนวณด้วยมืออาจมีบวกเลขผิด ทำให้ตัวเลขกำไรเพี้ยนไปหมด

💡 วิธีป้องกันฉบับตัวตึง:

เปิดใจรับเทคโนโลยี! สมัยนี้มีเครื่องมือฟรีและดีเยอะมาก:

  • Google Sheets / Microsoft Excel: แค่ใช้สูตรพื้นฐานอย่าง SUM ก็ช่วยทุ่นแรงไปได้เยอะแล้ว ลองหาคลิปสอนใน YouTube ดู ง่ายนิดเดียว
  • แอปฯ จัดการร้านค้า: บางแอปฯ ช่วยจัดการสต็อกสินค้าและบันทึกยอดขายได้ในตัว
  • แอปฯ ทำบัญชีง่ายๆ: อย่างที่บอกไปในข้อ 2 มีเยอะมาก ลองโหลดมาเล่นดูซัก 2-3 อัน แล้วเลือกอันที่ถูกใจ

ข้อผิดพลาดที่ 7: ไม่เคยตรวจสอบและสรุปผลรายเดือน

🤔 มันคืออะไร?

จดก็จดไป แต่ไม่เคยย้อนกลับมาดูเลยว่าเดือนที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง ขายอะไรดีที่สุด? เดือนนี้กำไรเพิ่มขึ้นหรือลดลงเพราะอะไร? ค่าใช้จ่ายอะไรที่สูงผิดปกติ?

😱 ทำไมถึงพัง?

ข้อมูลที่เราจดมาทั้งหมดจะไม่มีประโยชน์เลยถ้าเราไม่เอามันมาวิเคราะห์ มันเหมือนเรามีแผนที่สมบัติอยู่ในมือ แต่ไม่เคยเปิดดูเลย เราจะพลาดโอกาสในการพัฒนาธุรกิจไปอย่างน่าเสียดาย

💡 วิธีป้องกันฉบับตัวตึง:

กำหนด “วันเช็คบัญชี” ประจำเดือน! อาจจะเป็นทุกวันสิ้นเดือน หรือวันที่ 1 ของเดือนถัดไป ใช้เวลาซัก 1-2 ชั่วโมงในการ:

  1. สรุปยอด: รวมรายรับทั้งหมด, รายจ่ายทั้งหมด
  2. คำนวณกำไรสุทธิ: (รายรับ – รายจ่าย)
  3. วิเคราะห์: ลองตั้งคำถามกับตัวเอง เช่น “ทำไมเดือนนี้ค่าส่งของแพงจัง?” “สินค้าตัวไหนขายดีสุด?” “เดือนหน้าจะลดค่าใช้จ่ายตรงไหนได้บ้าง?”

การทำแบบนี้จะทำให้เราเห็นภาพรวมและตัดสินใจในเดือนต่อไปได้ดีขึ้นมากๆ


บทสรุป: บัญชีไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่คืออาวุธลับของวัยรุ่นสร้างตัว

อ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่าน้องๆ จะเห็นแล้วว่าการทำบัญชีมันไม่ได้ยากหรือน่าเบื่ออย่างที่คิดนะครับ มันไม่ใช่เรื่องของคนเรียนจบบัญชีหรือบริษัทใหญ่ๆ แต่มันคือ อาวุธลับ ของพวกเราทุกคนที่กำลังสร้างธุรกิจของตัวเอง มันคือเครื่องมือที่จะเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นความจริงที่ยั่งยืน

อย่าปล่อยให้ข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้มาขัดขวางเส้นทางของเราเลยครับ เริ่มจากวันนี้ ลองเปิดบัญชีใหม่, สร้างไฟล์ Google Sheets ง่ายๆ หรือโหลดแอปฯ มาลองใช้ดู พี่รับรองว่าการลงแรงในวันนี้ จะส่งผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับธุรกิจในฝันของน้องๆ ในอนาคตแน่นอน!

Most Popular

Categories