ปลดล็อกสกิลเทพ! เทคนิคบริหารรายได้และลดหย่อนภาษี ฉบับเด็กมหาวิทยาลัย (ที่ใครๆ ก็ทำได้!)
สวัสดีน้องๆ ชาว Gen Z ทุกคน! พี่เป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยคนนึงที่เคยผ่านจุดที่พวกเรากำลังยืนอยู่มาก่อน… จุดที่เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะจากงานพาร์ทไทม์ ขายของออนไลน์ หรือรับงานฟรีแลนซ์เล็กๆ น้อยๆ พอมีเงินเข้าบัญชีปุ๊บ ความรู้สึกเหมือนเวลอัพมันก็จะฟินๆ หน่อยใช่มั้ยล่ะ? แต่เดี๋ยวก่อน! พอมี ‘รายได้’ ปุ๊บ มันจะมีบอสใหญ่ด่านสุดท้ายที่ชื่อว่า ‘ภาษี’ รอเราอยู่!
หลายคนได้ยินคำว่า “ภาษี” แล้วอาจจะเบือนหน้าหนี รู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว น่าเบื่อ ซับซ้อน มีแต่ตัวเลขเต็มไปหมด… พี่ก็เคยคิดแบบนั้น! แต่เชื่อพี่เถอะว่า การเข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ คือการติดอาวุธและอัปเกรดสกิลชีวิตทางการเงินที่โคตรจะทรงพลังเลยล่ะ บทความนี้ พี่จะมาย่อยเรื่องยากๆ ให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ เหมือนอ่านไกด์เกม พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย!
Part 1: The Foundation – จัดการ ‘รายได้’ ให้เหมือนโปร
ก่อนที่เราจะไปสู้กับบอสใหญ่เรื่องภาษี เราต้องสร้างฐานทัพของเราให้แข็งแกร่งก่อน นั่นก็คือการบริหารรายรับ-รายจ่ายของตัวเองให้เป็นระบบซะก่อน ไม่งั้นเงินหายไปไหนไม่รู้ตัวแน่นอน
1.1 รู้จักแหล่งที่มาของเงิน (Know Your Income Source)
รายได้ของพวกเราวัยนี้มันหลากหลายมาก ลองลิสต์ออกมาให้หมดเลยว่าเงินของเรามาจากไหนบ้าง:
- เงินเดือนจากงานพาร์ทไทม์: อันนี้ชัดเจน มาเป็นก้อนทุกสิ้นเดือน/สิ้นวีค
- ขายของออนไลน์: กำไรจากการขายเสื้อผ้า, ของสะสม, รับพรีออเดอร์
- งานฟรีแลนซ์: รับจ้างวาดรูป, ออกแบบกราฟิก, เขียนคอนเทนต์, แปลภาษา
- เงินจากผู้ปกครอง: แม้อาจจะไม่ใช่ ‘รายได้’ ที่ต้องเสียภาษี แต่ก็ควรนับเป็น ‘รายรับ’ เพื่อให้เห็นภาพรวม
Pro-Tip: ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายง่ายๆ ในแอปฯ Note หรือใช้แอปฯ จัดการเงินโดยเฉพาะเลยก็ได้ มันจะทำให้เรารู้ว่าเดือนๆ นึงเงินเราเข้า-ออกไปกับอะไรบ้าง เหมือนมี Mini-map คอยดูการเดินของเงินเราตลอดเวลา
1.2 กฎทองคำ 50/30/20 (ฉบับปรับปรุงเพื่อวัยรุ่นไทย)
นี่คือสูตรแบ่งเงินสุดคลาสสิกที่ใช้ได้ผลเสมอ พี่ขอเอามาปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของพวกเรานะ สมมติว่าเดือนนี้เรามีเงินใช้ทั้งหมด 10,000 บาท ลองแบ่งเป็น 3 กองแบบนี้ดู
- กองที่ 1: 50% (5,000 บาท) – ของมันต้องมี (Needs):นี่คือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจริงๆ ถ้าไม่จ่ายจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตหรือการเรียน สำหรับวัยเราก็อาจจะเป็น:
- ค่าเดินทางไปโรงเรียน/ที่ทำงาน
- ค่าอาหาร (มื้อหลักๆ ที่จำเป็น)
- ค่าโทรศัพท์ / ค่าอินเทอร์เน็ต
- ค่าอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นต้องซื้อ
- กองที่ 2: 30% (3,000 บาท) – ของมันต้องได้ (Wants):กองนี้คือส่วนที่เอาไว้เติมความสุขให้ชีวิต เป็นรางวัลให้ตัวเองที่ตั้งใจเรียน/ทำงานมาเหนื่อยๆ:
- ชานมไข่มุก, กาแฟร้านโปรด
- ดูหนัง, ซื้อเกม, สมัครสตรีมมิ่ง
- เสื้อผ้าใหม่ๆ, ของ K-Pop ที่ต้องพรีฯ
- ไปเที่ยวคาเฟ่กับเพื่อน
- กองที่ 3: 20% (2,000 บาท) – สร้างอนาคตที่สดใส (Savings & Investment):กองนี้สำคัญที่สุด! มันคือการ “จ่ายให้ตัวเองในอนาคตก่อน” เป็นการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว อย่ามองข้ามเด็ดขาด! ซึ่งเราอาจจะแบ่งย่อยได้อีก:
- เงินออมฉุกเฉิน: เก็บไว้ในบัญชีที่ถอนง่าย เผื่อทำมือถือพัง หรือต้องใช้เงินด่วน
- เงินออมเพื่อเป้าหมาย: อยากได้หูฟังใหม่, ไปคอนเสิร์ตศิลปินที่ชอบ ก็เก็บเงินก้อนนี้แหละ
- เงินลงทุน: ใช่แล้ว! อายุเท่านี้ก็เริ่มลงทุนได้! อาจจะเริ่มจากการซื้อกองทุนรวมง่ายๆ เดือนละ 500-1,000 บาท เพื่อให้เงินทำงานให้เรา ซึ่งส่วนนี้แหละที่จะโยงไปถึงเรื่องการลดหย่อนภาษีในอนาคตได้ด้วย!
Part 2: The Boss Level – ตะลุยด่าน ‘ภาษี’ และไอเทม ‘ลดหย่อน’
โอเค! พอฐานทัพเราแน่นแล้ว ก็ถึงเวลามาทำความรู้จักกับบอสที่ชื่อว่า “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” กันซะที
2.1 ภาษีคืออะไร? ทำไมเราต้องจ่าย?
พูดง่ายๆ ภาษีก็เหมือนค่าส่วนกลางที่เราจ่ายให้ประเทศ เพื่อให้รัฐบาลเอาไปพัฒนาถนนหนทาง, โรงพยาบาล, โรงเรียน, ระบบไฟฟ้าประปา และสวัสดิการต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี่แหละ
คำถามสำคัญ: แล้วใครต้องจ่าย?
ตามกฎหมายของประเทศไทย ถ้าเรามี “เงินได้สุทธิ” ทั้งปี (1 มกราคม – 31 ธันวาคม) เกิน 150,000 บาท เราจะมีหน้าที่ต้องเสียภาษีครับผม!
“เงินได้สุทธิ” คืออะไร? มันไม่ได้หมายความว่าหาเงินได้ 150,001 บาทแล้วต้องจ่ายภาษีทันทีนะ มันมีสูตรคำนวณง่ายๆ คือ:
(รายได้ทั้งปี) - (ค่าใช้จ่าย) - (ค่าลดหย่อน) = เงินได้สุทธิ
เห็นมั้ย? มันมีตัวช่วยที่เรียกว่า “ค่าลดหย่อน” อยู่ ซึ่งนี่แหละคือไอเทมเทพที่เราจะใช้สู้กับบอสภาษี!
2.2 เปิดตำราไอเทมลดหย่อนภาษี (The Ultimate Deduction Cheat Sheet)
ค่าลดหย่อน คือ สิทธิประโยชน์ที่กฎหมายให้เราเอามาหักออกจากรายได้ เพื่อให้เราเสียภาษีน้อยลง หรืออาจจะไม่ต้องเสียเลยก็ได้ มาดูกันว่ามีไอเทมอะไรให้เราเก็บ บ้าง
หมวดพื้นฐาน (Basic Items – ทุกคนมีสิทธิ์ใช้)
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท
ไอเทมฟรี! แค่เราเป็นคนไทย มีชีวิตอยู่ สรรพากรก็ให้สิทธิ์นี้มาเลยทันที 60,000 บาท
หมวดประกันและการลงทุน (Protection & Investment Items – ไอเทมสำหรับสายวางแผน)
- เงินสมทบกองทุนประกันสังคม:
ถ้าน้องๆ ทำงานพาร์ทไทม์ในบริษัทที่เป็นระบบ เขาจะหักเงินเราส่งประกันสังคมทุกเดือน เราสามารถเอาส่วนที่เราจ่ายไป มาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาทต่อปี - เบี้ยประกันชีวิต / ประกันสุขภาพ:
การซื้อประกันก็เหมือนการซื้อไอเทมป้องกันสถานะผิดปกติให้ตัวเอง (กันป่วย, กันอุบัติเหตุ) นอกจากจะคุ้มครองเราแล้ว ยังเอาเบี้ยประกันที่จ่ายไปมาลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะ (ประกันสุขภาพลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท และเมื่อรวมกับประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท) - กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF – Super Savings Fund):
อันนี้คือไอเทมสำหรับอนาคต! เหมือนเราเอาเงินไปฝากไว้ในหีบสมบัติที่จะเปิดได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า เงินที่เราซื้อกองทุนนี้ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท เหมาะกับคนที่อยากออมเงินระยะยาว - กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF – Retirement Mutual Fund):
นี่คือไอเทมสำหรับวัยเกษียณ อาจจะดูไกลตัวมากๆ สำหรับเรา แต่การเริ่มก่อนคือโคตรได้เปรียบ หลักการคล้าย SSF แต่ต้องถือยาวจนถึงอายุ 55 ปี ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ) - กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG – Thailand ESG Fund):
ไอเทมน้องใหม่ล่าสุด! เป็นการลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล (ESG = Environment, Social, Governance) เหมือนเราได้ลงทุนเพื่ออนาคตตัวเอง และยังได้สนับสนุนบริษัทดีๆ เพื่ออนาคตของโลกด้วย ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
หมวดอื่นๆ (Misc Items)
- เงินบริจาค:
สายบุญต้องชอบ! การบริจาคให้วัด โรงเรียน โรงพยาบาล หรือมูลนิธิต่างๆ ที่จดทะเบียน สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ถ้าบริจาคผ่านระบบ e-Donation ยิ่งสะดวก ไม่ต้องเก็บใบเสร็จเลย แถมบางที่ลดหย่อนได้ถึง 2 เท่าของเงินที่บริจาคไปเลยนะ!