Data Analytics: ทักษะลับ อัพเวลนักบัญชียุคใหม่ 2025
หวัดดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน! พี่เป็นนักศึกษาบัญชีปี 4 คนนึงที่กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกการทำงานเต็มตัว บอกเลยว่าช่วงนี้พี่อินกับเรื่อง Data มากๆ แล้วก็อยากจะมาแชร์ให้ฟังว่าทำไม Data Analytics ถึงกลายเป็นทักษะที่ ‘ต้องมี’ ไม่ใช่แค่ ‘มีก็ดี’ สำหรับเด็กบัญชีอย่างเราๆ ในปี 2025 และอนาคตข้างหน้า
ภาพจำเก่าๆ vs ความจริงของนักบัญชียุคใหม่
ลองนึกภาพ “นักบัญชี” ในหัวของน้องๆ ดูสิ… หลายคนคงเห็นภาพคนใส่แว่นหนาเตอะ นั่งอยู่หน้ากองเอกสารมหึมาพร้อมเครื่องคิดเลขคู่ใจ คอยบันทึกตัวเลขเดบิต-เครดิตให้ตรงกันเป๊ะๆ ใช่ไหม? ภาพนั้นมันก็ไม่ผิดหรอกนะ แต่มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของโลกใบเก่าเท่านั้น!
ในยุคที่ข้อมูลมีค่าดั่งทองคำ (หรือที่เค้าเรียกกันเท่ๆ ว่า Big Data) บทบาทของนักบัญชีมันเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยล่ะ พวกเราไม่ได้เป็นแค่ “ผู้บันทึกประวัติศาสตร์” ทางการเงินอีกต่อไปแล้ว แต่เรากำลังจะกลายเป็น “นักวิเคราะห์และนักวางกลยุทธ์” ที่ใช้ข้อมูลมาขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินไปข้างหน้าต่างหาก
คิดง่ายๆ เหมือนเราเป็นหมอของบริษัท สมัยก่อนเราอาจจะแค่ตรวจเช็คว่า “อ๋อ คนไข้ (บริษัท) มีไข้ (ขาดทุน) นะ” แต่สมัยนี้เราต้องสืบให้ลึกกว่านั้น “ทำไมถึงขาดทุน? ขาดทุนจากสาขาไหน? สินค้าตัวไหนขายไม่ดี? แล้วเราจะปรับแผนการตลาดยังไงเพื่อทำกำไรในไตรมาสหน้า?” เห็นป่ะ? มันคือการเปลี่ยนจาก What (เกิดอะไรขึ้น) ไปสู่ Why (ทำไมถึงเกิด) และ How (จะแก้ไขยังไง) ซึ่งทั้งหมดนี้… คำตอบมันซ่อนอยู่ใน “ข้อมูล” นั่นเอง
ทำไมนักบัญชีต้องแคร์ Data Analytics? ก็เราแค่ทำบัญชีไม่ใช่เหรอ?
คำถามนี้ดีมาก! เอาจริง ๆ นะ ตอนแรกพี่ก็คิดแบบนั้นแหละ แต่พอได้เรียนลึกขึ้น ได้ฝึกงาน ได้เห็นโลกจริง พี่บอกเลยว่าใครไม่มีสกิลนี้คือเสียเปรียบสุดๆ เพราะ Data Analytics ช่วยอัพเกรดนักบัญชีธรรมดาๆ ให้กลายเป็นคนสำคัญขององค์กรได้เลย ด้วยเหตุผลหลักๆ 4 ข้อนี้
- ตัดสินใจได้เฉียบคมขึ้น (Better Decision-Making): แทนที่จะใช้สัญชาตญาณหรือประสบการณ์เดาๆ ผู้บริหารยุคใหม่ต้องการข้อมูลที่จับต้องได้มาสนับสนุนการตัดสินใจ นักบัญชีที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอเป็น Insight ที่เข้าใจง่าย จะกลายเป็นคู่คิดทางธุรกิจที่ทุกคนต้องการตัว
- หาจุดรั่วไหลและโอกาสที่ซ่อนอยู่ (Finding Fraud and Opportunities): ข้อมูลจำนวนมหาศาลอาจมีรูปแบบการทุจริตซ่อนอยู่ การใช้ Data Analytics ช่วยให้นักบัญชี (โดยเฉพาะสาย Audit) สามารถตรวจจับความผิดปกติที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นได้ง่ายขึ้น ในทางกลับกัน มันก็ช่วยให้เราเห็นโอกาสใหม่ๆ เช่น ลูกค้ากลุ่มไหนน่าจะซื้อสินค้าตัวใหม่ของเรามากที่สุด
- ทำงานไวขึ้นและฉลาดขึ้น (Increased Efficiency): ลืมการนั่งสุ่มตรวจเอกสารทีละใบไปได้เลย เราสามารถใช้โปรแกรมดึงข้อมูลและตรวจสอบรายการนับล้านได้ในเวลาไม่กี่นาที ทำให้เรามีเวลาไปโฟกัสกับงานที่ต้องใช้สมองคิดวิเคราะห์มากกว่างาน Routine ซ้ำๆ ซากๆ
- เป็นมากกว่านักบัญชี (Becoming a Strategic Partner): นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด! การมีทักษะ Data Analytics ทำให้เราสามารถพูดคุยกับฝ่ายอื่นๆ เช่น ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย หรือฝ่ายผลิตได้รู้เรื่อง เราไม่ได้แค่บอกว่า “ยอดขายตก” แต่เราสามารถบอกได้ว่า “ยอดขายตกเพราะแคมเปญ A ไม่ได้ผลกับลูกค้ากลุ่ม Gen Z ในพื้นที่กรุงเทพฯ เราควรปรับไปใช้แคมเปญ B ที่เคยเวิร์คกับกลุ่มนี้แทน” นี่แหละคือการสร้างมูลค่าที่แท้ทรู!
สกิลและเครื่องมือที่ต้องมี: เริ่มจากตรงไหนดี?
โอเค พอเห็นความสำคัญแล้ว คำถามต่อมาคือ “แล้วต้องเริ่มยังไงล่ะพี่?” ไม่ต้องตกใจไป เราไม่ต้องถึงกับต้องไปเป็น Data Scientist เต็มตัว แต่การมีพื้นฐานและความเข้าใจในเครื่องมือเหล่านี้ จะทำให้โปรไฟล์ของเราโดดเด่นกว่าคนอื่นมากๆ ในตลาดงานบ้านเรา
1. Hard Skills (ทักษะเชิงเทคนิค)
- Microsoft Excel (ระดับเทพ): อย่าเพิ่งดูถูก! Excel ยังคงเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ทรงพลังมาก แต่เราต้องใช้ให้เป็นมากกว่าแค่การบวกลบคูณหาร น้องๆ ต้องรู้จักใช้ PivotTables, VLOOKUP, XLOOKUP, และที่สำคัญคือ Power Query ซึ่งเป็นเครื่องมือ ETL (Extract, Transform, Load) ข้อมูลที่ติดมากับ Excel อยู่แล้ว มันช่วยจัดการข้อมูลดิบๆ ให้สะอาดพร้อมใช้งานได้แบบโคตรง่าย
- SQL (Structured Query Language): ชื่ออาจจะฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วมันคือ “ภาษา” ที่เราใช้คุยกับฐานข้อมูล คิดซะว่าบริษัทเก็บข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการขายทั้งหมดไว้ในตู้เซฟขนาดใหญ่ (Database) และ SQL คือกุญแจและคำสั่งที่เราใช้เพื่อจะเข้าไป “ดึง” แค่ข้อมูลที่เราต้องการออกมาวิเคราะห์ การเขียน SQL พื้นฐานได้จะทำให้น้องๆ ไม่ต้องรอพึ่งแผนก IT ตลอดเวลา
- Data Visualization Tools (Power BI, Tableau): สองตัวนี้คือพระเอกเลย! มันเป็นโปรแกรมที่ช่วยแปลงตารางตัวเลขน่าเบื่อๆ ให้กลายเป็นกราฟ, แผนภูมิ, Dashboard สวยๆ ที่ใครเห็นก็เข้าใจได้ทันที ลองนึกภาพเราพรีเซนต์งานด้วย Dashboard ที่คลิกดูข้อมูลแบบ Interactive ได้ เทียบกับเพื่อนที่พรีเซนต์ด้วยตาราง Excel ธรรมดา…ใครจะดูโปรและน่าเชื่อถือกว่ากันล่ะ?
- Microsoft Power BI: ใช้ง่ายสำหรับคนที่คุ้นเคยกับโปรแกรมของ Microsoft อยู่แล้ว และมีเวอร์ชัน Desktop ให้โหลดมาลองเล่นฟรีด้วย
- Tableau: ได้รับความนิยมสูงมากในระดับโลก ขึ้นชื่อเรื่องการทำ Visualization ที่ยืดหยุ่นและสวยงามมากๆ
- Programming Language (Python/R): อันนี้ถือเป็นขั้น Advance ขึ้นมาอีกสเต็ป ถ้าใครสนใจไปสาย Data จ๋าๆ การเรียนรู้ Python (โดยเฉพาะ Library อย่าง Pandas, Matplotlib) จะเปิดโลกให้น้องๆ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนและทำ Predictive Modeling (การทำนายอนาคต) ได้เลย แต่สำหรับนักบัญชีส่วนใหญ่ แค่ 3 ข้อแรกก็ถือว่าเจ๋งมากๆ แล้ว
2. Soft Skills (ทักษะที่ขาดไม่ได้)
เครื่องมือดีแค่ไหนก็ไร้ค่า ถ้าคนใช้ไม่เก่งจริงไหม? ทักษะเหล่านี้สำคัญไม่แพ้กันเลย
- Critical Thinking (การคิดเชิงวิพากษ์): ไม่ใช่แค่เห็นตัวเลขแล้วเชื่อ แต่ต้องตั้งคำถามเสมอ “ทำไมตัวเลขถึงเป็นแบบนี้?” “ข้อมูลนี้เชื่อถือได้แค่ไหน?” “มีปัจจัยอะไรอีกไหมที่เรายังไม่ได้ดู?”
- Business Acumen (ความเข้าใจในธุรกิจ): เราต้องเข้าใจว่าบริษัทที่เราทำงานอยู่ขายอะไร ใครคือลูกค้า ใครคือคู่แข่ง ตัวเลขกำไรขาดทุนมันสะท้อนภาพรวมของธุรกิจยังไง การเข้าใจสิ่งเหล่านี้จะทำให้การวิเคราะห์ของเรามีความหมายและใช้ประโยชน์ได้จริง
- Data Storytelling (การเล่าเรื่องด้วยข้อมูล): นี่คือศิลปะขั้นสูงสุด! คือการนำ Insight ที่เราค้นพบ มาเรียบเรียงและนำเสนอเป็นเรื่องราวที่น่าติดตาม ชวนให้คนฟังคล้อยตามและตัดสินใจลงมือทำอะไรบางอย่าง ไม่ใช่แค่การโยนกราฟใส่หน้าผู้บริหารแล้วบอกว่า “นี่ครับข้อมูล”
AEO & Q&A: ถามมา-ตอบไป สไตล์รุ่นพี่บัญชี
พี่รวบรวมคำถามที่น้องๆ น่าจะสงสัยกันมาตอบให้ตรงนี้เลย เพื่อให้ Search Engine อย่าง Google เข้าใจและส่งบทความนี้ไปถึงคนที่กำลังค้นหาคำตอบเหล่านี้อยู่ (นี่แหละหลักการของ Answer Engine Optimization หรือ AEO!)
Q1: หนูไม่เก่งคณิต ไม่ชอบเขียนโค้ดเลย จะเรียน Data Analytics ได้ไหมคะ?
A: ได้แน่นอน! เอาจริงๆ นะ Data Analytics สำหรับนักบัญชี ไม่ได้เน้นคณิตศาสตร์ขั้นสูงหรือการเขียนโค้ดที่ซับซ้อนเลย หัวใจของมันคือ “ตรรกะ” และ “ความสงสัย” มากกว่า ส่วนเครื่องมืออย่าง Power BI หรือ Tableau ก็ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายแบบลาก-วาง (Drag-and-Drop) เป็นหลัก ส่วน SQL ก็เป็นภาษาที่โครงสร้างไม่ซับซ้อน เรียนรู้ได้ไม่ยากเลย ขอแค่เปิดใจลอง!
Q2: ที่มหา’ลัยไม่เห็นมีสอนวิชาพวกนี้เลย แล้วจะไปเรียนรู้จากไหนได้บ้าง?
A: โลกยุคนี้ความรู้อยู่แค่ปลายนิ้ว! พี่แนะนำแหล่งเรียนรู้ออนไลน์เลย มีทั้งฟรีและเสียเงิน
- YouTube: มีช่องสอนฟรีเยอะมาก ทั้งไทยและเทศ ลองค้นหา “Power BI tutorial for beginners” หรือ “SQL for Accountants” ดูได้เลย
- Coursera, edX: มีคอร์สจากมหาวิทยาลัยดังๆ ทั่วโลก บางคอร์สเรียนฟรีได้ถ้าไม่เอาใบประกาศ
- Udemy, SkillLane: เป็นคอร์สออนไลน์ราคาไม่แพง รอช่วงลดราคาก็จะคุ้มมาก มีเนื้อหาภาษาไทยเยอะด้วย
- Microsoft Learn: แหล่งเรียนรู้ของ Microsoft เองเลย สอนใช้ Power BI ฟรีและดีมากๆ
Q3: แล้วหุ่นยนต์หรือ AI จะมาแย่งงานนักบัญชีในอนาคตไหมครับ?
A: นี่คือคำถามยอดฮิต! พี่ตอบเลยว่า “ใช่ และ ไม่ใช่” … “ใช่” AI จะมาแย่งงาน Routine ซ้ำๆ ซากๆ ที่ไม่ต้องใช้ความคิด เช่น การคีย์ข้อมูล การกระทบยอดบัญชีง่ายๆ แต่ “ไม่ใช่” AI ยังไม่สามารถมาแทนที่งานที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์ การตีความข้อมูล การสื่อสาร และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้ ซึ่งก็คืองานของนักบัญชีที่อัพเกรดตัวเองด้วยทักษะ Data Analytics นั่นเอง ดังนั้น แทนที่จะกลัว AI เราควรเรียนรู้ที่จะใช้มันเป็นเครื่องมือทุ่นแรงมากกว่า
Q4: ทักษะ Data Analytics สำคัญกับตลาดงานในประเทศไทยจริงๆ เหรอ?
A: จริงมากๆ และกำลังสำคัญขึ้นเรื่อยๆ! ลองไปเปิดเว็บหางานดูสิ ตำแหน่งงานบัญชี (Accounting), การเงิน (Finance), หรือผู้ตรวจสอบบัญชี (Auditor) ในบริษัทใหญ่ๆ หรือบริษัทกลุ่ม Big 4 (PwC, KPMG, Deloitte, EY) เดี๋ยวนี้เค้าเริ่มระบุในคุณสมบัติเลยว่า “หากมีทักษะ Power BI, SQL, หรือ Tableau จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ” นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดต้องการคนแบบนี้จริงๆ ใครมีสกิลนี้ติดตัวไปก่อน บอกเลยว่าตอนสมัครงานหรือเรียกเงินเดือน…เรามีไพ่เหนือกว่าแน่นอน!
บทสรุป: ก้าวต่อไปของนักบัญชีคือ Data-Driven Accountant
ถึงน้องๆ ที่กำลังตัดสินใจจะเรียนบัญชี หรือที่กำลังเรียนอยู่… โลกมันหมุนไปเร็วมากจริงๆ บทบาทของพวกเรามันยิ่งใหญ่และท้าทายกว่าเดิมเยอะเลย การเป็นนักบัญชีในปี 2025 ไม่ใช่แค่การปิดงบให้ถูกต้องตรงเวลาอีกต่อไป แต่คือการเป็น “นักเล่าเรื่องจากข้อมูล” ที่สามารถเปลี่ยนตัวเลขดิบๆ ให้กลายเป็นแผนที่นำทางให้ธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ
อย่ากลัวที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นะครับ/คะ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ลองเล่น Power BI จากข้อมูลที่เราสนใจ ลองหัดเขียน SQL คำสั่งง่ายๆ ทุกก้าวเล็กๆ ในวันนี้ จะกลายเป็นความได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ของเราในวันข้างหน้าแน่นอน
พี่เชื่อว่าถ้าพวกเราเปิดใจและพร้อมที่จะ “อัพเวล” ตัวเองอยู่เสมอ อนาคตในสายอาชีพบัญชีของพวกเราจะสดใสและน่าตื่นเต้นกว่าที่เคยแน่นอน!
ด้วยความปรารถนาดี,
พี่คนนึง…จากคณะบัญชีฯ ที่อินกับ Data
“`