5 วิธีวางแผนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อประหยัดภาษีปี 2025

5 วิธีวางแผนภาษี 2025 ฉบับเด็กมหา’ลัย เข้าใจง่าย ประหยัดจริง!

สวัสดีน้องๆ ชาว Gen Z ทุกคน! พี่เป็นนักศึกษาเหมือนกันนี่แหละ เข้าใจดีเลยว่าพอเริ่มมีรายได้ของตัวเองครั้งแรก ไม่ว่าจะจากงานพาร์ทไทม์ ขายของออนไลน์ รับงานฟรีแลนซ์ หรือเป็น YouTuber/TikToker พอได้ยินคำว่า “ภาษี” ทีไร เหมือนมีเมฆดำก้อนใหญ่ลอยมาเลยใช่มั้ย? ดูยุ่งยาก ซับซ้อน ตัวเลขเยอะไปหมด จนอยากจะกด skip ไปเลย

แต่เดี๋ยวก่อน! พี่อยากจะบอกว่าเรื่องภาษีมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะ จริงๆ แล้วมันคือ “เกม” วางแผนการเงินอย่างหนึ่งเลยแหละ ถ้าเรารู้กติกา รู้จักใช้ไอเทมเสริม (ที่เรียกว่า ‘ค่าลดหย่อน’) เราก็สามารถ “ชนะ” เกมนี้ได้แบบสบายๆ แถมยังช่วยให้เรามีเงินเก็บเพิ่มขึ้นไปอีก! การวางแผนภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ คือสกิลผู้ใหญ่ติดตัวที่โคตรคูลเลยนะจะบอกให้

บทความนี้พี่จะมาแชร์ 5 วิธีวางแผนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปี 2025 ในเวอร์ชันที่ย่อยมาให้แล้วแบบสุดๆ สไตล์รุ่นพี่เล่าให้น้องฟัง ไม่มีศัพท์ทางการให้ปวดหัว รับรองว่าอ่านจบแล้วจะร้องอ๋อ! แล้วเอาไปใช้ได้จริงแน่นอน ไปดูกันเลย!


ก่อนจะลุย! มาเข้าใจพื้นฐานภาษีแบบเร็วๆ กันก่อน

ก่อนจะไปถึงวิธีประหยัดภาษี เราต้องรู้ก่อนว่าใครบ้างที่ต้อง “ยื่น” ภาษี และภาษีเขาคิดกันยังไง

เงินได้เท่าไหร่ถึงต้อง “ยื่น” ภาษี?

จำง่ายๆ เลยนะ ถ้าในปี 2567 (ซึ่งเราจะยื่นภาษีกันต้นปี 2568) เรามีรายได้รวมทั้งปีถึงเกณฑ์นี้ ก็มีหน้าที่ต้อง “ยื่น” แบบแสดงรายการภาษีแล้ว:

  • คนโสด:
    • มีรายได้จากเงินเดือนอย่างเดียว เกิน 120,000 บาท/ปี
    • มีรายได้ประเภทอื่น (ฟรีแลนซ์, ขายของออนไลน์ ฯลฯ) เกิน 60,000 บาท/ปี

ย้ำตัวโตๆ! การ “ยื่นภาษี” ไม่ได้แปลว่าต้อง “เสียภาษี” เสมอไปนะ มันคือการแสดงตัวให้กรมสรรพากรรู้ว่า “นี่จ้ะ ปีนี้เรามีรายได้เท่านี้นะ” ซึ่งพอคำนวณแล้วเราอาจจะไม่ต้องจ่ายภาษีเลยก็ได้ แต่การยื่นคือหน้าที่ที่ต้องทำนะ!

สูตรคำนวณภาษีที่ต้องรู้ (ง่ายกว่าสูตรฟิสิกส์เยอะ!)

หัวใจของการคำนวณภาษีมีแค่นี้เลย:

(เงินได้ทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) = เงินได้สุทธิ

เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย

เห็นมั้ย? ยิ่งเรามี “ค่าใช้จ่าย” และ “ค่าลดหย่อน” เยอะเท่าไหร่ “เงินได้สุทธิ” ของเราก็จะยิ่งน้อยลง และนั่นแหละคือเป้าหมายของเรา! เพราะเงินได้สุทธิที่น้อยลง ก็จะทำให้เราเสียภาษีน้อยลง หรืออาจจะไม่ต้องเสียเลยก็ได้

โอเค! พอเข้าใจพื้นฐานแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาของพระเอกในบทความนี้… “ค่าลดหย่อน” นั่นเอง ไปดูกันว่ามีไอเทมอะไรให้เราเก็บมาใช้ได้บ้าง


เปิดคัมภีร์! 5 วิธีวางแผนลดหย่อนภาษี 2025 ที่ชาว Gen Z ต้องรู้

วิธีที่ 1: ใช้สิทธิ์พื้นฐานให้ครบ! (ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว)

นี่คือไอเทมเริ่มต้นที่ทุกคนที่ยื่นภาษีจะได้ติดตัวมาเลย เหมือนเป็นสกิลติดตัวตั้งแต่เริ่มเกม

  • ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท
    แค่เรายื่นภาษี เราก็ได้สิทธิ์นี้ไปเลยทันที 60,000 บาท ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มทั้งนั้น ง่ายสุดๆ
  • ค่าลดหย่อนบิดามารดา: คนละ 30,000 บาท
    ถ้าเราเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป และท่านมีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 30,000 บาท เราสามารถนำท่านมาลดหย่อนได้นะ นี่เป็นวิธีแสดงความกตัญญูที่ได้ประหยัดภาษีไปด้วยในตัวเลย (แต่ต้องตกลงกับพี่น้องให้ดีนะว่าใครจะใช้สิทธิ์นี้ เพราะใช้ซ้ำซ้อนไม่ได้)

แค่ 2 อย่างนี้ก็ช่วยลดเงินได้ที่เราต้องเอาไปคำนวณภาษีได้เยอะแล้ว อย่าลืมใช้สิทธิ์ของตัวเองให้เต็มที่ล่ะ!

วิธีที่ 2: ปกป้องตัวเองและประหยัดภาษีด้วย “ประกัน”

วัยรุ่นอย่างเราๆ อาจจะคิดว่าประกันเป็นเรื่องไกลตัว “เรายังแข็งแรง ไม่ป่วยง่ายๆ หรอก” แต่เชื่อพี่เถอะว่าอุบัติเหตุและโรคภัยมันไม่เคยเลือกอายุนะ! การมีประกันไว้ก็เหมือนมีเกราะป้องกันชั้นดี แถมเบี้ยประกันที่เราจ่ายไป ยังเอามาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย วิน-วินสุดๆ

ประเภทประกันที่น่าสนใจ:

  • ประกันชีวิตทั่วไป: ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เหมาะกับการสร้างหลักประกันให้ครอบครัว และบางแบบก็เป็นการออมเงินไปในตัวด้วย
  • ประกันสุขภาพ: เจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ หรือป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล ประกันก็ช่วยจ่ายให้ ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท

ข้อควรรู้: เมื่อรวมเบี้ยประกันชีวิตกับประกันสุขภาพแล้ว จะลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทนะ!

พี่’s TIPS: ลองมองหาประกันสุขภาพที่คุ้มครองแบบเหมาจ่าย หรือครอบคลุมโรคที่คนวัยทำงานเริ่มเป็นกันเยอะๆ จะช่วยให้อุ่นใจขึ้นมากเลยล่ะ

วิธีที่ 3: เริ่มลงทุนเพื่ออนาคต ผ่านกองทุนรวมลดหย่อนภาษี (SSF & RMF)

มาถึงเลเวลที่แอดวานซ์ขึ้นมาหน่อย แต่ผลตอบแทนระยะยาวคือคุ้มค่าสุดๆ นั่นคือ “การลงทุน” นั่นเอง! น้องๆ หลายคนอาจจะเริ่มสนใจการลงทุนในคริปโตฯ หรือหุ้นกันแล้ว แต่รู้มั้ยว่ามีอีกหนึ่งเครื่องมือที่ทรงพลังมาก นั่นคือ “กองทุนรวม” ที่นอกจากจะช่วยให้เงินเรางอกเงยแล้ว ยังเอามาลดหย่อนภาษีได้ด้วย

กองทุนฝาแฝดที่ต้องรู้จัก:

  • SSF (Super Savings Fund): กองทุนรวมเพื่อการออม
    • คอนเซ็ปต์: ออมเงินระยะยาว (ต้องถือไว้อย่างน้อย 10 ปีเต็ม)
    • เหมาะกับใคร: คนที่อยากออมเงินก้อนสำหรับเป้าหมายในอีก 10 ปีข้างหน้า เช่น ดาวน์บ้าน, แต่งงาน, เรียนต่อ
    • สิทธิ์ลดหย่อน: ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
  • RMF (Retirement Mutual Fund): กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
    • คอนเซ็ปต์: ออมเงินยาวๆ ไปจนถึงเกษียณ (ต้องถือจนถึงอายุ 55 ปี และลงทุนต่อเนื่อง)
    • เหมาะกับใคร: คนที่มองการณ์ไกล อยากมีเงินใช้สบายๆ ตอนแก่
    • สิทธิ์ลดหย่อน: ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท

พี่’s TIPS: ในฐานะวัยรุ่น การเริ่มต้นกับ SSF อาจจะตอบโจทย์กว่าเพราะระยะเวลา 10 ปีดูจับต้องได้ง่ายกว่าการรอถึงอายุ 55 ลองเริ่มจากเงินจำนวนน้อยๆ ก่อนก็ได้ เช่น เดือนละ 500 – 1,000 บาท เพื่อสร้างวินัยการลงทุนและใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีไปพร้อมกัน

วิธีที่ 4: ลงทุนแบบรักษ์โลก พร้อมลดหย่อนภาษีด้วย “Thai ESG”

นี่คือไอเทมใหม่ล่าสุดที่ออกมาเพื่อชาว Gen Z ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนโดยเฉพาะ! Thai ESG (Thailand ESG Fund) คือกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจแบบดีต่อโลก ดีต่อสังคม และมีการกำกับดูแลที่ดี (Environmental, Social, Governance)

  • คอนเซ็ปต์: ลงทุนในบริษัทดีๆ ที่แคร์โลก พร้อมรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี
  • เงื่อนไข: ต้องถือหน่วยลงทุนไว้อย่างน้อย 8 ปีเต็ม
  • สิทธิ์ลดหย่อน: ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท (และสิทธิ์นี้แยกต่างหากจากวงเงินของ SSF/RMF ด้วยนะ!)

การลงทุนใน Thai ESG ไม่ใช่แค่การหวังผลตอบแทนทางการเงิน แต่มันคือการใช้ “เงิน” ของเราโหวตให้บริษัทที่ทำความดีเพื่อโลกใบนี้ เป็นการลงทุนที่เท่และมีความหมายมากๆ เลยล่ะ

วิธีที่ 5: แบ่งปันสู่สังคมด้วย “เงินบริจาค” (ทำบุญก็ได้ ลดหย่อนก็ดี)

วิธีสุดท้ายเป็นวิธีที่อิ่มใจที่สุด นั่นคือการ “ให้” หรือการบริจาคนั่นเอง ทุกครั้งที่เราบริจาคเงินช่วยเหลือมูลนิธิ, โรงพยาบาล, หรือสถานศึกษา เราสามารถนำใบเสร็จหรือหลักฐานการบริจาคมาลดหย่อนภาษีได้

ประเภทการบริจาค:

  • บริจาคทั่วไป: มูลนิธิต่างๆ, วัด, องค์กรการกุศล สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนอื่นๆ แล้ว
  • บริจาคเพื่อการศึกษา, กีฬา, โรงพยาบาลรัฐ: การบริจาคให้หน่วยงานเหล่านี้จะได้สิทธิ์ ลดหย่อน 2 เท่า! เช่น บริจาค 1,000 บาท สามารถนำไปลดหย่อนได้ถึง 2,000 บาทเลยทีเดียว

พี่’s TIPS: ปัจจุบันสะดวกมากๆ แค่เราบริจาคผ่านระบบ e-Donation (สแกน QR Code ของหน่วยงานที่รับบริจาค) ข้อมูลของเราจะถูกส่งตรงไปที่กรมสรรพากรโดยอัตโนมัติ ตอนยื่นภาษีก็ไม่ต้องวุ่นวายหาเอกสารเลย สะดวกและโปร่งใสสุดๆ


Q&A ถาม-ตอบ ทุกข้อสงสัยเรื่องภาษีกับพี่มหา’ลัย (AEO Section)

รวบรวมคำถามยอดฮิตที่น้องๆ น่าจะสงสัยกัน มาตอบให้เคลียร์ๆ ตรงนี้เลย!

Q1: มีรายได้จากงานฟรีแลนซ์ ขายของออนไลน์ ต้องยื่นภาษีไหมคะ/ครับ?

A: ต้องยื่นครับ! ถ้ามีรายได้จากช่องทางเหล่านี้รวมกันทั้งปีเกิน 60,000 บาท ถือว่าเข้าเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบภาษีแล้ว แนะนำให้ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายง่ายๆ ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ พอถึงเวลายื่นภาษีจะได้ไม่วุ่นวายครับ

Q2: อายุยังไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ แต่มีรายได้เกินเกณฑ์ ต้องยื่นภาษีรึเปล่า?

A: ต้องยื่นครับผม เรื่องภาษีไม่ได้ดูที่อายุ แต่ดูที่ “เงินได้” เป็นหลัก ถ้าเรามีเงินได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ก็มีหน้าที่ต้องยื่นแบบภาษี ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตามครับ

Q3: ถ้าลืมยื่นภาษี หรือยื่นไม่ทันภายในเวลาที่กำหนด จะเกิดอะไรขึ้น?

A: อย่าหาทำเลยนะ! ถ้าเรามีหน้าที่ต้องยื่นแต่ไม่ยื่น อาจจะมีบทลงโทษตามมา เช่น ค่าปรับอาญา (ไม่เกิน 2,000 บาท) และถ้าคำนวณแล้วมีภาษีที่ต้องจ่าย ก็จะต้องเสียเงินเพิ่มอีก 1.5% ต่อเดือนของยอดภาษีนั้นๆ ด้วย ทางที่ดีตั้งเตือนในปฏิทินไว้เลย ช่วงเวลายื่นภาษีปกติคือ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. ของทุกปี (ถ้ายื่นออนไลน์มักจะขยายเวลาให้ถึงประมาณต้นเดือนเมษายน)

Q4: ต้องเก็บเอกสารอะไรไว้บ้างสำหรับยื่นภาษี?

A: เอกสารสำคัญที่ควรเก็บรวบรวมไว้ ได้แก่ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) จากผู้ว่าจ้าง, ใบเสร็จรับเงิน/เอกสารรับรองการซื้อกองทุน SSF/RMF/Thai ESG, เอกสารรับรองการจ่ายเบี้ยประกัน, และใบอนุโมทนาบัตรหรือหลักฐานการบริจาค (ถ้าไม่ได้ใช้ e-Donation) เก็บใส่แฟ้มไว้ให้เป็นระเบียบจะดีที่สุดครับ

Q5: อยากเริ่มลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี?

A: เข้าใจเลย! เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเปิดบัญชีกองทุนรวมกับธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่เราสะดวก เดี๋ยวนี้เปิดออนไลน์ง่ายมากๆ แล้วลองเข้าไปดูข้อมูลกองทุนต่างๆ ในแอปพลิเคชันของเขาได้เลย ส่วนใหญ่จะมีฟังก์ชันให้คัดกรองกองทุน SSF, RMF, Thai ESG โดยเฉพาะ ลองศึกษา “หนังสือชี้ชวน” ของกองทุนที่สนใจ หรือปรึกษาเจ้าหน้าที่เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้เลยครับ เริ่มจากเงินน้อยๆ ก่อนเพื่อเรียนรู้ คือคำตอบที่ดีที่สุด!


บทสรุป: วางแผนภาษีตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีในวันหน้า

เป็นยังไงกันบ้างครับน้องๆ กับ 5 วิธีวางแผนภาษีที่พี่เอามาฝาก จะเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย แต่เป็นเรื่องของการวางแผนการเงินในชีวิตประจำวันของเรานี่เอง การที่เราเข้าใจเรื่องภาษีเร็ว รู้จักใช้สิทธิ์ลดหย่อนต่างๆ ให้เป็นประโยชน์ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราประหยัดเงินในวันนี้ แต่ยังเป็นการสร้างนิสัยการออม การลงทุน และการวางแผนการเงินที่ดี ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่จะติดตัวเราไปตลอดชีวิต

อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นนะครับ ลองเลือกสัก 1-2 วิธีที่รู้สึกว่าเหมาะกับเราไปปรับใช้ก่อนก็ได้ แล้วค่อยๆ ศึกษาเพิ่มเติมในปีต่อๆ ไป การวางแผนภาษีก็เหมือนการอัปเกรดตัวละครในเกมนั่นแหละ ยิ่งเราอัปสกิลเร็วเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเก่งและมีเงินเหลือไปทำตามความฝันได้มากขึ้นเท่านั้น!

“เรียนกับตัวจริง ประสบการณ์จริง” ผ่านการเรียนการสอนที่ผสมผสานทั้งทฤษฎีและปฏิบัติจริง พร้อมเสริมทักษะด้านดิจิทัล เทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินเพื่อให้บัณฑิตก้าวทันโลกอนาคต ที่บัญชี ศรีปทุม

โดย อาจารย์กิตติยา จิตต์อาจหาญ คณะบัญชีมหาวิทยาลัยศรีปทุม

Most Popular

Categories