AI บัญชี 2025: อนาคตที่เด็ก Gen Z ต้องรู้! พี่มหาลัยจะเล่าให้ฟัง
Hey น้องๆ! วันนี้อยากจะมาชวนคุยเรื่องที่ฟังดูอาจจะน่าเบื่อสำหรับบางคน แต่เชื่อพี่เถอะว่ามันโคตรจะ Cool และสำคัญกับอนาคตของพวกเราทุกคน โดยเฉพาะใครที่กำลังยืนอยู่บนทางแยก คิดอยู่ว่าจะเรียนอะไรดี จะทำงานอะไรในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เรื่องนั้นก็คือ “AI กับงานบัญชีและการเงิน” นั่นเอง!
เพราะโลกในปี 2025 ที่กำลังจะมาถึง นักบัญชีจะกลายเป็นเหมือนผู้ควบคุมยานอวกาศ ที่มี AI เป็นผู้ช่วยนักบินสุดอัจฉริยะ! บทความนี้พี่จะมาเจาะลึกให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ สไตล์รุ่นพี่เล่าให้น้องฟัง ว่ามันเป็นยังไง แล้วเราต้องเตรียมตัวกันแบบไหนถึงจะ “รอด” และ “รุ่ง” ในยุคนี้
ก่อนอื่นเลย… AI ในงานบัญชี มันคืออะไรกันแน่?
ให้นึกภาพง่ายๆ AI ในงานบัญชีก็เหมือน ผู้ช่วยส่วนตัวพลังเทอร์โบ ที่ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยบ่น ไม่เคยลาป่วย และที่สำคัญ คือ การทำงานสุดพลังเต็มที่กับทุกระบบงาน ไม่ใช่หุ่นยนต์แบบในหนังนะ แต่เป็นซอฟต์แวร์ฉลาดๆ ที่สามารถ:
- อ่านและเข้าใจเอกสาร: เช่น ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน แค่สแกนเข้าไป AI ก็ดึงข้อมูลสำคัญๆ อย่างวันที่, จำนวนเงิน, ชื่อบริษัท ไปลงบันทึกบัญชีให้เองอัตโนมัติ
- เรียนรู้และทำงานซ้ำๆ แทนเรา: งานคีย์ข้อมูล, งานกระทบยอดธนาคาร (Bank Reconcile) ที่เมื่อก่อนทำกันเป็นวันๆ ตอนนี้ AI ทำให้เสร็จในไม่กี่นาที
- วิเคราะห์ข้อมูลมหาศาล: มันมองเห็นความผิดปกติหรือรูปแบบที่น่าสนใจในข้อมูลการเงินที่ตามนุษย์อาจมองข้ามไปได้
- คาดการณ์อนาคต: จากข้อมูลในอดีต AI สามารถพยากรณ์ยอดขาย, กระแสเงินสดในอนาคตได้ด้วยความแม่นยำสูง
สรุปสั้นๆ คือ AI เข้ามาเพื่อ “Automate” หรือทำให้งานน่าเบื่อๆ ที่ต้องทำซ้ำๆ กลายเป็นอัตโนมัติ เพื่อปลดปล่อยให้นักบัญชีและนักการเงินได้ใช้สมองไปทำงานที่สำคัญกว่า นั่นคือการ “วิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์” นั่นเอง
เจาะ 5 แนวโน้ม AI บัญชีและการเงิน ที่จะมาแรงสุดๆ ในปี 2025
เอาล่ะ มาถึงเนื้อหาหลักกันแล้ว พี่คัดมาเน้นๆ 5 เทรนด์ที่น้องๆ ควรรู้ไว้เลย รับรองว่าถ้าเข้าใจเรื่องพวกนี้ ไปคุยกับใครก็ดูโปรขึ้นมาทันที!
1. หุ่นยนต์ซอฟต์แวร์ (RPA) ผู้ช่วยที่ไม่เคยหลับ
Robotic Process Automation (RPA) ไม่ใช่หุ่นยนต์เดินได้นะ แต่มันคือ “บอท” หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบการทำงานของมนุษย์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ปกติเราต้องเปิดโปรแกรม ข้อมูล, ไปวางในโปรแกรม B, กด Save, แล้วส่งอีเมลแจ้งเตือน วนไปแบบนี้เรื่อยๆ หลายครั้งต่อวัน
RPA คือ บอทที่จะมาทำทั้งหมดนี้แทนเรา! ทำงานตามกฎที่เราตั้งไว้เป๊ะๆ ไม่มีพลาด ไม่มีเหนื่อย ทำงานได้ 24/7 งานที่เหมาะกับ RPA ก็คืองาน Routine ทั้งหลาย เช่น การป้อนข้อมูลเข้าระบบ, การสร้างรายงานประจำวัน/สัปดาห์, การตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น
ผลกระทบกับเรา: งานคีย์ข้อมูลแบบพื้นฐานจะลดลงอย่างมาก อาชีพสายบัญชีจะเน้นไปที่คน “สร้าง” และ “ควบคุม” บอท RPA พวกนี้แทน ต้องคิด Logic เป็น รู้ว่าขั้นตอนไหนควรใช้บอททำงาน
2. การวิเคราะห์เชิงพยากรณ์ (Predictive Analytics): มองเห็นอนาคตด้วย Data
อันนี้คือความเทพของจริง! แต่ก่อนการวางแผนการเงินของบริษัทอาจจะอาศัย “ประสบการณ์” หรือ “ความรู้สึก” ของผู้บริหาร แต่ในยุค 2025 ข้อมูลคือพระเจ้า!
AI จะเข้ามาทำ Predictive Analytics โดยการวิเคราะห์ข้อมูลการเงินในอดีตทั้งหมดของบริษัท (ยอดขาย, ต้นทุน, ค่าใช้จ่าย) รวมกับข้อมูลภายนอก (เช่น สภาพเศรษฐกิจ, เทรนด์ผู้บริโภค, ราคาน้ำมัน) เพื่อสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่สามารถทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ เช่น:
- พยากรณ์ยอดขายในไตรมาสหน้า
- ทำนายว่าลูกค้ารายไหนมีแนวโน้มจะเบี้ยวหนี้
- คาดการณ์ว่าบริษัทควรจะสต็อกสินค้าตัวไหน ปริมาณเท่าไหร่
ผลกระทบกับเรา: นักบัญชีและนักการเงินยุคใหม่ต้องเป็น “นักวิเคราะห์ข้อมูล” ต้องอ่านข้อมูลเป็น, ตั้งคำถามที่น่าสนใจกับข้อมูลได้ และสามารถสื่อสารสิ่งที่ค้นพบจากข้อมูลให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆ
3. AI นักสืบ: จับโกงแบบเรียลไทม์ (Real-time Fraud Detection)
การทุจริตหรือการโกงในองค์กรเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมาก แต่ AI กำลังจะทำให้มันยากขึ้นเป็นพันเท่า! ระบบ AI สามารถตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดที่เกิดขึ้นในบริษัทได้แบบ Real-time หรือทันทีที่มันเกิดขึ้น
มันจะเรียนรู้รูปแบบการใช้จ่ายที่ “ปกติ” ของบริษัท และถ้ามีอะไรที่ “ผิดปกติ” เกิดขึ้น เช่น มีการโอนเงินจำนวนมากผิดเวลา, มีการจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ที่ไม่เคยมีในระบบ, หรือมีการแก้ไขตัวเลขในใบแจ้งหนี้ AI จะส่งสัญญาณเตือนทันที! เหมือนมียามเฝ้าบ้านตลอด 24 ชั่วโมงเลย
ผลกระทบกับเรา: สายงานตรวจสอบบัญชี (Audit) จะเปลี่ยนไปมาก จากเดิมที่เน้นการสุ่มตรวจเอกสาร จะกลายเป็นการทำงานร่วมกับ AI เพื่อวิเคราะห์จุดที่ระบบแจ้งเตือนว่ามีความเสี่ยงสูง ต้องมีทักษะการสืบสวนและเข้าใจเทคโนโลยีมากขึ้น
4. ที่ปรึกษาการเงินส่วนตัวพลัง AI (Hyper-Personalization)
เทรนด์นี้ไม่ได้อยู่แค่ในบริษัทใหญ่นะ แต่มันใกล้ตัวเรามากๆ น้องๆ เคยเห็นแอปธนาคารที่แนะนำกองทุนหรือประกันที่ “เหมาะกับคุณ” ไหม? นั่นแหละคือการทำงานของ AI
ในอนาคตมันจะฉลาดขึ้นไปอีก AI จะวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงินของเรา และให้คำแนะนำทางการเงินที่เฉพาะเจาะจงกับเรามากๆ เช่น “เดือนนี้ใช้เงินกับค่ากาแฟเยอะไปนะ ลองลดลง 10% แล้วเอาไปลงทุนในกองทุน A” หรือ “เห็นว่ากำลังจะเรียนจบ AI แนะนำให้เริ่มวางแผนภาษีตั้งแต่ตอนนี้เลย” ซึ่งจะกลายเป็นโค้ชการเงินส่วนตัวของทุกคน
ผลกระทบกับเรา: อาชีพที่ปรึกษาทางการเงินจะไม่ได้แค่ขายผลิตภัณฑ์ แต่ต้องสามารถใช้เครื่องมือ AI เพื่อให้คำแนะนำที่ลึกซึ้งและตรงจุดกับลูกค้าแต่ละคนได้จริงๆ
5. คุยกับข้อมูลได้เลยด้วย NLP (Natural Language Processing)
อันนี้ล้ำสุดๆ! NLP คือเทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ “ภาษามนุษย์” ได้ เหมือนที่เราคุยกับ Siri หรือ Google Assistant นั่นแหละ
ในโลกการเงินปี 2025 ผู้บริหารหรือนักบัญชีอาจจะไม่ต้องมานั่งกด Filter หรือสร้างกราฟใน Excel ให้วุ่นวายอีกต่อไป แต่อาจจะแค่พิมพ์หรือพูดถามระบบไปเลยว่า…
“ช่วยโชว์ยอดขายเปรียบเทียบระหว่างสาขากรุงเทพกับเชียงใหม่ในไตรมาสที่แล้วหน่อย”
แล้ว AI ก็จะดึงข้อมูลมาสร้างเป็นกราฟสวยๆ ให้ดูทันที! มันทำให้การเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วสำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่คนที่ใช้โปรแกรมเก่งๆ อีกต่อไป
ผลกระทบกับเรา: ทักษะการสื่อสารและการตั้งคำถามที่ชัดเจนจะสำคัญมาก เราต้องรู้ว่าจะถามอะไรเพื่อให้ได้คำตอบที่เราต้องการจาก AI
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา…ชาว Gen Z ล่ะ?
พี่รู้ว่าน้องๆ คงคิดอยู่ว่า “โห…ฟังดูยิ่งใหญ่จัง แล้วเราต้องทำไง?” ใจเย็นๆ นี่คือสิ่งที่พี่อยากจะบอก:
- อาชีพไม่หาย แต่จะเปลี่ยนรูปแบบ: งานบัญชีไม่ตาย! แต่งานคีย์ข้อมูลซ้ำๆ น่าเบื่อๆ จะหายไป คนที่จะอยู่รอดคือคนที่สามารถทำงาน “ร่วมกับ” AI ได้ ต้องเปลี่ยนจาก “ผู้ลงมือทำ” (Doer) ไปเป็น “ผู้วิเคราะห์” (Analyst) และ “ผู้ควบคุม” (Controller)
- ทักษะใหม่ที่ต้องมี:
- Data Literacy: ไม่ต้องถึงกับเป็น Data Scientist แต่ต้องอ่านข้อมูลเป็น เข้าใจกราฟ รู้ว่าตัวเลขนี้บอกอะไรเรา
- Critical Thinking: การคิดเชิงวิพากษ์ AI ให้ข้อมูลมา แต่เราต้องเป็นคนตัดสินใจและตั้งคำถามว่า “ทำไม?” “จริงเหรอ?” “แล้วไงต่อ?”
- Tech Savvy: ต้องเปิดใจเรียนรู้การใช้เครื่องมือและซอฟต์แวร์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมบัญชีบน Cloud, เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้กระทั่งพื้นฐานการทำงานของ AI
- Communication & Storytelling: ทักษะการสื่อสารสิ่งที่ค้นพบจากข้อมูลให้คนอื่นเข้าใจง่ายๆ สำคัญมาก!
- เลือกเรียนอะไรดี?: ไม่ว่าจะเรียนคณะบริหารธุรกิจ (BBA), บัญชี, การเงิน, เศรษฐศาสตร์ หรือแม้กระทั่งวิศวะฯ หรือ IT ก็สามารถเข้ามาทำงานในสายนี้ได้หมดเลย! โลกอนาคตต้องการ “คนข้ามสายพันธุ์” ที่เข้าใจทั้งธุรกิจและเทคโนโลยี ใครเรียนบัญชีอยู่ ลองไปลงเรียนวิชา Data Analytics เสริม หรือใครเรียน IT ก็ลองศึกษากระบวนการทางธุรกิจดู จะได้เปรียบมากๆ
Q&A: ถามมา-ตอบไป สไตล์พี่มหาลัย (Answer Engine Optimization Section)
พี่รวบรวมคำถามที่น้องๆ น่าจะสงสัยกันมาตอบให้เคลียร์ๆ ตรงนี้เลย!
ถาม: สรุปว่า AI จะมาแย่งงานนักบัญชีจริงไหม?
ตอบ: แย่งงาน “บางส่วน” ครับ โดยเฉพาะงาน Routine ที่ทำซ้ำๆ เช่น การคีย์ข้อมูล การทำเอกสารวางบิล แต่ AI จะ “สร้างงานใหม่ๆ” ขึ้นมาทดแทน เช่น นักวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน, ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบบัญชีอัตโนมัติ, ผู้ตรวจสอบการทำงานของ AI งานของนักบัญชีจะเปลี่ยนจากการเป็นคนบันทึกข้อมูล มาเป็นคนใช้ข้อมูลเพื่อวางแผนกลยุทธ์แทนครับ ฉลาดขึ้น เท่ขึ้นเยอะ!
ถาม: ถ้าอยากเรียนบัญชี ตอนนี้ยังทันไหม จะตกงานในปี 2025 หรือเปล่า?
ตอบ: ทันมาก! และไม่มีทางตกงานแน่นอนถ้าเราปรับตัวครับ หลักการบัญชีพื้นฐานยังคงสำคัญมากๆ เหมือนเดิม แต่สิ่งที่น้องต้องทำเพิ่มเติมคือ “เสริมทักษะอนาคต” เข้าไป พยายามเรียนรู้การใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ (เช่น Xero, FlowAccount) ฝึกใช้ Excel ให้คล่องปรื๋อ (โดยเฉพาะ PivotTables, Power Query) และเปิดใจเรียนรู้เรื่อง Data Analytics หรือภาษาโปรแกรมพื้นฐานอย่าง SQL หรือ Python ไว้บ้าง รับรองว่าบริษัทชั้นนำในไทยแย่งตัวแน่นอนครับ
ถาม: ต้องเขียนโค้ด (Coding) เป็นไหม ถึงจะทำงานสายบัญชี-การเงินยุคใหม่ได้?
ตอบ: ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์จ๋าครับ แต่ถ้า “เข้าใจ” หรือ “เขียนได้บ้าง” จะเป็นแต้มต่อมหาศาล! การรู้ SQL ขั้นพื้นฐานจะทำให้น้องดึงข้อมูลมาวิเคราะห์เองได้โดยไม่ต้องรอฝ่าย IT การเข้าใจ Python จะช่วยให้ทำงานวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น แต่ถ้าไม่ถนัดจริงๆ ก็ไม่เป็นไร แค่เราต้องใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล (เช่น Power BI, Tableau) ที่เป็นแบบลาก-วาง (Drag-and-Drop) ให้คล่องก็เทพแล้วครับ
ถาม: บริษัทในประเทศไทยใช้ AI บัญชีกันเยอะหรือยัง?
ตอบ: เริ่มใช้กันเยอะขึ้นมากๆ โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทใหญ่ๆ และสตาร์ทอัพเทคโนโลยีในกรุงเทพฯ และเมืองหลักๆ ครับ เทรนด์การใช้ Cloud Accounting และระบบ RPA กำลังเติบโตเร็วมากในไทย ส่วน SME ก็เริ่มปรับตัวใช้ซอฟต์แวร์บัญชีออนไลน์ที่ฝัง AI เข้าไปมากขึ้น เพราะช่วยลดต้นทุนและเวลาได้จริง นี่เป็นสัญญาณชัดเจนว่าทักษะด้านนี้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในประเทศไทยแน่นอนครับ
บทสรุปส่งท้ายถึงน้องๆ Gen Z
โลกกำลังหมุนไปเร็วมาก และ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป มันคือเครื่องมือชิ้นใหม่ที่ทรงพลังที่สุดที่มนุษย์เคยมี การมาของ AI ในงานบัญชีและการเงินไม่ใช่จุดจบของอาชีพ แต่เป็น “การอัปเกรดครั้งใหญ่” ต่างหาก
มันคือโอกาสของคนรุ่นใหม่อย่างพวกเราที่จะได้ทำงานที่สนุกขึ้น ท้าทายขึ้น และสร้างคุณค่าได้มากกว่าเดิม ไม่ต้องกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่จงวิ่งเข้าไปหามัน เรียนรู้มัน และใช้มันให้เป็นประโยชน์
อนาคตของสายงานนี้ไม่ได้วัดกันที่ว่าใครคิดเลขเก่งที่สุด แต่วัดกันที่ว่าใครจะสามารถใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อสร้างสรรค์กลยุทธ์ที่เฉียบคมที่สุดได้ต่างหาก… และพี่เชื่อว่าคนๆ นั้นอาจจะเป็นน้องที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ก็ได้นะ!
… ผู้จัดทำ อาจารย์ยุทธนา แช่มชูกุล อาจารย์ประจำคณะบัญชี
















