การพัฒนาทักษะ Soft Skills สำหรับนักบัญชี : การจัดการและการตลาดจำเป็นแค่ไหน?

เจาะลึกองค์ประกอบ ROE ด้วย DuPont Analysis: วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนธุรกิจยุคใหม่

การพัฒนาทักษะ Soft Skills สำหรับนักบัญชี : การจัดการและการตลาดจำเป็นแค่ไหน?

เขียนโดย: รุ่นพี่คณะบัญชี

หวัดดีน้องๆ ม.ปลาย ทุกคน! พี่เป็นรุ่นพี่ที่เรียนอยู่คณะบัญชี นะครับ วันนี้อยากจะมาชวนคุยเรื่องที่อาจจะฟังดูไกลตัว แต่บอกเลยว่าโคตรสำคัญสำหรับใครที่กำลังเล็งคณะนี้อยู่ หรือแม้แต่คนที่ยังลังเลว่า “บัญชี” มันใช่ทางของเราจริงเปล่า

พอพูดถึง “นักบัญชี” ภาพในหัวของน้องๆ คืออะไร? คนใส่แว่นหนาๆ นั่งจ้องตัวเลขในตาราง Excel ทั้งวัน พูดน้อย ต่อยไม่เป็น? ถ้าใช่… พี่ขอบอกว่าน้องกำลังมองภาพนักบัญชีจากยุคไดโนเสาร์อยู่! โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว และบทบาทของนักบัญชีก็เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยล่ะ

ทุกวันนี้ Hard Skills หรือความรู้เฉพาะทางอย่างการทำบัญชี, การปิดงบ, ความรู้เรื่องภาษี มันยังจำเป็นอยู่แหละ (แน่นอนสิ ไม่งั้นจะเรียกนักบัญชีได้ไง!) แต่มันกลายเป็นแค่ “ตั๋วเข้าประตู” เท่านั้น สิ่งที่จะทำให้น้องๆ โดดเด่น, ก้าวหน้า และเอาตัวรอดในตลาดงานบัญชีประเทศไทยยุค 5G ได้ คือสิ่งที่เรียกว่า “Soft Skills” ต่างหาก

และในบทความนี้ พี่จะเจาะลึกไปที่ Soft Skills 2 ตัวที่คนมักคาดไม่ถึงว่ามันจะสำคัญกับนักบัญชี นั่นก็คือ “ทักษะการจัดการ (Management)” และ “ทักษะการตลาด (Marketing)” เอ๊ะ! มันจำเป็นแค่ไหนกันนะ? ไปหาคำตอบกันเลย!

ล้างภาพจำเก่าๆ! มาทำความเข้าใจ “นักบัญชี” ยุคใหม่กันก่อน

ก่อนจะไปเรื่องสกิล เรามาปรับจูนความเข้าใจกันก่อนว่า “นักบัญชี” ในปัจจุบันเค้าทำอะไรกันแน่

ลืมภาพคนคีย์ข้อมูลไปได้เลย เพราะงานซ้ำๆ ซากๆ แบบนั้นกำลังถูก AI และโปรแกรมคอมพิวเตอร์เข้ามาแทนที่เกือบหมดแล้ว นักบัญชียุคใหม่จึงต้องอัปเกรดตัวเองจาก “ผู้บันทึกข้อมูล (Bookkeeper)” ไปเป็น “ที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ (Strategic Advisor)” ของธุรกิจ

“นักบัญชีไม่ใช่แค่คนที่บอกว่า ‘เกิดอะไรขึ้น’ ในอดีตผ่านงบการเงิน แต่คือคนที่สามารถใช้ข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์เพื่อบอกว่า ‘ควรจะทำอะไรต่อไป’ ในอนาคต”

หน้าที่ของเราไม่ใช่แค่ทำให้ตัวเลขมันลงล็อก แต่คือการ “เล่าเรื่อง” จากตัวเลขเหล่านั้นให้คนอื่น (ที่ไม่ใช่เด็กบัญชี) เข้าใจได้ง่ายๆ เพื่อให้ผู้บริหารเอาไปใช้ตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ของบริษัทได้ เช่น:

  • ควรจะลงทุนในโปรเจกต์ใหม่นี้ดีไหม? คุ้มค่ารึเปล่า?
  • สินค้าตัวไหนทำกำไรให้เรามากที่สุด? ตัวไหนคือตัวถ่วง?
  • เราจะลดต้นทุนตรงไหนได้บ้าง โดยไม่กระทบกับคุณภาพ?
  • สุขภาพทางการเงินของบริษัทตอนนี้แข็งแรงแค่ไหน?

เห็นมั้ยว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องเดบิต-เครดิตแล้ว แต่มันคือการเอาข้อมูลมา “จัดการ” และ “สื่อสาร” เพื่อสร้าง “คุณค่า” ซึ่งนี่แหละ คือจุดที่ทักษะการจัดการและการตลาดเข้ามามีบทบาทสำคัญสุดๆ

Part 1: ทักษะ “การจัดการ” (Management) สกิลที่นักบัญชีขาดไม่ได้!

หลายคนอาจจะคิดว่า “การจัดการ” เป็นเรื่องของผู้บริหารหรือระดับหัวหน้างานเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วมันคือสกิลที่จำเป็นสำหรับทุกคนตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาทำงานเลย โดยเฉพาะกับนักบัญชี ทักษะการจัดการที่ว่านี้ แบ่งย่อยๆ ได้อีกหลายอย่างเลยนะ

1. การจัดการโครงการ (Project Management)

งานของนักบัญชีไม่ได้มีแค่งานรูทีนรายวัน แต่มันคืองานที่มีลักษณะเป็น “โปรเจกต์” ที่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดชัดเจน เช่น การปิดงบการเงินรายเดือน/รายปี, การเตรียมข้อมูลสำหรับผู้ตรวจสอบบัญชี (Auditor), การวางระบบบัญชีใหม่ให้บริษัท ทั้งหมดนี้ต้องการทักษะการจัดการโครงการทั้งสิ้น

  • การวางแผน: ต้องทำอะไรก่อน-หลัง? ใครรับผิดชอบส่วนไหน? ต้องใช้ข้อมูลอะไรบ้าง?
  • การบริหารเวลา: ทุกอย่างมีเดดไลน์ที่โหดสัสรัสเซีย โดยเฉพาะช่วงสิ้นปีภาษี การจัดการเวลาจึงเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
  • การประสานงาน: ต้องคุยกับแผนกเซลล์เพื่อขอข้อมูลยอดขาย, คุยกับฝ่ายบุคคลเรื่องเงินเดือน, คุยกับจัดซื้อเรื่องสต็อกสินค้า การสื่อสารและประสานงานให้ทุกคนส่งข้อมูลมาตรงเวลาคือสกิลที่สำคัญมาก

2. การจัดการเวลาและลำดับความสำคัญ (Time & Priority Management)

ในหนึ่งวัน นักบัญชีอาจจะต้องรับมือกับทั้งงานด่วน งานสำคัญ งานแทรก จากหลายทิศทาง ไหนจะอีเมลจากลูกค้า, คำขอข้อมูลจากเจ้านาย, โทรศัพท์จากสรรพากร ถ้าจัดลำดับความสำคัญไม่เป็น บอกเลยว่า “ชีวิตพัง” ครับ/ค่ะ การรู้ว่าอะไรต้องทำทันที อะไรทำทีหลังได้ จะช่วยให้เราทำงานเสร็จทันเดดไลน์และลดความเครียดไปได้เยอะมาก

3. การจัดการความสัมพันธ์และภาวะผู้นำ (People Management & Leadership)

ถึงเราจะไม่ได้เป็นหัวหน้าใคร แต่เราก็ต้อง “จัดการ” ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอยู่ดี

  • จัดการเจ้านาย: อัปเดตความคืบหน้าของงานให้เค้ารู้, สื่อสารปัญหาที่เจอให้ชัดเจน
  • จัดการเพื่อนร่วมงาน: ทำงานเป็นทีมได้อย่างราบรื่น, ขอความช่วยเหลือและให้ความช่วยเหลือคนอื่นได้
  • จัดการลูกค้า (กรณีทำงานในสำนักงานบัญชี): สร้างความเชื่อมั่น, ตอบคำถามให้เคลียร์, จัดการความคาดหวังของลูกค้า

และเมื่อน้องๆ เติบโตขึ้นไปเป็นระดับซีเนียร์หรือเมเนเจอร์ ทักษะความเป็นผู้นำจะยิ่งสำคัญมาก ทั้งการสอนงานรุ่นน้อง, การให้ฟีดแบ็ก, และการสร้างแรงจูงใจให้ทีมทำงานให้สำเร็จลุล่วง

สรุปง่ายๆ ก็คือ: ทักษะการจัดการช่วยให้นักบัญชีเปลี่ยนจาก “คนทำงานตามสั่ง” เป็น “คนที่บริหารจัดการงานของตัวเองให้สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ได้นั่นเอง

Part 2: ทักษะ “การตลาด” (Marketing) สกิลลับที่ทำให้คุณโดดเด่นกว่าใคร

มาถึงสกิลที่พีคที่สุด! พอพี่บอกว่านักบัญชีต้องมี “ทักษะการตลาด” หลายคนคงทำหน้างงๆ ว่ามันเกี่ยวกันได้ยังไง? เราไม่ได้ไปขายของซะหน่อย!

ใจเย็นๆ ครับ/ค่ะ “การตลาด” ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการทำโฆษณาหรือยิงแอด Facebook แต่เรากำลังพูดถึง แก่นแท้ของการตลาด ซึ่งก็คือ…

“การทำความเข้าใจคุณค่า (Value), การสื่อสารคุณค่านั้นออกไปให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี”

เก็ตภาพขึ้นมาบ้างยัง? ถ้ายัง… ลองดูนี่

1. การสื่อสารคุณค่าของข้อมูล (Communicating Value)

งบการเงินหนาเป็นปึกที่เต็มไปด้วยตัวเลขซับซ้อน มันอาจจะมี “ข้อมูล” ที่ถูกต้องครบถ้วน แต่มันยังไม่มี “คุณค่า” จนกว่าจะมีคนเอามันไปใช้ประโยชน์ได้

หน้าที่ของนักบัญชีที่เก่งการตลาดคือ “ขายไอเดีย” หรือ “ขายข้อมูลเชิงลึก (Insight)” ที่ซ่อนอยู่ในตัวเลขเหล่านั้นให้คนอื่นเข้าใจและคล้อยตามได้

  • แทนที่จะส่งแค่ตาราง Excel: ลองทำเป็นกราฟสวยๆ หรือ Dashboard ที่ดูง่ายๆ เพื่อนำเสนอในที่ประชุม
  • แทนที่จะพูดศัพท์เทคนิค: ลองอธิบายด้วยภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจ เช่น “ต้นทุนส่วนนี้ของเราสูงกว่าคู่แข่ง 20% เพราะ…”
  • การเล่าเรื่องด้วยข้อมูล (Data Storytelling): นี่คือสกิลเทพเลย คือการนำข้อมูลมาผูกเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและน่าติดตาม เช่น “ในไตรมาสที่แล้ว ยอดขายเราโตขึ้น แต่ทำไมกำไรเราถึงลดลง? เรื่องมันเริ่มมาจาก…”

การทำแบบนี้ก็เหมือนกับการ “มาร์เก็ตติ้ง” ผลงานของเราให้ผู้บริหารเห็นคุณค่าและนำไปใช้ตัดสินใจได้จริง

2. การเข้าใจธุรกิจและลูกค้า (Business & Customer Acumen)

นักการตลาดที่ดีต้องเข้าใจลูกค้าฉันใด นักบัญชีที่ดีก็ต้องเข้าใจ “ธุรกิจ” ที่ตัวเองกำลังทำบัญชีให้อย่างลึกซึ้งฉันนั้น เราต้องตอบให้ได้ว่า:

  • บริษัทเราขายอะไร? ขายให้ใคร?
  • คู่แข่งของเราคือใคร? เรามีจุดแข็ง-จุดอ่อนอะไรเมื่อเทียบกับเขา?
  • ปัจจัยภายนอกอะไรบ้างที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ (เช่น ราคาน้ำมัน, โรคระบาด, เทรนด์ผู้บริโภค)?

เมื่อเราเข้าใจภาพรวมของธุรกิจ เราจะไม่ได้มองตัวเลขเป็นแค่ตัวเลขอีกต่อไป แต่จะมองเห็นความเชื่อมโยงและให้คำแนะนำที่เฉียบคมขึ้นได้ เช่น “ที่เราต้องตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเยอะขึ้นในไตรมาสนี้ เพราะลูกค้ากลุ่มหลักของเราอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังซบเซานะครับ/คะ” นี่คือคำแนะนำที่มาจากความเข้าใจธุรกิจ ไม่ใช่แค่ความเข้าใจในหลักการบัญชี

3. การสร้างแบรนด์ให้ตัวเอง (Personal Branding)

ไม่ว่าน้องๆ จะทำงานในองค์กรหรือเปิดสำนักงานบัญชีของตัวเอง สุดท้ายแล้ว “ตัวเรา” ก็คือแบรนด์ๆ หนึ่ง ความน่าเชื่อถือ, ความเชี่ยวชาญ, ความเป็นมืออาชีพ คือสิ่งที่เราต้อง “ทำการตลาด” ให้คนอื่นรับรู้ การสร้าง Personal Branding ที่ดีจะนำมาซึ่งโอกาสดีๆ ในหน้าที่การงานเสมอ

พี่ครับ/คะ แล้วจะไปหาทักษะพวกนี้จากที่ไหน? (How-to สำหรับน้องๆ ม.ปลาย)

ข่าวดีคือ น้องๆ ไม่ต้องรอให้เข้ามหาวิทยาลัยหรือเริ่มทำงานก่อนถึงจะเริ่มพัฒนาสกิลเหล่านี้ได้ สามารถเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้เลย!

  1. กิจกรรมในโรงเรียน: ลองรับตำแหน่งในสภานักเรียน, เป็นหัวหน้าห้อง, หรือแม้แต่เป็นคนนำเสนอโปรเจกต์หน้าชั้นเรียน นี่คือสนามซ้อมชั้นดีของการจัดการและการสื่อสารเลยล่ะ
  2. ทำงานกลุ่มให้เป็นเรื่องสนุก: เวลาทำงานกลุ่ม ลองรับหน้าที่เป็นคนวางแผน, แบ่งงาน, ตามงานเพื่อนๆ นี่คือการฝึก Project Management ขนาดย่อม
  3. หัดสังเกตและตั้งคำถาม: เวลาไปซื้อของ ลองคิดตามว่าทำไมร้านนี้ถึงขายดี? เค้าจัดร้านยังไง? ทำโปรโมชั่นแบบไหน? นี่คือการฝึกคิดแบบนักการตลาด
  4. อ่านและฟังให้เยอะขึ้น: ไม่ต้องจำกัดตัวเองอยู่แค่หนังสือเรียน ลองอ่านหนังสือธุรกิจ, ฟัง Podcast เกี่ยวกับการตลาด การบริหาร หรือดู TED Talks ที่น่าสนใจ มันจะช่วยเปิดโลกเราให้กว้างขึ้นมากๆ
  5. เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย: อย่าเรียนแค่ในตำรา! เข้าร่วมชมรม, ไปแข่งประกวดแผนธุรกิจ, หาที่ฝึกงานตั้งแต่เนิ่นๆ ประสบการณ์นอกห้องเรียนนี่แหละคือขุมทรัพย์ของ Soft Skills เลย (โดยเฉพาะคณะบัญชีในมหาวิทยาลัยชั้นนำในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด มักจะมีคอนเนคชั่นกับบริษัทใหญ่ๆ ให้นักศึกษาได้ไปฝึกงาน)

Q&A: คำถามที่พบบ่อยจากใจน้องๆ ถึงพี่นักบัญชี

รวบรวมคำถามฮิตๆ ที่น้องๆ ชอบถามกันมาตอบให้เคลียร์ๆ ตรงนี้เลย!

Q1: เรียนบัญชีต้องเก่งคณิตศาสตร์ขั้นเทพเลยไหมครับ/คะ?

A: ไม่จำเป็นเลย! คณิตศาสตร์ที่ใช้ในบัญชีจริงๆ คือแค่ บวก ลบ คูณ หาร เท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ทักษะการคิดอย่างมีตรรกะ (Logical Thinking)” และความละเอียดรอบคอบ การเข้าใจว่าตัวเลขแต่ละตัวมันสัมพันธ์กันยังไงสำคัญกว่าการแก้สมการยากๆ เยอะ

Q2: ถ้าเป็นคน Introvert (ชอบเก็บตัว) จะเป็นนักบัญชีที่ดีได้ไหม?

A: ได้แน่นอน และอาจจะดีมากๆ ด้วย! คนที่เป็น Introvert มักจะมีจุดแข็งในเรื่องการคิดวิเคราะห์เชิงลึกและความละเอียดรอบคอบ ซึ่งเป็นหัวใจของงานบัญชี Soft Skills ไม่ได้แปลว่าเราต้องเป็นคนพูดเก่งหรือชอบเข้าสังคมเสมอไป แต่มันคือ “การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ” ซึ่ง Introvert หลายคนทำได้ดีมากในการสื่อสารแบบตัวต่อตัวหรือการเขียนรายงานที่ชัดเจน

Q3: Soft Skills สำคัญกว่า Hard Skills (ความรู้บัญชี) จริงเหรอ?

A: พี่ขอตอบว่ามันไม่ใช่เรื่องของอะไรสำคัญกว่า แต่เป็นเรื่องที่ว่า “ทั้งสองอย่างต้องไปคู่กัน” เหมือนรถที่ต้องมี 4 ล้อ ขาดล้อใดล้อหนึ่งไปก็วิ่งได้ไม่ดี Hard Skills จะเป็นสิ่งที่ทำให้บริษัทเรียกน้องไปสัมภาษณ์ แต่ Soft Skills จะเป็นสิ่งที่ทำให้น้องได้งาน, ได้รับการโปรโมต และเติบโตในสายอาชีพนี้ต่อไป

Q4: จบการบัญชี ทำงานอะไรได้บ้างนอกจากเป็นนักบัญชีในบริษัท?

A: โอ้โห เยอะมาก! ความรู้บัญชีคือพื้นฐานของการทำธุรกิจทั้งหมด น้องๆ สามารถต่อยอดไปได้หลากหลายสายงานเลย เช่น

  • ผู้ตรวจสอบบัญชี (Auditor)
  • ที่ปรึกษาด้านภาษี (Tax Consultant)
  • นักวิเคราะห์การเงิน (Financial Analyst)
  • ที่ปรึกษาทางธุรกิจ (Business Consultant)
  • วาณิชธนากร (Investment Banker)
  • หรือแม้กระทั่งเป็นเจ้าของกิจการเอง! เพราะเรารู้เรื่องตัวเลขและสุขภาพทางการเงินของธุรกิจดีที่สุด

บทสรุป: ก้าวต่อไปของนักบัญชียุคใหม่

มาถึงตรงนี้ น้องๆ คงพอจะเห็นภาพแล้วว่าเส้นทางของนักบัญชีมันน่าตื่นเต้นและท้าทายกว่าที่คิดไว้เยอะเลย การจัดการและการตลาดไม่ใช่แค่ “สกิลเสริม” อีกต่อไป แต่มันคือ “อาวุธสำคัญ” ที่จะช่วยให้นักบัญชีสามารถเปลี่ยนข้อมูลดิบๆ ให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีค่ามหาศาลต่อธุรกิจได้

ดังนั้น สำหรับน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวเข้าคณะบัญชี หรือกำลังค้นหาตัวเองอยู่ ลองเปิดใจเรียนรู้ทักษะรอบด้านเหล่านี้ดูนะครับ/คะ ไม่ว่าสุดท้ายแล้วน้องๆ จะเลือกเดินไปในเส้นทางไหน ทักษะการจัดการคน จัดการงาน และการสื่อสารคุณค่าของตัวเอง จะเป็นสิ่งที่ติดตัวและเป็นประโยชน์กับน้องๆ ไปตลอดชีวิตแน่นอน

การเดินทางของนักบัญชียุคใหม่ไม่ได้สิ้นสุดที่เครื่องคิดเลข แต่ทุกอย่าง…มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นต่างหาก!


Most Popular

Categories