การทำธุรกิจส่งออก แน่นอนว่าน้องๆ ต้องใส่ใจในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสาร การผันแปรของตลาดและเศรษฐกิจ แต่หากเราอยากประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจส่งออกละ เราจะต้องมีอะไรบ้าง…?
1. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ อย่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
เมื่อน้องๆ เริ่มทำธุรกิจและอยากขยายธุรกิจเพื่อส่งออก แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน สามารถติดต่อเข้าไปที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169 จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการข้อมูลและข่าวสารทางการค้าในเชิงลึก และน้องยังสามารถรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้สามารถเลือกตลาดที่เหมาะกับสินค้าของน้องได้อย่างเหมาะสมอีกด้วยนะ
นอกจากนี้ DITP ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น งานฝึกอบรมหรือสัมมนาเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ งานจัดแสดงสินค้า สามารถติดตามอัพเดทข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้ผ่านช่องทาง www.ditp.go.th หรือ Facebook ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เห็นไหมว่ามีช่องทางที่จะช่วยเหลือในการขยายธุรกิจเพื่อส่งออกของน้องๆ ได้หลากหลายช่องทาง เจ๋งไปเลยใช่ไหมละ
2. โปรโมทสินค้าให้ถูกที่ ยอดขายพุ่งส่งออกได้มากขึ้น
ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตทำให้น้องสามารถเข้าถึงได้จากทั่วทุกมุมโลก แต่ว่าลูกค้าก็สามารถเข้าถึงสินค้าได้จากทุกมุมโลกเช่นกัน และที่สำคัญการสั่งซื้อของออนไลน์ในปัจจุบันก็ได้รับความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงควรรู้จักที่จะโปรโมทสินค้าของเราผ่านเว็บไซต์ต่างๆ แต่น้องก็ต้องรู้จักความแตกต่างของแต่ละช่องทางให้ดี เพื่อส่งออกสินค้าไปถึงเป้าหมายได้มากขึ้นเช่น หากอยากจะขายสินค้าแบบปลีก ก็ควรที่จะลงสินค้าใน Amazon หรือ E-bay สำหรับน้องคนไหนที่อยากขายสินค้าแบบส่ง Alibaba,Taobao,Tmall อาจจะเหมาะกับธุรกิจของน้องมากกว่า เพียงแค่น้องเลือกวางขายสินค้าให้เหมาะกับตลาด ยอดขายก็พุ่งเลยจ้า
นอกจากนี้ควรจะมีการโปรโมทในรูปแบบอื่นๆ เช่น การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ลงสินค้าบน Thaitrade.com หรือ ไปออกบูทจัดงานแสดงสินค้าเพื่อเพิ่มช่องทางการค้า และที่สำคัญคือ ควรมีช่องทางการติดต่อที่หลากหลายเพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสารกับเราได้อย่างสะดวกมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคการโปรโมทเว็บไซต์ของน้องๆ ด้วยการตลาดออนไลน์ (Online Marketing)
3. รู้จักตลาดให้ดี ใช้กลยุทธ์ให้เป็น
สิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจการส่งออกของน้องนั้นยั่งยืนคือ ต้องทำความรู้จักกับตลาดให้ดี ทั้งการรู้จักคู่แข่งให้ดี การพัฒนาคุณภาพสินค้า พัฒนาการบริการ และ ระบบขนส่งเพื่อช่วยลดต้นทุนและยังเป็นการสร้างกำไรให้กับธุรกิจของเราอีกด้วย เมื่อเรารู้จักตลาดได้ดีพอ เราก็จะสามารถเลือกใช้กลยุทธ์ต่างๆได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์
กลยุทธ์ในการส่งออกให้ประสบความสำเร็จ
- Scale : การผลิตหรือการส่งออกที่เน้นปริมาณ ช่วยให้สามารถเข้าตลาดได้ง่ายขึ้น
- Reach : การรู้จักเข้าถึงลูกค้า ในวงกว้างจะช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโตได้เร็วขึ้น
- Speed : ความเร็วสามารถทำให้เราช่วงชิงพื้นที่ในตลาดได้
- Partnership : การผูกพันธมิตร หรือร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่นจะช่วยให้ธุรกิจของเราแข่งแกร่งมากขึ้น
- Localization : การปรับตัวให้เข้ากับความชอบหรือวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นสิ่งสำคัญ
4. เอกสารครบ มีชัยไปกว่าครึ่ง
หลังจากที่มีการสั่งซื้อสินค้าเรียบร้อยแล้วสิ่งที่ต้องทำก็คือการจัดส่งสินค้า น้องๆ สามารถเลือกส่งสินค้าได้ทั้งทางเรือหรือทางอากาศ และสามารถเลือกส่งออกด้วยตัวเองหรือเลือกใช้บริการจากบริษัทขนส่งก็ได้เช่นกัน แต่ขั้นตอนที่สำคัญนั้นก็คือ พิธีการศุลกากร
เอกสารที่ต้องใช้มีดังนี้
- ใบรับรองทางด้านความปลอดภัยและมาตรฐานของสินค้า
- ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าจากกรมการค้าต่างประเทศ
- ใบขนสินค้าขาออก
- บัญชีราคาสินค้า
- บัญชีรายละเอียดการบรรจุหีบห่อ (Packing List)
- คำร้องขอให้ในการตรวจสินค้าและบรรจุเข้าตู้คอนเทนเนอร์
สำหรับเอกสารบางชนิดสามารถเก็บไว้ใช้ได้ในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องทำใหม่ในทุกๆ ครั้งหรือเราสามารถเลือกใช้บริการจากบริษัทที่รับส่งออกสินค้าซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเราได้อีกทางหนึ่งอีกด้วยนะคะ
เป็นยังไงบ้างคะน้องๆ กับเคล็ดลับการขยายธุรกิจเพื่อส่งออก ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอน หน่วยงานผู้ให้คำปรึกษา หรือแม้แต่เรื่องของเอกสารต่างๆ ก็ต้องเตรียมให้พร้อม น้องๆ คนไหนสนใจอยากเรียน วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน SPU สามารถคลิก www.spu.ac.th/fac/logistics/ เพื่อดูรายละเอียดและสมัคร พร้อมหรือยัง! กับการเรียนรู้กระบวนการส่งออกและนำเข้าสินค้าอย่างลงลึก SPU สามารถปั้นน้องๆ เป็นนักโลจิสติกส์มืออาชีพได้แน่นอนค่ะ มาเป็นรอบครัวรั้วฟ้าชมพูด้วยกันนะคะ
ที่มา : https://convergent-interfreight.com/WP/wordpress/index.php/th/export-must-know