กับบทบาทวิทยากรลูกเสือและตำรวจอาสา/กู้ภัย
กับพลังบวกดีๆที่ส่งต่อให้สังคม!
“เป้”
ช่ ว ย แ น ะ นำ ตั ว เ อ ง
ห น่ อ ย ?
เป้ อานิก : สวัสดีครับ ผม เป้ อานิก เมืองแก้ว
อายุ 20 ปี จบจากโรงเรียน พัทลุง
(ประจำจังหวัด) ผมเป็นคนใต้จังหวัด พัทลุงครับ ปัจจุบันผมเรียน อยู่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย ศรีปทุม
เกรดเฉลี่ยเทอมล่าสุด 4.00 ผมมีพี่น้อง 3 คนครับ ผมเป็นลูกคนกลาง มีน้องชายชื่อว่า ปาม ส่วนพี่สาวผมชื่อป้อครับ และผม“เป้” เป็นครอบครัวตัว ปอ. (หัวเราะ) 5555555 ผมมีเชื้อสายมาจากจีน
อากง (ตา) ผม แซ่ คู ครับ
มาพูดถึงเรื่อง
เป็น”วิทยากรลูกเสือ”ของสำนักงาน
ลูกเสือแห่งชาติและตำรวจอาสา
ผม…เป็นลูกเสือกองเกียรติยศ ตอนผมอายุ 15 ครับ ตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม (ม.3) เพราะโรงเรียนพัทลุง โดดเด่นด้านงานกิจการลูกเสือครับ ผมได้เข้าไปสมัครเป็นพี่เลี้ยงผู้ฝึกสอน โดนเริ่มแรกผมมีหน้าที่ไปคอยช่วยอาจารย์เขาไปก่อน หลังจากนั้นผมค่อยๆได้รับเกียรติจากอาจารย์ ขยับมาเป็นผู้ช่วยวิทยากรในการบรรยายเข้าค่ายพักแรมครับ
– หลังจากนั้นมีกิจกรรมการประกวดการแข่งขันต่างๆ อาทิเช่น การประกวดระเบียบแถว ขบวนสวนสนาม และผมก็ได้รางวัลที่ 2 มาครับ มันเป็นการแข่งขันระดับประเทศ ซึ่งในตอนนั้นผมก็ภูมิใจมากๆครับ
– และปัจจุบัน ผมได้ยื่นขอตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติครับ ขึ้นกับทางกระทรวงศึกษาธิการครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่คอยไปช่วยผู้ตรวจการไปตรวจตามโรงเรียนต่างๆและเป็นวิทยากรอบรมให้กับหลายๆโรงเรียนด้วยครับ ที่สำคัญการที่จะมาอยู่ตรงนี้ได้ ผมต้องผ่านการทดสอบทั้งความรู้ และความสามารถจนได้รับเลือกเข้ามาทำตรงนี้ได้
ในส่วนของตำรวจอาสา…ก่อนหน้านี้ผมทำหน่วยกู้ภัยอยู่ครับ ชื่อว่า มูลนิธิช่งเต็กเชี่ยงตึ๊ง จังหวัดพัทลุง ตอนอายุ 10 ขวบ ตอนแรกๆที่ผมมาทำ กลัวมากครับ แต่อีกความรู้สึกหนึ่ง ผมก็สนุกไปกับมันครับ ผมทำมาหมดแล้วครับ ไม่ว่าเจอเหตุการณ์แบบไหน เช่น เก็บศพ ชันสูตรพลิกศพ เพื่อทำคดี อาบน้ำศพ ผมก็ทำมาหมดแล้วครับ นี่คืองานช่วยสังคมงานแรกที่ผมทำครับ ส่วนตำรวจอาสา ผมเริ่มเข้ามาทำตอนอายุ 17-18 ครับ โดนทางสถานีตำรวจภูธรนาขยาด เขาก็ขอให้มาช่วยงานทางด้านนี้ครับ และทำงานไปสักปีกว่าๆ ผมก็ได้รับตำแหน่งหัวหน้าตำรวจอาสาครับ คอยทำหน้าที่คุมกำลังผลประมาณ 20 นายครับ เพื่อที่จะจัดเวรดูแลความปลอดภัยต่างๆแก่ประชาชนครับ
และผมยังได้รับโล่รางวัล จากพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นรางวัลที่ได้มาจากการที่ผมได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นพลเมืองดีครับ ถือว่าเป็นกำลังใจที่เราได้ทำงานเพื่อสังคมมาครับ
ความภูมิใจในตอนทำงานตำรวจอาสา
เหตุการณ์ไหนที่เป้รู้สึก“ภูมิใจ”มากๆ
อืมมมม…ผมภูมิใจตอนที่ผมไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมครับ ที่จังหวัดผมน้ำจะท่วมเกือบทุกปีเลยครับ รู้ไหมตอนที่ผมไปช่วย ผมแทบไม่ได้กินข้าวเลยครับช่วยตั้งแต่เช้ายันดึกเลย ตอนนั้นผมเหนื่อยนะ แต่ผมก็ได้กำลังใจที่ดีจากรอยยิ้มที่ผมไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยมาครับ มันเลยทำให้ผมอยากทำงานช่วยเหลือสังคมแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ
ความแตกต่างระหว่างบทบาทของ “ผู้ตรวจการลูกเสือ”
กับบทบาท “นักศึกษานิติศาสตร์”
อืมมม…แตกต่างนะครับ ถือว่าแตกต่างมากครับ เพราะตอนที่ผมต้องไปทำงาน ไม่ว่าจะถูกเชิญไปเป็นวิทยากรลูกเสือ หรือตอนที่ต้องเข้าไปตรวจเยี่ยมตามโรงเรียนต่างๆ ผมต้องปรับบุคลิกภาพให้ดูโตเป็นผู้ใหญ่ครับ เพราะตอนนี้ผมเพิ่งจะอายุ 20 เอง แต่ผมได้รับหน้าที่ ที่เกินอายุผมไปมากๆครับ อีกอย่างงานที่ผมทำ ผมต้องเจอกับผู้หลัก ผู้ใหญ่เยอะครับ ผมจึงต้องปรับตัวให้ดูน่าเชื่อถือครับ
**ส่วนตอนที่ผมมาเรียน ผมจะเป็นอีกบุคลิกหนึ่งเลยครับ 55555 เหมือนเป็นคนมีหลายบุคลิกเลย ฮาๆ ตอนผมมาเรียน หรืออยู่กับเพื่อนๆนิสัยจริงๆของผมเป็นคนชอบคุยครับ เป็นคนคุยสนุกคุยเก่ง คุยได้กับทุกคนเลยครับ ถ้าได้รู้จักนะ ผมคุยได้ทั้งวันทั้งคืนเลย 55555 และบางครั้งผมก็ติดนิสัยจากการทำงานมาบ้างครับ เพื่อนตกใจเลย 5555
“เพราะ อะไรถึงเลือกเรียนด้านกฏหมาย
คณะนิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม“
เป้ อานิก : ก่อนอื่นเลยผมต้องบอกว่า มันเป็นความฝันที่ผมอยากจะรู้จักทางด้านนี้ มาตั้งแต่ตอนผมเรียน ม.ปลายแล้วครับ และเมื่อผมเรียนจบ ผมไม่ลังเลเลยที่ผมจะเลือกเรียนคณะที่ผมฝันไว้คือคณะนิติศาสตร์ครับ
**สาเหตุที่ผมเรียนเลือกเรียนคณะนิติที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม เพราะผมทราบมาว่า เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกในประเทศไทย ที่เปิดการเรียนการสอน คณะนิติศาสตร์ครับ ผมจึงมั่นใจว่าที่นี่จะส่งผมไปในทางที่ดีได้อย่างแน่นอนครับ และพอผมได้เข้ามาเรียนจริงๆ ก็รู้สึกไม่ผิดหวังเลยครับ ทั้งอาจารย์ผู้สอน และพี่ๆเจ้าหน้าที่ดูแลและเอาใจใส่เป็นอย่างดีครับ
มาคุยเรื่องผลงานกันมั่งดีกว่า!
เป้ อานิก : ผลงานที่ผ่านมานะครับก็มี เดือนมหาวิทยาลัย ปี 2561 และผลงานในวงการบันเทิงบ้างซิทคอม เป็นต่อ สุภาพบุรุษสุดซอยเสือ เก้ง,รายการ เทคมีเอ้าท์ไทยแลนด์,รายการ รู้ไหมใครโสดและมีรายการที่อยู่ระหว่างถ่ายทำอีกครับ ฝากทุกคนติดตามผลงานด้วยนะครับ
เ รี ย น
ได้
เ ก ร ด
“4.00”
ทำงาน+กิจกรรม+เรียนไปด้วย เอาเวลาที่ไหนอ่านหนังสือ?
เป้ อานิก : ใช่แล้วครับ นี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมภูมิใจ เพราะผมเองก็มีความฝันว่าผมอยากเรียนได้เกียรตินิยมครับ แต่ผมจะพยายามนะครับ
**ส่วนเรื่องการแบ่งเวลา ผมคิดว่าเรื่องเรียนผมต้องมาก่อนครับ เนื่องจากผมมองว่าในอนาคต มันจะเป็นสิ่งที่จะส่งผมให้ไปในทางที่ดี เวลาจะสอบผมจะไม่เล่นโทรศัพท์เลยครับ จะอยู่กับหนังสือเป็นกองๆเลย จะไม่รับงานใดๆทั้งนั้นเลยครับ ผมจะให้เวลากับการเรียนมาก่อนทุกเรื่องครับ
“ชีวิต”
ในรั้วมหาวิทยาลัย
เป้ อานิก : ก็ถือว่าต้องปรับตัวบาง บ้างครั้งครับ เพราะที่ผ่านมาๆ ผมทำงานตั้งแต่ยังเด็ก งานที่ผมทำอย่างที่ผมบอกไป เป็นงานที่ต้องเจอกับผู้หลัก ผู้ใหญ่เยอะ เหมือนผมจะโตเกินอายุกว่าในวัยเดียวกันนะครับ 55555 แต่ผมเข้ากับคนง่ายครับ บางสิ่ง หรือบางความรู้จากที่ไปทำงานมา ผมยังเอามาแนะนำเพื่อนๆเลยครับ
เป้
“ภูมิใจ”
อะไรในตัวเองมากที่สุด
– ได้รับรางวัล ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากการประกวดถ่ายทอด ศิลปวัฒนธรรมภาคใต้ จาก มหาวิทยาลัย ทักษิณ
– ได้รับโล่รางวัล จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นรางวัลที่ได้มาจากการที่ผมได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นพลเมืองดีครับ
จากพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ครับ ถือว่าเป็นกำลังใจที่เราได้ทำงานเพื่อสังคมมาครับ
แรงผลักดันที่ทำให้เรามาถึงตรงนี้
และได้รับโอกาสดีๆเข้ามาในชีวิต
คืออะไร…
เป้ อานิก : หลักๆเลยก็คงเป็นครอบครัวครับ กำลังใจจากครอบครัว เวลาที่ผมเป็นปัญหาไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องแฟน เรื่องเพื่อน เรื่องเรียน เรื่องการทำงาน ผมจะโทรหาแม่และเราให้แม่ฟังอยู่ตลอดครับ ว่ามันเป็นแบบนี้ๆนะ เป้ต้องทำยังไงต่อไป และแม่ก็จะแนะนำทางออกที่ดีมาให้ผมเสมอครับ และคอยให้กำลังใจกันอยู่ตลอดครับ ผมมองว่าแรงผลักดันที่ทำให้ผมมาถึงตรงนี้ได้ ก็คือครอบครัวของผมครับ
.
IDOL ที่เป็นแรงบันดาลใจ
คือใคร…
เป้ อานิก : แบบอย่างหรือแรงบันดาลใจของผม ผมขอตอบตัวเองได้ไหมครับ 5555 เพราะที่ผ่านมาๆ ไม่ว่าผมจะทำอะไรลงไป หรือตัดสินใจที่จะทำอะไร ผมคิดว่าผมทำดีและก็ดีที่สุดสำหรับผมแล้วครับ ผมพยายามทำทุกๆอย่างที่พี่ได้สัมภาษณ์มาทั้งหมด ด้วยตัวของผมเองหมดเลยนะ ผมถึงขอเอาตัวเองเป็นแรงบันดาลใจครับ ผมภูมิใจในตัวเองมากๆที่มาอยู่ในจุดนี้
คติประจำใจ
เป้ อานิก : สิ่งที่ผมยึดเป็นคติประจำตัวแล้วกันครับ แม้อุปสรรคจะมากเพียงใดจงจำไว้นั้นแหละ คือประสบการณ์ที่ดี
“ฝากบอกถึงน้องๆ”
ที่จะเข้ามาเรียนที่คณะนิติศาสตร์หน่อย