“พี่หมา พาราด็อกซ์”
ศิษย์เก่าศรีปทุม
และบุคลากรที่มีสไตล์แหวกแนว
ไม่เหมือนใคร!
พี่แบต : สวัสดีครับ พี่ชื่อแบต – อมรพล รุ่งรูจี เป็นศิษย์เก่าสาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เคยเป็น Creative Event Fat Radio / Project Manager Mingalar Management / Project Manager Muse Corporation ในเครือ CMO Group และปัจจุบันเป็น Producer & Creative ที่ Media Center ม.ศรีปทุมครับ
พี่แบต : ในเรื่องความเป็นตัวเอง เอาจริงเราก็เป็นคนปกติทั่วไปไม่ได้แตกต่างอะไร เพียงแต่อาจจะมีบางอย่างที่เราชอบแล้วคนอื่นเขาไม่ได้ชอบ หรือไม่ได้อินด้วยก็เท่านั้น ซึ่งเราว่าก็ไม่แปลกมันเป็นมุมส่วนตัวเฉพาะบุคคล แต่บางทีความชอบของเรา ทำเราคุยคนเดียวบ่อย (หัวเราะ) เช่น ชอบแมวด่างสีเลอะเทอะดูเปรอะๆ นั่นล่ะคือแมวสวยสำหรับเรา หรือ อะไรที่เขาฮิตไปแล้วเป็นชาติ แล้วเราค่อยมาฮิตตามหลังเขา เชื่อมั้ยผมเพิ่งรู้จักหมอเป้งเมื่อไม่กี่วัน แต่ในขณะเดียวกันคือเราเพิ่งเริ่มดูเลือดข้นคนจางแล้วก็ติดงอมแงมอยู่ตอนนี้ (หัวเราะ) หรืออย่างเพลง อันนี้ค่อนข้างจะล้ำหน่อย ล้ำคือออกอ่าวกู่ไม่กลับเลย ถ้าเปรียบเป็นคนขับรถคืออยู่ดีๆ ก็สไลด์ตกข้างทางคว่ำไปได้เลยเพราะมันไม่มีทิศทาง สรุปคือฟังไปมั่วๆ นั่นแหละ แต่เราแค่ชอบฟังเพลง ถ้าถามว่าชอบฟังเพลงแบบไหน คือแบบไหนก็ได้ที่เป็นของวงหน้าใหม่แนวอะไรก็ได้เอามาเลย เราเชื่อว่าเพลงแรกในชีวิตเขามันจริงที่สุด ส่วนตัวเราว่ามันสำคัญกับเขามากนะ และสำคัญกับคนฟังอย่างเรามากด้วยเช่นกัน เรามักชอบความรู้สึกที่ค่อยๆ ซึบซับ ได้ดูโชว์ของเขาแล้วก็เติบโตยิ่งใหญ่ไปพร้อมกับวงและเพลงของคนๆ นั้นพร้อมๆ กัน เรารู้สึกดีกับเรื่องประเภทนี้มาก สมัยก่อนฟังวิทยุจะติดมากช่วง Bedroom Studio ของ Fat Radio คือให้วงไร้ค่ายที่เขาทำเพลงเองทุกขั้นตอนส่งเพลงมาเปิดที่คลื่นได้ ขนลุกทุกเพลง คิดดูดิว่ามันเยี่ยมขนาดไหนในยุคที่เทคโนโลยียังไม่ได้ซัพพอร์ตมากนัก ก่อนที่วันหนึ่งเราจะได้ไปทำงานที่คลื่น Fat Radio จริงๆ แล้วรายการนี้ยังมีอยู่เหมือนเดิมนะ แค่เปลี่ยนชื่อคลื่นเป็น Cat Radio เผื่อใครอยากลองไปฟังหรือส่งเพลงตัวเองไปเปิดบ้าง เราจะอินกับเพลงมากเป็นพิเศษ เราโตมากับครอบครัวดนตรี 100% ด้วยแหละมั้ง มันเลยเป็นหนึ่งในสัญชาตญาณที่อยู่ในตัวของเรา
ชีวิตเฟรชชี่
เริ่มต้นตั้งแต่เข้ามาทำงาน!
พี่แบต : เราต้องขอบคุณโอกาสจากพี่บอย คณบดีนิเทศศาสตร์ และ Director ของ Media Center นี่แหละครับ ที่มอบความพิเศษนี้ให้ ซึ่งความพิเศษนี้คือนอกจากได้มาทำงาน มีเงินใช้ มันยังได้ กลับมาใช้ชีวิตในมหาลัยศรีปทุมอีกครั้ง มันให้ฟิลลิ่งเหมือนว่าเรายังเป็นนักศึกษาอยู่ ยังเป็นเฟรชชี่มีความสด นึกออกไหม? ภาพที่เราเห็นตัวเองคือกำลังใส่ชุดนักศึกษา เสื้อเราขาวมาก ขาวจั๊วะ กลิ่นเหม็นใหม่ เราคึกมาก ข้างหน้าเราคือ New Friend ของเรา เรากลับมามีรุ่นน้องในคณะ ซึ่งไอฟิลลิ่งแบบนี้มันไม่มีมานานแค่ไหนก็จำไม่ได้ เชื่อมั้ยเราไม่เคยรู้สึกเลยว่าเราเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัยแม้แต่วันเดียว นี่เข้าปีที่สองแล้วที่เราอยู่ที่นี่บ้าไปแล้ว นี่มันชีวิตวัยรุ่นชัดๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งสนุก ในหัวเต็มไปด้วย Project เบาๆ แบบโยนหินถามทาง ไปจนถึง Project พวกแนวคิดบ้าบิ่นก็มีนะ (หัวเราะ) จะขายผ่านสักอันมั้ยเนี่ย เราก็ไม่ซีเรียสนะ แต่ก็จะเอาให้ได้ มันก็ต้องได้สัก Project แหละน่า ถ้ามันไม่ได้ก็แค่คิดใหม่ ตรงนี้แหละที่โคตรสนุก Passion สำคัญมากนะ มันทำให้เราไม่หยุดพัฒนาตัวเองและก็หาความท้าทายใหม่ได้ตลอดเวลา จะได้ชวนเพื่อนใหม่มาเล่นกับเรากันเยอะๆ
นักศึกษาคือเพื่อนใหม่
ที่เราอยากสร้างโปรเจค
มาทำด้วยกัน
พี่แบต : ส่วนตัวเราชอบสร้างกิจกรรม ประเด็นคืออยากหาเพื่อนมาเล่นด้วยแหละ มันก็เหมือนเราออกไปรวมตัวกับเพื่อนในหมู่บ้านตอนสมัยเด็ก ไปปั่นจักรยาน เตะฟุตบอล ประมาณนั้น กิจกรรมมันทำให้เราเจอสิ่งใหม่เสมอๆ เราคิดว่ากิจกรรมเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยพัฒนาตัวเองได้รอบด้าน เพราะมันต้องอาศัยทีมเวิร์ค และมันยังเป็นเครื่องมือสำหรับพิสูจน์ตัวเองอย่างสร้างสรรค์ได้ดีอีกด้วย เราอยากให้เพื่อนเรา ออกไปสร้างงานอย่างทรงพลังและไม่เป็นมลพิษต่อสังคม อยากให้เขาเริ่มเรียนรู้ความเป็นมืออาชีพตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาเรียนที่นี่ เราว่าฝีมือมันเป็นเรื่องของทักษะที่ต้องอาศัยการฝึกฝนกับตัวเองฝึกกับอุปกรณ์ แต่ทัศนะคติการทำงานที่ดีเราคิดว่าเป็นหน้าที่เราเนี่ยแหละที่ต้องหาทางปลูกฝัง ไม่อยากให้เหมือนนักฟุตบอลเก่งๆ ที่เล่นคนเดียวไม่แบ่งใครสุดท้ายทีมก็เบื่อคนดูก็เซ็งจนบางทีไม่รู้ว่าจะเล่นบอลให้เก่งไปทำไม ในเมื่อสุดท้ายไม่มีงานแล้วก็ไม่มีคนเล่นด้วย เรื่องแบบนี้ Youtube ไม่บอกเราหรอก แต่เราสามารถบอกเขาได้ด้วยการสร้างกิจกรรมให้พวกเขาได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับการฝึกฝนพัฒนาตัวเองไปด้วย ชีวิตจริงพวกเขาต้องแยกย้ายกัน เราเลยอยากให้พวกเขาออกไปใช้ชีวิตและเข้าขากับทุกคนกับทุกงานทุกองค์กรได้อย่างดี เหมือนนักเตะที่สโมสรไหนก็ต้องการ เล่นกับใครก็ได้และเป็นที่รักของแฟนบอลทุกสโมสร ที่สำคัญเราตั้งใจอยากให้เกิด คอมมูนิตี้ อยากให้มันเป็น SPU Hub เราอยากให้มันเป็นอย่างนั้น
บอสของเรา
เปิดโอกาสให้ทุกคน
พี่แบต : ตอนเรียนอยู่อาจารย์ที่นี่ใจดีทุกคน สนับสนุนสิ่งที่เราอยากทำไม่เคยขัดข้อง พอเข้ามาทำงานเราโชคดีที่บอสเราทุกคนยังเท่เสมอ ล่าสุดเรานึกสนุกอยากชวนบอสเราคนหนึ่งมาทำอะไรสนุกๆ บางอย่าง เราไปเล่าให้เพื่อนๆ ในออฟฟิศฟัง เชื่อไหม? ไม่มีใครเล่นกับเราเลยสักคน เป็นไปตามฟอร์มอย่างที่คิด (หัวเราะ) เราคุยคนเดียวอีกแล้วเนี่ย แต่สุดท้ายไม่รู้คิดยังไงเดินดุ่มๆ ไปชวนบอสเองเลย นึกในใจมันจะสักเท่าไหร่กัน มีแค่สองทางเท่านั้นแหละ ไม่โดนด่าก็เซอร์ไพรส์เลยนะ ยังไงฝากทุกคนติดตามเรื่องนี้ด้วยนะครับ นี่แหละคือความประทับใจที่อยากบอก บอสเราทุกคนที่นี่เปิดโอกาสให้เดินเข้าไปหาได้ตลอดเวลาและเป็นกันเองที่สุด แน่นอนเพื่อนร่วมงาน ไม่เพื่อนดิต้อง พี่ร่วมงานเฮฮาทุกคน เราได้รับโอกาสดีๆ จากที่นี่ตั้งแต่ตอนเรียน จนตอนนี้ก็ยังเป็นแบบตอนนั้นอยู่
กลับมาพูดเรื่องหน้ากากพี่หมา
ในวง “พาราด็อกซ์” กัน
ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากอะไร?
พี่แบต : ฮ่าๆๆ นี่เราโดนกระชากหน้ากากอีกแล้ว! เอาจริงๆ ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากกิจกรรมเนี่ยแหละ อย่างที่บอกกิจกรรมที่บางทีมันดูแปลกๆ หรือบ้าๆบอๆ แต่สำหรับเรามันอาจพาเราไปเจอสิ่งใหม่ๆ ได้เสมอเลย ตอนที่ทำงานอยู่ Fat Radio ที่นั่นมีก๊วนเตะบอลกับพวกพี่ๆ เพื่อนๆในออฟฟิศนี่แหละ พี่ต้าอยู่ในก๊วนเตะบอลนี้ด้วย พอวันหนึ่งกลุ่มนี้ล่มสลาย พี่ต้า เจ้าพ่อโปรเจค ก็เลยชวนมาตั้งก๊วนเตะบอลกันใหม่ หลังจากนั้นก็เริ่มทำ Project จัดแข่งฟุตบอลคนวงการเพลง ชื่อรายการ Jims Cup อยู่มาวันหนึ่งเราเกิดอกหัก เลยโซเซขึ้นไปคลั่งบนเวทีพี่เขา แล้วก็เลยเถิดจนเป็นหางเครื่องของวงพาราด็อกซ์จนทุกวันนี้ (หัวเราะ) มันเดินยากนะเลยเต้นง่ายกว่า
สำหรับเรา เราว่าเรื่องนี้มันไม่ยากนะ เพราะอยู่กับวงการนี้มาสักพักใหญ่แล้วในฐานะคนทำงานเบื้องหลัง เราก็เลยค่อนข้างไม่มีปัญหาในการวาง position นี้เท่าไหร่ เราเป็นผู้จัดก็จะรู้ว่าการยืนอยู่เบื้องหน้าควรต้องอยู่ยังไง แต่ที่ยากสำหรับเราคือ Paradox คือวงที่เรา Respect มันคือจักรวรรดินักคิด วงแห่งความคิดสร้างสรรค์ วงที่สร้างแรงบันดาลใจหลายอย่างให้เรา แล้วเติมจินตนาการให้บ่อยครั้ง ความยากคือการเป็นสมาชิกที่ต้องรักษาคุณค่าของวง ซึ่งเราโคตรมั่นใจว่าคนจำนวนหลักล้านคนที่นับถือพี่ๆ Paradox ไม่แพ้เราหรืออาจจะมากกว่าเราก็คิดแบบนั้น เพราะงั้นสิ่งที่ยากคือต้องทำให้โชว์ Paradox ดูเป็น Paradox นั่นแหละครับ
เดี๋ยวนะ
ทำไมต้องเป็นพี่หมาล่ะ?
พี่แบต : ที่เลือกเป็นหน้ากากหมาเพราะเราชอบและรู้สึกว่าหมามีความคล้ายกับเราขี้เล่น สนุกสนาน กวนโอ้ย ซน ซื่อสัตย์กับคนที่เขารัก สเน่ห์ของพี่หมาคือให้ความอลหม่าน เป็นมิตรกับคนที่มาดู ถามว่ามีคนรู้จักเราเยอะไหม? นักศึกษาที่นี่รู้จักเราน้อยนะ และก็ไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับเราเหมือนกัน แต่ก็มีบางคนตามไปดูคอนเสิร์ตแล้วแอบถ่ายรูปกลับมาให้เราดูบ้าง ชีวิตส่วนตัวเราคือชอบกินกับนอน (หัวเราะ) ชอบดูดนตรี เล่นกีฬา ส่วนความฝันของเราคืออยากถูกรางวัลที่ 1 สักครั้ง (หัวเราะ) เอาจริงนี่สวดมนต์ทุกวัน ขอแค่ใบเดียวก็ได้นะ
แง่คิดในการเป็นเบื้องหลัง
และเบื้องหน้าในวงการ
ของเราคืออะไร?
พี่แบต : ในการทำงานเราจะต้องยืดหยุ่นไม่ตึงเกินไปไม่หย่อนเกินไป ความใจเย็นเป็นเรื่องสำคัญ และการเรียนรู้สำคัญกว่าเสมอ อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเองและทัศนะคติของตัวเอง อย่างที่บอก เราต้องเข้าใจว่าการทำงานคือการทำเป็นทีมที่ไม่ได้ประกอบแค่ทีมเราทีมเดียว มันต้องเชื่อมโยงกับทีมอื่นๆ ด้วย เช่น ทีม Production กับ ทีมการตลาด มักต้องปะทะกันบ่อย (หัวเราะ) ถ้าเราอยากได้งานดี แต่เขาอยากได้ถูกและดี ทัศนะคติเท่านั้นที่สามารถทำให้เจอตรงกลางได้ เราเปลี่ยนใครไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนมุมมองวิธีคิดของเราเองได้ซึ่งง่ายกว่าที่เราจะไปเปลี่ยนใคร สำคัญอีกเรื่องตอนนี้ต้องยอมรับเราเองเจอมาบ่อย (หัวเราะ) แถมเด็กสมัยนี้ค่าตัวแพงกว่ามืออาชีพบางคนไม่รู้ทำไม นึกในใจเพิ่มอีกนิดได้มืออาชีพมาทำงานเลยนะเนี่ย หายห่วงไม่ต้องลุ้นเชื่อถือได้ เราเลยมองว่าไม่อยากให้มองเรื่องเงินเป็นสิ่งแรกในระยะเริ่มต้น แต่อยากให้โฟกัสไปที่โอกาสกับประสบการณ์ที่ได้รับมาก่อน เพราะมันจะนำพาให้เราไปเจออะไรอีกเยอะแยะ แล้วเดี๋ยวพอเข้าที่เงินมันจะมาของมันเอง ยิ่งตลาดในปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูงมาก ลูกค้าก็มีตัวเลือกใช้มากขึ้นเหมือนกัน
อยากติดตามพี่
มานี่เลยครับ!
พี่แบต : ใครชอบงานศิลปะหรืออยากมาลองดูอะไรสักอย่าง ฝากมาเที่ยวงาน Awakening Bangkok 2019 ย่านเจริญกรุง วันที่ 15-24 พย. นี้ แล้วกัน เป็นงาน Showcase ของเหล่าศิลปิน ดีไซน์เนอร์ที่ออกแบบ Lighting ทั่วถนนเจริญกรุง Lighting Installation / Projection Icon / The Lab ดูฟรีทั้งงาน เราดูแลโปรเจคนี้เอง เลยเอานักศึกษาเรามาช่วยกันทำงานเหมือนเป็นการฝึกงานไปในตัวนี่เป็นรุ่นที่ 2 แล้ว คนไหนที่เราเห็นแววโดดเด่นหรือถ้าเขาสนใจอะไรเป็นพิเศษเราจะให้เขาได้ทดลองทำไปเลย เจ็บจริงจุกจริงสนุกดี ครั้งนี้มี 2 สาว พลอย พลอยไพลิน บัวเกตุ / บิวตี้ ศิริวรรณ ชูมา เด็ก RTV นิเทศศาสตร์ ปี 4 เราให้เขามาทำหน้าที่ Co-Producer งานนี้ รับผิดชอบในส่วนศิลปินและชิ้นงานทั้งหมดที่มาแสดง พร้อมควบดูแลทีมนักศึกษาศรีปทุมกว่า 50 คน เพื่อ corporate ทั้งงานที่กินพื้นที่ 2 กิโลเมตร ตามหลังรุ่นพี่รุ่นแรกไป ซึ่งน้อง 2 คนนี้ทำงานได้ประทับใจผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างมาก งานนี้จัดโดย นิตยสารหัวนอก Timeout Bangkok
แล้วก็ฝากติดตามวง paradox ด้วยครับ เร็วๆ นี้จะมีรายการ Padoxtour Season 2 ทางช่อง 9 ซีซั่นนี้ไปบุกเกาหลีมา ยังไงก็ไปอัพเดทได้ใน Fan Page : Paradoxthailand หรือ Line : @paradoxnews ขอบคุณครับ