เล่าให้ฟัง “ฉายหนัง” คืออะไร
เทศกาลฉายหนัง คือ เทศกาลฉายภาพยนตร์สั้นที่นักศึกษาสาขาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัลได้จัดทำและฉายลงโรงภาพยนตร์กันจริงๆ ในส่วนของสาขาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัลนั้น เรามีความคิดว่าอยากให้เด็กเรียนรู้แบบตัวจริงประสบการณ์จริง ปีสุดท้ายเลยจัดเต็มกรรมการจากภายนอกมาเป็นวิทยากรและให้เด็กมีโอกาสได้ทำหนังของเขาขึ้นฉายในโรงภาพยนตร์จริงๆ ซึ่งตรงนี้เราทำเทศกาลฉายหนังกันเป็นครั้งที่ 3 แล้วครับเด็กจะได้ลงมือทำเองทุกกระบวนการ มีอาจารย์เป็นโค้ชคอยแนะนำซัพพอร์ต เพราะเรามีโค้ชดูแลเด็กเสมอ
คำว่าโค้ช คือเราเป็นผู้ผลักดันนักศึกษาให้ไปถึงฝั่ง มีเวลาให้ดูแลคุณอย่างดีเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เด็กจะได้ทำทุกขั้นตอนตั้งแต่จัดสรรงบประมาณ แคสติ้งนักแสดง เขียนบท กำกับ ถ่าย ตัดต่อ ได้เจอปัญหาต่างๆ และเรียนรู้ที่จะแก้ไข เรียกว่าลงมือเองทุกขั้นตอนจริงๆ และท้ายที่สุด ผลงานนั้นจะได้ขึ้นฉายให้รุ่นพี่ รุ่นน้อง และอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นผู้กำกับมืออาชีพในเมืองไทยได้ชม ได้แนะนำ วิจารณ์ผลงาน เพื่อให้เด็กเรียนรู้ผลงานของตนเองด้วย
เรียนฟิล์มที่นี่ เตรียมเรียกเพื่อนมาดูหนังสั้นเราได้เลย!
อย่างที่บอกว่าเทศกาลฉายหนัง ทำมาแล้ว 2 รุ่น สิ่งที่เห็นความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด ก็คือความตั้งใจ
เรียนของนักศึกษา ก่อนที่จะถึงฉายหนัง เราสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงในปีที่ 3 อย่างเห็นได้ชัด พอรุ่นน้องเข้าไปดูงานรุ่นพี่ในโรงภาพยนตร์เขาก็ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำ มีเป้าหมายชัดเจน อย่างที่บอกเราอยู่แบบครอบครัว รุ่นพี่เองพอเห็นน้องๆ เครียดก็จะให้กำลังใจกัน วันที่ฉายหนังรุ่น 2 รุ่นพี่ก็จะแวะกันมาดูงานน้องๆ รอบเย็น ดังนั้นรอบ 3 จะแน่นมากกก ซึ่งนักแสดงที่แสดงก็จะมาดูงานของตัวเองได้ฉายโรง พ่อแม่เด็กๆ มาดูก็รู้สึกภูมิใจในผลงานลูกตัวเอง ดังนั้นอาจารย์เชื่อว่าชิ้นงานบางชิ้นมันอาจไม่ได้สมบูรณ์เต็มร้อยเปอร์เซ็นแต่ในเทศกาลฉายหนังนี้เด็กๆ ได้รับประสบการณ์เต็มๆ อย่างแน่นอน
กว่าจะได้ “ฉายหนัง” รุ่นพี่เขาเรียนอะไรกันบ้าง
ตรงนี้ขอเล่าก่อนว่านิเทศคืออะไร นิเทศศาสตร์เนี่ยคือนักสร้างสรรค์มืออาชีพครับ เป็นการสร้างสรรค์สื่อต่างๆ ออกมาในหลากหลายรูปแบบที่ ม.ศรีปทุม เราเปิดสอนอยู่ 4 สาขา คือ การออกแบบสื่อสารออนไลน์สื่อสารการแสดง, ภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล, ดิจิทัลทีวีและสื่อออนไลน์ อย่างปีแรก นักศึกษาจะได้พัฒนาเกี่ยวกับศาสตร์เบื้องต้นของนิเทศศาสตร์ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน สื่อสารด้วยการใช้เครื่องมือต่างๆ แต่สำหรับสาขาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล เล่าคร่าวๆ ว่า พอเข้าปีที่ 2 เราจะเรียนเน้นในเรื่องกระบวนการผลิตของภาพยนตร์ เช่น การเขียนบทการเล่าเรื่องการทำสคริป การเขียนล็อคไลน์ พล็อต ตีม การกำกับศิลป์ ตรงนี้คุณจะได้ฝึกไปพร้อมกับการใช้เครื่องมือเพื่อเข้าใจในการใช้อุปกรณ์ที่จะนำไปผลิต ทุกคนจะได้ลงมือทำ ลงมือคิด แล้วมาลองดูความเป็นไปได้ว่าสิ่งที่คิดสามารถทำได้จริงไหม
จนปี 3 ก็จะได้เรียนเทคนิคขั้นสูงต่างๆ เรียนรู้ด้านเสียง เน้นการผลิตมากขึ้น ปีนี้คุณจะได้ออกไปถ่ายสถานที่จริงข้างนอก เราเช่าบ้านให้เลยแต่ใช้เวลาถ่าย 1 วัน และให้คิดบทกันเอง โดยในบทต้องมีบ้านอยู่ในนี้ จะเป็นเรื่องหนังผี หรือหนังแนวไหนก็ให้คิดเอา คือเราไม่ได้คิดว่าเรียนต้องเรียนอยู่ในมหาลัยเท่านั้นแต่อาจารย์จะไปโค้ชให้เด็กแล้วก็ลงมือทำไปพร้อมกับเด็กเลย ซึ่งเด็กจะได้เรียนรู้ตั้งแต่ขั้นตอน 1 ถึง 10 แน่นอน
พอปี 4 ก็จะเรียนการจัดงานสัมมนาลงมือทำโครงงานอย่างจริงจัง ซึ่งมีระยะเวลาในการทำประมาณ 6 เดือน ตรงนี้คุณจะได้เจอตัวจริง ของจริง จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมืออาชีพ เช่น พี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว ซึ่งเป็นผู้กำกับ และ พี่อ๊อด บัณฑิต ทองดี มาเป็นกรรมการสอบเลยครับ
กึ๋น อาจไม่สำคัญเท่า ความพยายาม + ทีมที่ดี
หลายคนถามว่าเรียนสายนี้กึ๋นกับความพยายามอะไรมันสำคัญกว่ากัน จริงๆ ต้องบอกว่าพรสวรรค์หรือกึ๋นถ้ามีก็เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ถ้าคนเรามีแค่พรสวรรค์แล้วไม่รู้จักแสวงเลยมันก็ไม่ประสบความสำเร็จหรอก เพราะว่าในศาสตร์ของภาพยนตร์และสื่อดิจิตอลมันไม่ได้ทำคนเดียวแล้วจะสำเร็จ คุณต้องทำงานกันเป็นทีมแต่ละคนในทีมก็ต้องมีจุดเด่นที่ช่วยเหลือทีมได้ ผมเชื่อว่าทุกคนไม่ใช่จะมีกึ๋นครบทุกเรื่อง การมีกึ๋นก็ไม่ใช่ทุกคนจะมีกึ๋นในเรื่องที่เหมือนกัน เราต้องหันมุมที่ตัวเองมีความสามารถมารวมกลุ่มกัน เพื่อให้เราทำงานเป็นทีมที่ดี อยากให้แสวงหาความสามารถที่เรามีมากกว่าและทำมันให้เป็นพรสวรรค์ แสวงจนเป็นพรสวรรค์นั้นทำได้นะ แค่ทุกคนต้องเชื่อก่อนว่าตัวเองมีความสามารถในด้านใดด้านหนึ่ง แต่ถ้าคุณกำลังหาตัวตน มาเรียนนี่คุณได้ลองจับทุกตำแหน่งแน่ แล้วเมื่อคุณแน่วแน่พยายามแสวงหาตัวเอง มันต้องเจอบ้างแหละครับ
ทีม “ฉายหนัง” ไหนที่ชนะใจ อ.พันธ์
สำหรับอาจารย์ ทีมชนะใจคือทีมที่ได้เรียนรู้กระบวนการในการเรียนได้อย่างดีที่สุด มันอาจไม่ใช่หนังที่ดีที่สุด ชนะใจคนดูมากมาย คือว่า อ.พันธ์ ไม่ได้วัดว่าใครจะไปถึงปลายทางแล้วสำเร็จเสมอไป แต่อาจารย์ดูที่กระบวนการ ดูที่ระหว่างทางระหว่างทำว่าคุณทำมันออกมาได้ดีมากน้อยแค่ไหน บาง
คนอาจจะเริ่มต้นไม่ดีเลยนะ บทไม่ผ่านบ้าง เรื่องไม่ผ่านบ้าง
แต่ปลายทางนี้สวยงามเลย นั่นแสดงว่าคุณเรียนรู้ที่จะต้องฝ่าฟันกับปัญหาต่างๆ แล้วคุณชนะใจอาจารย์แล้ว
Life style โค้ชผู้ปลุกปั้นเด็กฟิล์ม เรื่องสุขภาพถือเป็นเรื่องสำคัญตอนนี้ผมเริ่มชอบวิ่งนะครับ ก็คือเริ่มที่จะสนใจเรื่องของสุขภาพมากขึ้น การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก่อนเป็นคนที่ไม่ออกกำลังกายแล้วพออายุถึงวัยหน่ึงปุ๊บเนี่ย เริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยง่ายขึ้นก็เลยไปออกกำลังกาย พอออกกำลังกายคนเราก็ต้องหาอะไรที่เหมาะกับตัวเอง ผมพบว่าสุขภาพเรา 2 ปีหลังเนี่ยไม่ดี หัวใจเต้นผิดจังหวะเราก็เลยไปวิ่งพอเราวิ่งแล้วก็กลัวนะ แต่เราก็วิ่งไปเรื่อยๆ จาก 10 กิโลก็เพิ่มเป็น 20 กับ 21 จาก 21 ก็กลายเป็นมาราธอนรู้สึกเลยว่าการออกกำลังกายมันช่วยให้ความเครียดในการทำงานลดลง มีเวลาส่วนตัวอะไรมากขึ้น การออกกำลังกายคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ เลยทำให้คนอื่นเขาเห็นว่าเราทำได้นะ คนอื่นก็ทำได้เช่นเดียวกัน เหมือน
ส่งต่อแรงบันดาลใจประมาณนั้น
“อย่าแค่ฝัน” สนใจก็ลงมือทำเลยดีกว่า
ถ้าคิดจะเรียนสายนี้ หรือชอบเรียนสายนี้ มีความฝันอยากทำงานเกี่ยวกับภาพยนตร์ก็มาเลยครับ ความชอบเนี่ยมันเป็นทั้งต้นทุนทั้งกำไร ที่ทำให้เรามาต่อยอดอะไรได้เร็วมากยิ่งขึ้น และเมื่อเราชอบทำมันแล้ว เราก็จะทำมันได้ดีและก็จะรักมันเอง พอเวลาเรารักอะไร เราก็จะทำแบบเต็มที่ที่สุดและเต็มใจทำได้นานๆ ฉะนั้นถ้าชอบเรียนอะไรจะเป็นสาขาไหนก็ตาม คุณชอบแล้วได้มาเรียนก็ยังทำมันก็ออกมาดีกว่าสิ่งที่คุณไม่ชอบแน่นอน มาเรียนที่ ม.ศรีปทุม อย่างที่เล่าว่าเรามีโค้ชดูแลให้นะ อาจารย์เข้าถึงได้ทุกคน มีอะไรมาเคาะห้องถามได้เลย เพราะฉะนั้นผมเต็มที่ๆ จะดูแลทุกคนอยู่แล้วขอให้คุณรักและตั้งใจที่จะทำมันเช่นกัน
เตรียมพบกับ ฉ า ย ห นั ง 3 วันที่ 15 ธันวาคม นี้
ณ โรงภาพยนตร์ SF World Cinema
@ Central World