หนูดุนะ!! พี่ไหวเหรอ
…. บีม พัชรีพร เอมโอฐ ….
นักกีฬาฟันดาบ สุดสวย ปี 1 วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน
วันนี้ แอดมินจะพาไปรู้จักกับสาวน้อยหน้าตาน่ารัก ขวัญใจชาวศรีปทุม น้องบีม พัชรีพร เอมโอฐ นักศึกษาปี 1 วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน กับมุมมองการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน เพราะเธอมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อก้าวขึ้นเป็นนักกีฬาฟันดาบหญิง ทีมชาติไทย ควบคู่ไปกับการเป็นนักวางแผน! ถ้าพร้อมแล้ว เราไปทำความรู้จักกับเธอกันเลย….น้องบีม : สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคน บีม พัชรีพร เอมโอฐ ค่ะ ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน เป็นนักศึกษาทุนผู้มีความสามารถพิเศษด้านกีฬา เพราะบีมเป็นนักกีฬาฟันดาบ ซึ่งปกติแล้วเวลาว่างของ บีมก็จะเทให้กับกับการซ้อมฟันดาบ เพื่อพัฒนาฝีมือตัวเอง ทำให้ต้องมีการวางแผนการใช้ชีวิตในแต่ละวันให้รอบคอบอยู่เสมอ
ทำไมต้อง วิทยาลัยโลจิสติกส์ ศรีปทุม
น้องบีม : เหตุผลที่บีมเลือกเรียนสาขานี้ เพราะคิดว่าสาขานี้มีความน่าสนใจและตอบโจทย์ พฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบันและอนาคต ที่เปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนถ้าต้องการซื้อของก็ต้องไปซื้อที่ห้างสรรพสินค้า หรือถ้าอยากได้ของที่ไม่มีขายในประเทศไทย ก็ต้องฝากคนที่ไปต่างประเทศซื้อ หิ้วเข้ามาให้ แต่ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีต่างๆ ช่วยให้การติดต่อสื่อสารง่ายขึ้น คนสามารถ Shopping Online ได้ง่าย มี Platform ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค ซึ่งระบบ Logistic จะเป็นกลไกสำคัญตรงนี้ หากเรียนสาขานี้น่าจะเป็นที่ต้องการของภาคอุตสาหกรรมในอนาคตซึ่งสาขานี้มีการเรียนรู้ในทุกศาสตร์ และนำมาประยุกต์เข้าไว้ด้วยกัน บริหาร การตลาด การขนส่ง โดยแต่ละศาสตร์ ก็จะมีความน่าสนใจในตัวเอง อยู่ที่มุมมองและการหยิบมันขึ้นมาใช้ อย่างในส่วนวิชาเฉพาะของคณะที่เรียน ก็จะได้เรียนตั้งแต่ การวางแผนการขนส่ง การจัดเก็บและควบคุมสินค้า การจัดซื้อจัดหา การจัดการศูนย์กระจายสินค้า การบรรจุภัณฑ์ การส่งมอบสินค้า การติดต่อทำธุรกิจระหว่างประเทศและที่ศรีปทุมเองก็มีหลักสูตรนี้ เลยตอบโจทย์ทั้ง สิ่งที่ตัวเราเองอยากเรียนเพื่ออนาคตและยังได้รับทุนส่งเสริมนักกีฬาอีกด้วย เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยค่ะ“คนที่จบทางด้านโลจิสติกส์ สามารถทำงานได้หลากหลายนะคะ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการด้านขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ หรือจะทำในส่วนของการ ดูแลคลังสินค้า ฝ่ายจัดซื้อ หรือฝ่ายควบคุมการขนส่ง ซึ่งจำเป็นมากๆ สำหรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต บีมจึงเลือกเข้ามาเรียนค่ะ”
จุดเริ่มต้น ที่ทำให้เรากลายเป็น
นักกีฬาฟันดาบ
น้องบีม : มันเริ่มจากตอน ม.4 บีมอยากทำงาน Part time แต่ด้วยตอนนั้น มีข้อจำกัดด้านอายุ จึงไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงาน เพื่อนที่เป็นนักกีฬาฟันดาบ ก็เลยชวนมาทำงานเป็นเด็กจดแต้มในสนาม ก็เลยได้เริ่มงานนี้ ตอนอยู่ ม.5 เป็นลักษณะของการนั่งกดแต้ม ข้างๆ กรรมการ จนเป็นที่รู้จักของทั้งสนาม ประกอบกับตอนนั้นโค้ชเขาอยากปั้นเด็ก เพราะคนที่จะมาเลือกเล่นกีฬาฟันดาบ มันค่อนข้างน้อย ก็เลยชวนมาลองเล่น บีมเลยตัดสินใจลองดูค่ะพอได้ลองแล้วตอนแรกก็ไม่ชอบ เพราะมันเหนื่อยมาก ไหนจะต้องซ้อม ไหนจะต้องต้องหัดท่ายกขา เล่นแรกๆ น้ำหนักขึ้น ขาใหญ่ เลยไม่ชอบเข้าไปใหญ่เลย ทำไมเป็นนักกีฬาแต่ว่าอ้วน มีช่วงที่ท้ออยากเลิกเล่นเหมือนกัน แต่คิดว่า เราเดินมาไกลพอสมควรแล้ว เป็นถึงตัวแทนเยาวชนจังหวัดแล้ว จะเลิกก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน เลยลองฮึดอีกตั้ง ซึ่งพอเราชินกับตารางการซ้อม เริ่มลงสนามแข่งขัน ก็เริ่มติดใจ“บีมประทับใจตอนได้ไปแข่ง เจียงฮายเกมส์ ปี 2018 มากๆ เพราะเป็นการแข่งขัน กีฬาเยาวชนแห่งชาติ และเป็นแมตช์ที่ใหญ่ที่สุดของหนู ซึ่งได้รางวัลที่ 3 ประเภททีมมาค่ะ มันเหมือนเราประสบความสำเร็จอีกไปอีกก้าว ได้เหรียญรางวัลจากสนามที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ได้พัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกขั้น”
เสน่ห์ของกีฬา ฟันดาบ
อยู่ภายใต้หน้ากาก
น้องบีม : เสน่ห์ของกีฬาฟันดาบ คือ ตอนเราใส่หน้ากาก ไม่มีใครรู้ว่า เราเป็นใคร เราคิดอะไร เราสามารถเป็นตัวของตัวเอง ได้เต็มที่ ขณะที่เราอยู่ในสนาม เราจะต้องมีสมาธิ มีสติตลอดเวลาเพราะเราก็ต้องอ่านใจคู่แข่งด้วยเช่นกันว่าเค้าจะแก้เกมเรายังไง แต่จริงๆ แล้ว กีฬา หรือการออกกำลังกายทุกประเภท มันมีเสน่ห์เฉพาะตัว เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล ต้องอาศัยความเป็นทีมที่จะพาให้เราชนะ หรือ แพ้ แต่อย่างการฟันดาบ จะเป็นทั้งกีฬาเดี่ยว และทีม ซึ่งแม้ว่าจะแข่งเป็นทีม เวลาลงสนามก็ลงทีละคนอยู่ดี เราจึงต้องอยู่กับตัวเอง หากเราทำได้ นอกจากการที่เราชนะคู่แข่งแล้ว เรายังชนะตัวเองอีกด้วยดังนั้น กีฬาทุกประเภท มีประโยชน์หมด แค่ได้ขยับแข้ง ขยับขา ให้หัวใจได้สูบฉีด ก็ทำให้หัวใจแข็งแรงแล้วค่ะ ถ้าใครยังไม่เคยเล่นกีฬา บีมอยากให้ลองเล่นดูค่ะ อย่าเพิ่งคิดว่าเหนื่อย ต้องลองทลายข้อจำกัดของตัวเองดู แล้วจะพบว่า ตัวเราเองสามารถทำอะไรได้มากมายหลายอย่างกว่าที่เราคิด ซึ่งการออกกำลังกายนอกจากจะทำให้ร่างกายเราแข็งแรงแล้ว เรายังได้เพื่อนอีกด้วย อยากให้ทุกคนลองนึกย้อนไปถึงตอนที่เราแข่งกีฬาสีกันตอนเด็กๆ ทุกคนจะมีเป้าหมายที่อยากให้สีของเราชนะ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา กองเชียร์ หรือพาเหรด นั่นคือความร่วมแรงร่วมใจ ความสามัคคี ที่จะพาให้ทุกคนได้บรรลุเป้าหมายความสำเร็จร่วมกัน อยากให้เพื่อนๆ ลอง Challenge ตัวเองดูค่ะ ลองตั้งเป้าง่ายๆ ก่อน เพื่อไม่เป็นการกดดันตัวเองมากไป อาจจะเป็นการเข้าฟิตเนสของมหาวิทยาลัยหลังเลิกเรียนก็ได้ แอโรบิก โยคะ หรือลองลงรายการวิ่ง ดูสักรายการ แล้วจะพบว่า การตื่นมาวิ่งเช้าๆ มันสดชื่นจริงๆ ค่ะ
อนาคตเรา เราเลือกได้
เพราะทุกอย่าง อยู่ที่ตัวเรา
น้องบีม : เป้าหมายเรื่องการเรียน บีมแพลนไว้ว่า จะเรียนหลักสูตร 4+1 ซึ่งเป็นหลักสูตรปริญญาตรีควบคู่ปริญญาโท ที่ใช้เวลาเรียน 5 ปี เราก็จะจบทั้งป.ตรี และ ป.โท ประหยัดเวลาได้นิดนึง 555+ หลังเรียนจบก็อยากทำงานในด้านที่ตัวเองเรียนมา คือ Logistic โดยส่วนตัวสนใจการขนส่งทางเรือเป็นพิเศษค่ะ เพราะว่าด้วยค่าตอบแทนค่อนข้างสูง แต่สิ่งที่บีมมองว่า ตัวเองยังต้องพัฒนาคือ ภาษาอังกฤษ เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ต่อไปในอนาคต ยิ่งเราอยากทำงานด้านการขนส่ง แน่นอนว่าต้องติดต่อกับต่างประเทศเป็นหลัก Skill ด้านภาษาจึงสำคัญมากส่วนเรื่อง ฟันดาบ แน่นอนว่า ก่อนจบมหาวิทยาลัย จะต้องเป็นทีมชาติให้ได้ ซึ่งตอนนี้ก็เหลือเวลาราวๆ 3 ปี เราก็ได้ผ่านเวทีที่ใหญ่รองจากทีมชาติมาแล้วคือ กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ซึ่งบีมก็กำลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยการลงแข่งในหลายๆ สนาม เพื่อไปให้ถึงทีมชาติให้ได้ ยังไงก็จะไม่ทิ้งแน่นอน เพราะระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่เริ่มเล่นมา มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วค่ะ ^^ ฟังแล้ว มี passion ขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหมคะ ทั้งสวย ทั้งเก่ง ทั้งขยันแบบนี้ แอดว่า ความสำเร็จของน้องบีมอยู่ไม่ไกลแน่นอน เรามาเอาใจช่วยน้องบีมให้ได้เป็นตัวแทนทีมชาติไทยกันนะคะ และเมื่อถึงวันนั้นรับรองน้องบีมจะต้องเป็นนักกีฬาที่เรตติ้งดีที่สุดในสนาม ชัวร์ !!! แอดฟันธง