ฝ่ายจัดซื้อกับการเลือกเรียนต่อปริญญาโท MBA: ยกระดับทักษะสู่ยุคดิจิทัล
OVERVIEW
บทบาทของ ฝ่ายจัดซื้อ (Procurement/Purchasing) ในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่เน้นเรื่องการจัดการเอกสารและการต่อรองราคา กลายเป็นหน่วยงานเชิงกลยุทธ์ที่มีผลต่อความสามารถในการแข่งขันขององค์กรโดยตรง การเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้การตัดสินใจต้องอาศัยข้อมูลที่แม่นยำและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลขึ้น การ เรียนต่อ ในระดับ ปริญญาโท โดยเฉพาะหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต หรือ MBA จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับทักษะและเตรียมความพร้อมสำหรับความท้าทายใหม่ๆ
ทำไม MBA ถึงสำคัญต่อสายงานฝ่ายจัดซื้อในปัจจุบัน?
การทำงานใน ฝ่ายจัดซื้อ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การหาซัพพลายเออร์ที่ให้ราคาดีที่สุดอีกต่อไป แต่ต้องมองภาพรวมของธุรกิจให้ออก การ เรียนต่อปริญญาโท MBA จะช่วยเติมเต็มมุมมองที่ขาดหายไปและมอบทักษะที่จำเป็น ดังนี้
- มุมมองเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking): หลักสูตร MBA สอนให้คุณมองเห็นภาพรวมขององค์กร เข้าใจว่าการตัดสินใจของ ฝ่ายจัดซื้อ ส่งผลกระทบต่อฝ่ายการเงิน การตลาด และการผลิตอย่างไร ทำให้สามารถวางแผนการจัดซื้อที่สอดคล้องกับเป้าหมายหลักของบริษัทได้
- ความรู้ด้านการเงินและการวิเคราะห์ (Financial Acumen): เข้าใจงบการเงิน ประเมินความเสี่ยงทางการเงินของซัพพลายเออร์ และวิเคราะห์ต้นทุนรวม (Total Cost of Ownership) ได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการตัดสินใจจัดซื้อที่มีมูลค่าสูง
- ทักษะการเจรจาต่อรองและการสื่อสารระดับสูง: ยกระดับการเจรจาจากแค่เรื่องราคา ไปสู่การสร้างความสัมพันธ์เชิงพันธมิตรกับซัพพลายเออร์ การบริหารจัดการความขัดแย้ง และการนำเสนอโครงการจัดซื้อให้ผู้บริหารระดับสูงอนุมัติ
- การบริหารซัพพลายเชนและโลจิสติกส์: หลักสูตร MBA สมัยใหม่มักมีวิชาเลือกที่เน้นด้านซัพพลายเชนโดยตรง ช่วยให้เข้าใจกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถอ่านบทความ การบริหารซัพพลายเชนยุคใหม่)
ทักษะสำคัญที่ได้จากการเรียนต่อ MBA ที่ฝ่ายจัดซื้อนำไปใช้ได้จริง
การตัดสินใจ เรียนต่อปริญญาโท ไม่ใช่แค่การได้วุฒิการศึกษา แต่คือการลงทุนเพื่อพัฒนาทักษะที่จับต้องได้ สำหรับคนในสายงาน ฝ่ายจัดซื้อ ทักษะเหล่านี้คือตัวเปลี่ยนเกม
- Data-Driven Decision Making: เรียนรู้การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อคาดการณ์ความต้องการ ประเมินประสิทธิภาพซัพพลายเออร์ และหาโอกาสในการลดต้นทุนอย่างมีหลักการ ไม่ใช่แค่ใช้ความรู้สึก
- Leadership and Team Management: พัฒนาภาวะผู้นำเพื่อบริหารทีมจัดซื้อให้มีประสิทธิภาพ สร้างแรงจูงใจ และทำงานร่วมกับแผนกอื่นได้อย่างราบรื่น
- Risk Management: เรียนรู้วิธีประเมินและจัดการความเสี่ยงในซัพพลายเชน ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ภัยธรรมชาติ หรือความผันผวนทางเศรษฐกิจ
- Global Perspective: เข้าใจความซับซ้อนของการจัดซื้อในตลาดโลก กฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ และความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน
เมื่อไหร่ที่ควรพิจารณาเรียนต่อปริญญาเอก (DBA)?
ขณะที่ MBA เน้นการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ การ เรียนต่อ ระดับ ปริญญาเอก อย่าง Doctor of Business Administration (DBA) จะเน้นไปที่การทำวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่สามารถนำไปแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อนได้จริง
- เหมาะสำหรับ: ผู้บริหารระดับสูง (C-Level), ที่ปรึกษาอาวุโส, หรือผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายงานไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ที่ต้องการความเชี่ยวชาญเชิงลึกและสร้างทฤษฎีใหม่ๆ ให้กับวงการจัดซื้อและซัพพลายเชน
- ความแตกต่างจาก MBA: DBA คือการสร้างความรู้ใหม่ผ่านงานวิจัย ส่วน MBA คือการนำความรู้ที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาทางธุรกิจในปัจจุบัน
สำหรับผู้ที่สนใจมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในวิชาชีพจัดซื้อ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก The Chartered Institute of Procurement & Supply (CIPS) ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพระดับโลก
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรปริญญาโท-เอกสำหรับฝ่ายจัดซื้อ
หลักสูตรปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ
หลักสูตรปริญญาเอก ด้านบริหารธุรกิจ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: จำเป็นหรือไม่ที่ฝ่ายจัดซื้อต้องเรียนต่อ MBA เพื่อความก้าวหน้า?
A: ไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เป็น “ตัวเร่ง” ที่สำคัญอย่างยิ่ง ประสบการณ์ทำงานเป็นสิ่งที่มีค่า แต่การ เรียนต่อ MBA จะมอบกรอบความคิดเชิงกลยุทธ์, Connection, และความรู้ข้ามสายงานที่หาไม่ได้จากการทำงานเพียงอย่างเดียว ซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับการเติบโตไปสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในสายงาน ฝ่ายจัดซื้อ หรือซัพพลายเชน
Q2: หลักสูตร MBA กับ DBA แตกต่างกันอย่างไรสำหรับคนทำงานฝ่ายจัดซื้อ?
A: MBA (ปริญญาโท) มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการบริหารจัดการเพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาทางธุรกิจในปัจจุบัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติบโตในตำแหน่งบริหาร ส่วน DBA (ปริญญาเอก) มุ่งเน้นการทำวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ เหมาะสำหรับผู้บริหารระดับสูงหรือผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการแก้ปัญหาระดับมหภาคหรือสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม
Q3: ควรเลือกหลักสูตร MBA ที่เหมาะสมกับฝ่ายจัดซื้ออย่างไร?
A: ควรพิจารณาหลักสูตร MBA ที่มีวิชาเลือก (Elective Courses) หรือมีความเชี่ยวชาญ (Specialization) ในด้าน Supply Chain Management, Operations Management หรือ Logistics มองหาคณาจารย์ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม และพิจารณาเครือข่ายศิษย์เก่า (Alumni Network) ที่แข็งแกร่งในสายงานซัพพลายเชนและ ฝ่ายจัดซื้อ เพื่อประโยชน์ในระยะยาว
