OVERVIEW

• 1. เริ่มต้นอย่างไร: ค้นหาแรงบันดาลใจสำหรับหัวข้อวิจัย
• 2. 5 เทคนิคสำคัญในการเลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์ที่ใช่
• 3. ความแตกต่างระหว่างหัวข้อวิจัยปริญญาโทและเอก
• 4. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เริ่มต้นอย่างไร: ค้นหาแรงบันดาลใจสำหรับหัวข้อวิจัย

จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดมักมาจากสิ่งรอบตัว การค้นหาแรงบันดาลใจสามารถทำได้จากหลายแหล่งที่มา เพื่อให้ได้ประเด็นที่น่าสนใจและตรงกับความต้องการของตนเอง

• ความสนใจส่วนตัว: เลือกเรื่องที่รู้สึกตื่นเต้นและอยากรู้คำตอบ เพราะสิ่งนี้จะเป็นแรงผลักดันสำคัญตลอดเส้นทางการทำวิจัย
• ช่องว่างขององค์ความรู้ (Research Gap): อ่านงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเยอะๆ เพื่อมองหาประเด็นที่ยังไม่มีใครศึกษา หรือยังมีข้อถกเถียงที่หาข้อสรุปไม่ได้
• ปัญหาในโลกความเป็นจริง: มองหาปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคมหรือองค์กรที่ทำงานอยู่ และคิดหาวิธีแก้ไขปัญหานั้นผ่านกระบวนการวิจัย
• การปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา: อาจารย์มักมีมุมมองที่กว้างและเห็นภาพรวมขององค์ความรู้ในสาขานั้นๆ สามารถให้คำแนะนำและชี้แนวทางที่น่าสนใจได้

5 เทคนิคสำคัญในการเลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์ที่ใช่

เมื่อมีประเด็นที่สนใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการประเมินและคัดเลือกเพื่อให้ได้หัวข้อที่ดีที่สุด การพิจารณาปัจจัยเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสำเร็จการศึกษา

• มีความเป็นไปได้ในการทำวิจัย (Feasibility): ประเมินทรัพยากรที่มี ทั้งในด้านเวลา งบประมาณ การเข้าถึงข้อมูล และเครื่องมือที่จำเป็น ต้องแน่ใจว่าสามารถทำได้จริงภายในกรอบเวลาที่กำหนด
• มีคุณค่าและสร้างองค์ความรู้ใหม่ (Significance & Originality): หัวข้อที่ดีควรมีประโยชน์เชิงวิชาการหรือเชิงปฏิบัติ สามารถต่อยอดองค์ความรู้เดิม หรือนำเสนอแง่มุมใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีใครทำ
• สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของอาจารย์ที่ปรึกษา: การเลือกหัวข้อที่อาจารย์มีความถนัดจะทำให้ได้รับคำแนะนำที่มีคุณภาพและตรงจุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง
• กำหนดขอบเขตให้ชัดเจน (Well-Defined Scope): หัวข้อไม่ควรกว้างหรือแคบจนเกินไป การกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนจะทำให้การวิจัยมีทิศทางและสามารถวัดผลได้ง่ายขึ้น
• มีความน่าสนใจและท้าทาย (Engaging & Challenging): เลือกหัวข้อที่ทำให้รู้สึกกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และลงมือทำไปจนจบกระบวนการ

ความแตกต่างระหว่างหัวข้อวิจัยระดับปริญญาโท-เอก

แม้จะมีหลักการพื้นฐานคล้ายกัน แต่ความคาดหวังต่องานวิจัยของทั้งสองระดับมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

• ปริญญาโท: เน้นการประยุกต์ใช้ทฤษฎี การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ หรือการแก้ปัญหาเฉพาะทาง แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในองค์ความรู้ของสาขานั้นๆ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
• ปริญญาเอก: ต้องสร้างองค์ความรู้ใหม่ (Original Contribution) ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนอย่างแท้จริง งานวิจัยต้องมีความลุ่มลึก ท้าทายองค์ความรู้เดิม และสามารถสร้างผลกระทบในวงกว้างทางวิชาการได้

ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกหัวข้อวิจัยได้ในบทความ ปัจจัยสำคัญในการกำหนดหัวข้อวิจัยและหัวข้อวิทยานิพนธ์สำหรับนักศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอก

————————————————————

รวมหลักสูตรปริญญาโท-เอก มหาวิทยาลัยศรีปทุม

หลักสูตรปริญญาเอก มหาวิทยาลัยศรีปทุม

รวม 8 หลักสูตร

• หลักสูตรบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต (DOCTOR OF BUSINESS ADMINISTRATION)
• หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา (DOCTOR OF PHILOSOPHY (EDUCATIONAL ADMINISTRATION))
• หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน (DOCTOR OF PHILOSOPHY (LOGISTICS AND SUPPLY CHAIN MANAGEMENT))
• หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบัญชี (DOCTOR OF PHILOSOPHY (ACCOUNTANCY))
• หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ (DOCTOR OF PHILOSOPHY (INFORMATION TECHNOLOGY))
• หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิติรัฐกิจและการบริหาร (DOCTOR OF PHILOSOPHY (PUBLIC AND BUSINESS ADMINISTRATION JURISPRUDENCE))
• หลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต (DOCTOR OF LAWS)
• หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา (DOCTOR OF ENGINEERING (CIVIL ENGINEERING))

หลักสูตรปริญญาโท มหาวิทยาลัยศรีปทุม

รวม 9 หลักสูตร

• หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MASTER OF BUSINESS ADMINISTRATION)
• หลักสูตรการจัดการมหาบัณฑิต (MASTER OF MANAGEMENT ADMINISTRATION)
• หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (MASTER OF PUBLIC ADMINISTRATION PROGRAM)
• หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานวัตกรรมการเรียนรู้และการสอน (MASTER OF EDUCATION (INNOVATIONS IN LEARNING AND TEACHING))
• หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา (MASTER OF EDUCATION (EDUCATIONAL ADMINISTRATION))
• หลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิต (MASTER OF ACCOUNTANCY)
• หลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต (MASTER OF LAWS)
• หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ (MASTER OF SCIENCE (INFORMATION TECHNOLOGY))
• หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา (MASTER OF ENGINEERING (CIVIL ENGINEERING))

————————————————————

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)