อยากเป็นคนเนรมิตโชว์สุดปัง? เจาะลึกอาชีพ Show Designer ที่สาขาการสร้างสรรค์อีเวนต์ฯ ม.ศรีปทุม
เคยไหม? เวลาไปดูคอนเสิร์ตแล้วใจเต้นรัวไปกับจังหวะแสงสีที่สาดส่องลงมาพร้อมกับบีทของดนตรี… หรือเวลาเดินเข้างานอีเวนต์แล้วต้องร้อง “ว้าว!” กับโปรดักชันสุดอลังการที่เหมือนพาเราหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง เคยสงสัยกันไหมว่าใครคือคนคิด ใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง “เวทมนตร์” เหล่านี้? คำตอบก็คือ “Show Designer” หรือ “ผู้ออกแบบการแสดง” นั่นเอง! และถ้าเธอคือคนหนึ่งที่ฝันอยากจะเป็นผู้สร้างสรรค์ประสบการณ์สุดพิเศษแบบนั้น บอกเลยว่ามาถูกที่แล้ว! เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกอาชีพสุดเจ๋งนี้ พร้อมส่องหลักสูตรที่ปั้นมือโปรตัวจริงอย่าง สาขาการสร้างสรรค์อีเวนต์และการจัดการอุตสาหกรรมบันเทิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) กันแบบจัดเต็ม!
Show Designer ไม่ใช่แค่ออแกไนเซอร์ แต่คือ “สถาปนิกแห่งประสบการณ์”
ก่อนอื่นต้องขอเคลียร์ความเข้าใจผิดยอดฮิตกันก่อน! หลายคนอาจจะคิดว่า Show Designer ก็คือออแกไนเซอร์ที่คอยจัดงานทั่วไป แต่ความจริงแล้วมันลึกซึ้งกว่านั้นมาก! ถ้าออแกไนเซอร์คือผู้จัดการที่ทำให้งานเกิดขึ้นได้ Show Designer ก็คือ “ผู้กำกับศิลป์” หรือ “สถาปนิก” ที่ออกแบบ ประสบการณ์ทั้งหมด ของผู้เข้าร่วมงานเลยล่ะ
หน้าที่ของพวกเขาคือการหลอมรวมทุกองค์ประกอบให้กลายเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเล่าเรื่องและสร้างอารมณ์ตามคอนเซ็ปต์ที่วางไว้ ลองนึกภาพตามนะ:
- แสง (Lighting): ไม่ใช่แค่เปิดไฟให้สว่าง แต่คือการใช้สี ความเข้ม จังหวะการเคลื่อนไหวของแสง เพื่อสร้างมู้ดแอนด์โทน ตั้งแต่ซีนเปิดตัวสุดทรงพลังไปจนถึงช่วงซึ้งๆ ที่เรียกน้ำตา
- เสียง (Sound): การออกแบบระบบเสียงให้กระหึ่ม คมชัด และการเลือกใช้ Sound Effect ที่ใช่ เพื่อบิ้วด์อารมณ์คนดูให้พีคสุดขีด
- ภาพ (Visual & Scenography): ตั้งแต่การออกแบบเวที ฉาก LED กราฟิกที่ฉายบนจอ ไปจนถึงเทคนิคสุดล้ำอย่าง Projection Mapping ที่เปลี่ยนตึกธรรมดาให้กลายเป็นผืนผ้าใบแห่งจินตนาการ
- เทคนิคพิเศษ (Special Effects): ควัน ดรายไอซ์ พลุ กระดาษโปรย (CO2 & Pyro) ทุกอย่างที่เข้ามาสร้างเซอร์ไพรส์และทำให้โชว์น่าจดจำ
- การกำกับคิว (Show Calling): ในวันแสดงจริง Show Designer มักจะรับบทเป็น Show Caller คอยสั่งคิวทุกอย่างให้เป๊ะตามสคริปต์ ทั้งแสง เสียง ภาพ ศิลปิน ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีที่ถูกต้อง
พูดง่ายๆ ก็คือ Show Designer คือคนที่ตอบคำถามว่า “เราจะทำให้คนดู รู้สึก อย่างไร?” ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในงานจนกระทั่งจบโชว์เลยทีเดียว มันคือการผสมผสานศาสตร์แห่งศิลปะ จิตวิทยา และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
ทำไมต้องปั้นฝันที่ “สาขาการสร้างสรรค์อีเวนต์ฯ SPU”?
เมื่อรู้แล้วว่าอาชีพนี้เจ๋งขนาดไหน คำถามต่อมาคือ “แล้วจะไปเรียนที่ไหนดี?” ถ้าพูดถึงเรื่องอีเวนต์และอุตสาหกรรมบันเทิง ชื่อของ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ต้องขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ในใจแน่นอน และนี่คือเหตุผลว่าทำไมที่นี่ถึงเป็นเหมือน Play Ground ชั้นดีสำหรับว่าที่ Show Designer ตัวท็อป!
1. เรียนกับตัวจริง ประสบการณ์จริงแบบ “No มโน”
ลืมภาพการนั่งเรียนเลคเชอร์ในห้องสี่เหลี่ยมแบบเดิมๆ ไปได้เลย! ที่ SPU เขาเน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริงแบบ 100% อาจารย์ผู้สอนหลายท่านก็คือคนในวงการตัวจริงเสียงจริงที่ยังทำงานอยู่ในปัจจุบัน เป็น Show Director, Lighting Designer, Production Manager ที่ผ่านงานระดับประเทศมานับไม่ถ้วน! แปลว่าอะไร? แปลว่าเราจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ได้ฟัง Case Study สดๆ ร้อนๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น และที่สำคัญคือได้ Connection ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ!
2. อุปกรณ์และห้องปฏิบัติการจัดเต็ม เหมือนยกโปรดักชันเฮ้าส์มาไว้ในมหา’ลัย
อยากเป็น Show Designer แต่ไม่เคยจับอุปกรณ์จริง? ไม่มีทางเกิดขึ้นที่นี่! SPU จัดเต็มด้วยห้องปฏิบัติการและเครื่องมือที่ทันสมัยเทียบเท่าระดับมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็น:
- ห้องปฏิบัติการแสงและเสียง: ให้นักศึกษาได้ลองออกแบบและควบคุมระบบไฟ คอนโซลเสียง เหมือนที่ใช้ในคอนเสิร์ตจริงๆ
- สตูดิโอผลิตรายการ: พร้อมด้วย Green Screen และอุปกรณ์ถ่ายทำครบวงจร สำหรับการสร้างสรรค์ Visual Content
- อุปกรณ์สำหรับจัดอีเวนต์จริง: ตั้งแต่โครงสร้างเวที Truss ระบบไฟ LED ไปจนถึงเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่พร้อมให้นักศึกษาหยิบไปใช้ในโปรเจกต์ของตัวเอง
การได้คุ้นเคยกับอุปกรณ์เหล่านี้ตั้งแต่ในห้องเรียน ทำให้เมื่อจบไปทำงานจริง เราจะไม่ใช่แค่คนมีไอเดีย แต่เป็นคนที่รู้วิธีทำให้ไอเดียนั้นเกิดขึ้นได้จริงด้วย
3. หลักสูตรที่มองไปข้างหน้า อัปเดตทุกเทรนด์โลก
อุตสาหกรรมบันเทิงเปลี่ยนแปลงเร็วมาก! เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา หลักสูตรของที่นี่จึงไม่ใช่แค่ตำราเก่าๆ แต่อัปเดตตลอดเวลาเพื่อให้ทันโลก เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทรนด์ล่าสุดอย่าง:
- Interactive Technology: การสร้างสรรค์โชว์ที่ผู้ชมมีส่วนร่วมได้ผ่านแอปพลิเคชันหรือเซ็นเซอร์
- Immersive Experience: การออกแบบประสบการณ์ที่ดึงผู้ชมให้จมดิ่งไปกับโลกที่สร้างขึ้น เช่น การใช้ AR/VR ในอีเวนต์
- Hybrid & Virtual Event: การจัดงานอีเวนต์ที่ผสมผสานระหว่างโลกจริงและโลกออนไลน์ให้ไร้รอยต่อ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
ส่องวิชาเรียนสุดจี๊ด! กว่าจะมาเป็น Show Designer ต้องเรียนอะไรบ้าง?
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น เรามาแอบดูกันดีกว่าว่าในรั้ว SPU เขาเรียนอะไรกันบ้าง บอกเลยว่าแต่ละวิชาคือสนุกและได้ใช้จริงแน่นอน!
กลุ่มวิชาสร้างสรรค์ (The Creative Core)
หัวใจของการเป็นนักออกแบบ! กลุ่มวิชานี้จะสอนให้เราคิดอย่างสร้างสรรค์และเล่าเรื่องผ่านองค์ประกอบต่างๆ
- การเขียนบทสำหรับอีเวนต์และการแสดง: เรียนรู้การสร้างโครงเรื่อง การเล่าเรื่อง (Storytelling) เพื่อทำให้โชว์มีมิติและน่าติดตาม
- การออกแบบแสงและเสียงเพื่อการแสดง: เจาะลึกทฤษฎีสี จิตวิทยาของแสง การเลือกใช้ไฟแต่ละชนิด และการออกแบบเสียงเพื่อสร้างอารมณ์
- การออกแบบฉากและเวที (Scenography): ไม่ใช่แค่ตั้งเวที แต่คือการออกแบบพื้นที่ทั้งหมดให้สื่อสารกับคอนเซ็ปต์ของงาน
กลุ่มวิชาโปรดักชัน (The Production Powerhouse)
จากไอเดียในกระดาษสู่โชว์ที่เกิดขึ้นจริง! กลุ่มนี้คือการเรียนรู้กระบวนการผลิตทั้งหมด
- การกำกับการแสดงและกำกับเวที: เรียนรู้การเป็น “ผู้บัญชาการ” ของโชว์ การจัดการคิว การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
- เทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับอีเวนต์: ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะมาอัปเกรดโชว์ของเราให้ล้ำกว่าใคร
- การบริหารจัดการโปรเจกต์อีเวนต์: สอนตั้งแต่การวางแผน งบประมาณ การประสานงานกับทีมต่างๆ ไปจนถึงการประเมินผลหลังจบงาน
จบแล้วไปไหน? เส้นทางอาชีพที่ไกลกว่าแค่ “คนจัดงาน”
นี่คือคำถามสำคัญที่ทุกคนอยากรู้! บอกเลยว่าบัณฑิตจากสาขานี้ เนื้อหอมมากในตลาดงาน เพราะทักษะที่เราได้เรียนไปนั้นเป็นที่ต้องการสุดๆ ในอุตสาหกรรมบันเทิงและสร้างสรรค์ เราสามารถเติบโตไปในสายงานได้หลากหลายมาก เช่น:
- Show Designer / Director: ผู้ออกแบบและกำกับภาพรวมของโชว์ในคอนเสิร์ต, แฟชั่นโชว์, งานเปิดตัวสินค้า
- Lighting Designer / Programmer: ผู้ออกแบบแสงโดยเฉพาะ หรือโปรแกรมเมอร์ที่เขียนคิวแสงให้เคลื่อนไหวตามเพลง
- Concert & Festival Production Manager: ผู้จัดการฝ่ายผลิตของงานคอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรี
- Event Creative / Art Director: ครีเอทีฟผู้อยู่เบื้องหลังไอเดียสุดบรรเจิดของงานอีเวนต์
- Experiential Marketing Specialist: ผู้ออกแบบกิจกรรมการตลาดเชิงประสบการณ์ ที่ทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค
- Technical Director: ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ที่ดูแลระบบภาพ แสง เสียง และเอฟเฟกต์ทั้งหมดของงาน
- เจ้าของธุรกิจออแกไนเซอร์ หรือ Production House: แน่นอน! เรียนรู้ครบขนาดนี้ เปิดบริษัทของตัวเองไปเลยสิคะ!
เธอคือคนที่ใช่สำหรับอาชีพนี้หรือเปล่า? มาเช็คลิสต์กัน!
อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าใจเริ่มเต้นแรงแล้ว ลองมาเช็คกันหน่อยว่าเธอมีคุณสมบัติของว่าที่ Show Designer อยู่ในตัวหรือเปล่า?
- ✅ เป็นนักเล่าเรื่องตัวยง: ชอบคิด ชอบจินตนาการ และอยากถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพและเสียง
- ✅ หูตาไวเรื่องเทรนด์: เห็นเทคโนโลยีหรือโชว์ใหม่ๆ แล้วอดไม่ได้ที่จะเข้าไปศึกษาว่าเขาทำกันยังไง
- ✅ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง: รู้ดีว่า “แผน” มีไว้เปลี่ยน! พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
- ✅ ทำงานเป็นทีมได้ดีเยี่ยม: เพราะการสร้างโชว์สุดอลังการต้องอาศัยคนเก่งๆ จากหลายฝ่ายมารวมพลังกัน
- ✅ รักในเสียงดนตรีและการแสดง: และอยากเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความสุขและความทรงจำดีๆ ให้กับผู้คน
ถ้าติ๊กถูกเกิน 3 ข้อขึ้นไป… ยินดีด้วย! เธอเกิดมาเพื่อสิ่งนี้!
จุดประกายฝันให้เป็นจริง… ก้าวแรกสู่การเป็น Show Designer คนต่อไป!
การเป็น Show Designer ไม่ใช่แค่ความฝันลมๆ แล้งๆ อีกต่อไป แต่มันคือเส้นทางอาชีพที่จับต้องได้ ท้าทาย และสร้างสรรค์สุดๆ ที่ สาขาการสร้างสรรค์อีเวนต์และการจัดการอุตสาหกรรมบันเทิง มหาวิทยาลัยศรีปทุม พร้อมมอบเครื่องมือ ความรู้ และคอนเนคชันที่ดีที่สุดให้เธอได้ก้าวเดินบนเส้นทางนี้อย่างมั่นคงและมั่นใจ
ถ้าเธอพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนความหลงใหลให้กลายเป็นอาชีพ และอยากเป็น “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ที่เนรมิตทุกโชว์ให้อยู่ในความทรงจำของผู้คนไปตลอดกาล ที่นี่คือคำตอบ!
พร้อมสร้างเวทีของตัวเองแล้วหรือยัง?
ดูรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติมและสมัครเรียนได้แล้ววันนี้!
หรือพูดคุยกับพี่ๆ แอดมินและรุ่นพี่ได้ทาง Facebook คณะนิเทศศาสตร์ ม.ศรีปทุม
“`